'ผมจะไม่หยุดจนว่าเกมจะรีไทร์ผม'
มานูเอล หลุยส์ เปเยกรีนี่ เริ่มต้นงานเทรนเนอร์ในบ้านเกิดกับ อูนีเวร์ซีดาด เด ชีเล่ ตั้งแต่ปี 1988 ต่อด้วย ปาเลสตีโน่, โออิกกิ้นส์, อูนีเวร์ซีดาด กาโตลีกา ก่อนออกนอกบ้านเกิดครั้งแรกเพื่อรับงานเทรนเนอร์ของ แอลดียู กีโต้ ในช่วงปี 1999-2000 โดยนำทีมคว้าแชมป์ลีกเอกวาดอร์ตั้งแต่ปีแรก
จากนั้น เปเยกรีนี่ ย้ายมารับตำแหน่งเทรนเนอร์ของ ซาน โลเรนโซ่ การมาถึงของเขาเป็นเหตุผลในตัวมันเอง เขาเป็นวิศกรที่สโมสรไม่มี ก่อนจะนำทีมคว้าแชมป์ ปรีเมร่า ดิวิซิออน ของอาร์เจนตินา ซีซั่น 2000-2001 และ โกปา เมร์โกซูร์ ซึ่ง เปเยกรีนี่ กล่าวถึงตอนนั้นว่า 'มันจบลงด้วยการชื่นชม การยอมรับ'
เปเยกรีนี่ ยังนำ ริเวอร์ เพลท คว้าแชมป์ลีกอาร์เจนไตน์อีก 2 ปีถัดมา ก่อนจะเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกมุ่งหน้าสู่ยุโรปตั้งแต่ 19 ปีที่แล้ว
เทรนเนอร์ชาวชีเลโน่จบการศึกษาด้านวิศวกรรมโยธาในปี 1979 ขณะที่ค้าแข้งกับ อูนีเวร์ซีดาด เด ชีเล่ ที่เขาลงเล่นตำแหน่งเซนเตอร์มากกว่า 450 เกม ตลอดช่วง 13 ปี โดยลงเล่นกับทีมชาติชิลีเพียงครั้งเดียวในการเผชิญหน้ากับ บราซิล ในปี 1986
มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก เขาต้องสอบปลายภาคย้อนหลัง 18 เดือน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ในขณะนี้ 'คุณต้องเลือกวันเหล่านี้ ความต้องการมีมากเกินไปในฟุตบอลและวิชาการ' การผสมผสานระหว่างการฝึกสอนและวิศวกรรมเข้าด้วยกัน มันจึงไม่ควรเกิดขึ้น
'ชัดเจนว่าการจัดการไม่ใช่เส้นทางของผม' เปเยกรีนี่ เผย 'ผมตั้งใจจะเป็นนักฟุตบอลมาตลอด แต่เมื่อผมสิ้นสุดการเล่นฟุตบอล แผนของผมคือเป็นการวิศวกร ผมเรียนจบตอนอายุ 24 ปี, เล่นจนอายุ 34 ปี ผมเริ่มต้นงานกับบริษัทเล็ก, ซื้อที่ดิน, สร้างบ้าน แต่โชคดีที่ผมได้พบกับ เฟร์นานโด รีเอร่า ซึ่งเป็นโค้ชทีมชาติชิลีใน เวิลด์ คัพ ปี 62, โค้ชของ อูเซบีโอ ในเบนฟิก้า, ในเม็กซิโก, ฝรั่งเศส, อีกหลายที่ เขาปลุกสิ่งที่อยู่ในตัวผมที่ผมไม่รู้ว่าผมมี'
ไม่ใช่ว่าการศึกษามาทั้งหมดจะสูญเปล่า เปเยกรีนี่ เผยต่อว่า 'วิศวกรรมช่วยผมได้มาก มันเป็นวินัยที่แม่นยำมาก, เรียกร้อง สอนให้คุณคิดด้วยตรรกะ, ลำดับ และลำดับความสำคัญ การจัดการกลุ่มเป็นส่วนสำคัญที่สุด ผมพยายามแสดงให้พวกเขาเห็นว่ามีคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะช่วยเหลือพวกเขาเสมอ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมเรียนต่อ เพื่อปรับปรุงความเข้าใจ รวมถึงส่วนที่ห่างไกลจากฟุตบอล'
เปเยกรีนี่ สรุปวิธีการที่สร้างขึ้นจากพรสวรรค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาขาดไปในฐานะนักเตะ เขามีแนวคิดในการสร้างโครงสร้างฟุตบอลที่ไม่จำกัดเสรีภาพของผู้เล่นพรสวรรค์ ตัวอย่างเช่น ดาบิด ซิลบา ตอนที่เขาทำงานฐานะกุนซือของ แมนฯซิตี้ 'ผมไม่สามารถจำกัดบทบาทของ ดาบิด ซิลบา ด้วยการพูดว่าให้เตะบอลออกจากพื้นที่ของเราไปยังแดนพวกเขา'
เขายังมีความทรงจำอันดีกับ ซานติอาโก้ กาซอร์ล่า ในห้องแต่งตัวของ มาลาก้า, ความอบอุ่นกับนักเตะที่เขาทำงานด้วยอย่าง เจมส์ มิลเนอร์ และความพอใจที่ได้ฝึกสอนและเป็นที่ปรึกษากับนักเตะอย่าง เอ็นโซ่ มาเรสก้า, รุด ฟาน นิสเตลรอย, ชูลีโอ บาปติสต้า, มาร์ติน เดมิเคลีส, ดีเอโก้ ฟอร์ลัน และ ฆาเบียร์ กาเยฆา
เปเยกรีนี่ คลุกคลีกับวงการฟุตบอลมานานกว่า 50 ปี พึงพอใจกับการสร้างทีมมากกว่าคุมงานก่อสร้างตามที่ร่ำเรียนมา 'ผมแน่ใจจริงๆว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง และบางทีโลกวิศวกรรมก็มีความสุข ผมเลือกฟุตบอลด้วย ผมพยายามทำทั้งสองอย่าง แต่มันเป็นไปไม่ได้ ถ้าจะบอกว่าไปทำงานต่างประเทศต่อเนื่อง 22 ปีใน 6 ประเทศ มีอาชีพที่ผมมี'
'ผมเป็นโค้ชกับสโมสรยิ่งใหญ่สุดของ ชิลี, เอกวาดอร์, อาร์เจนตินา และ สเปน บางทีอาจเป็น อังกฤษ ด้วย มีโค้ชอีกรูปแบบหนึ่งที่เลือกทำงานเฉพาะสโมสรใหญ่เพราะพวกเขาสามารถ (ชนะ) ได้ แต่ผมจะไม่ปฏิเสธความท้าทาย ความพึงพอใจส่วนตัว ในการจัดการสโมสรที่แตกต่างกัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าลีกดีที่สุดคืออังกฤษ และฟุตบอลดีที่สุดคือการเล่นในสเปน'
บางทีอาจไม่มีความพึงพอใจใดเทียบได้กับจุดหมายปลายทางแห่งแรกในยุโรป ซึ่งเป็นโครงการที่ยั่งยืนสุดของ เปเยกรีนี่ ในช่วงปี 2004-2009 'บียาร์เรอัล เพิ่งเลื่อนชั้นและเป้าหมายคือจะไม่ตกชั้นอีก เราจบด้วยอันดับ 2 ในลีก, อันดับ 3 และอันดับ 5 อีก 2 ครั้ง เราเล่นรอบรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก และรอบควอเตอร์ไฟนัลของยูโรปาลีก ถ้าผมกลับมาพูดแบบนั้น พวกเขาคงขังผมไว้ในโรงพยาบาลบ้า'
หลังการทำผลงานยอดเยี่ยมกับทีมเรือดำน้ำเหลือง เปเยกรีนี่ ย้ายมารับตำแหน่งเทรนเนอร์ของ เรอัล มาดริด ในช่วงซัมเมอร์ปี 2009 แต่เขาทำงานในถิ่นเบร์นาเบวเพียงซีซั่นเดียว โดยรู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ของเขาจริงๆ แม้ว่าจะนำทีมชุดขาวเก็บคะแนนบนเวทีลีกาสูงสุดเป็นสถิติสโมสรก็ตาม
เปเยกรีนี่ ต้องการทำงานด้วยความสงบ ไม่ตกเป็นเป้าจากแสงสปอตไลท์ ก่อนเขาจะได้ทำงานในที่ที่ต้องการหลังเข้ามารับตำแหน่งเทรนเนอร์ของ มาลาก้า หลังจากนั้นจนกลายเป็นเทรนเนอร์ที่ประสบความสำเร็จมากสุดของสโมสร หลังการนำทีมดังแคว้นอันดาลูเซียผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมของรายการแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นครั้งแรกของทีมดังแดนใต้ด้วย
หลังจากนั้น เปเยกรีนี่ ได้รับการติดต่อจาก แมนฯซิตี้ ก่อนจะเข้ามารับตำแหน่งกุนซือทีมเรือใบในช่วงซัมเมอร์ปี 2013 ก่อนจะก้าวลงจากตำแหน่งในอีก 3 ปีต่อมาเพื่อหลีกทางให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แต่เขาจากมาพร้อมผลงานการนำทีมเรือใบคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 1 สมัย และ ลีก คัพ อีก 2 ครั้ง
'ผมได้รับแจ้งจาก ซิตี้ เพื่อบอกว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะมาเป็นโค้ช (แต่) ถ้าด้วยเหตุผลใดก็ตามที่เขาไม่ต้องการมันเป็นผม' เปเยกรีนี่ เล่า 'พวกเขาเคยร่วมงานกับ เป๊ป มาก่อน ไม่ว่าในกรณีใดผมจะไม่รู้สึกว่าถูกดูหมิ่น ผมได้รับข้อเสนอจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แต่ตัดสินใจเลือก ซิตี้ ผมรู้ว่าสัญญาของผมจะมีเวลา 3 ปีหรือจนกว่า เป๊ป จะตัดสินใจ นั่นเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอย่างยิ่งและในเวลา 3 ปี ผมไม่เคยกลัวว่าจะไม่ทำตามสัญญา'
'โค้ชทุกคนต่างมีวันหมดอายุ' เปเยกรีนี่ กล่าวพร้อมหัวเราะ 'และวันหมดอายุที่ใกล้เข้ามาตามผลลัพธ์ ผมไม่เคยสงสัยเลยว่าจะอยู่ที่นั่น 3 ปี คุณชื่นชมผู้คนที่มีความเชื่อมั่น เส้นทางที่ชัดเจนกว่าการเปลี่ยนโค้ชทุกๆ 10 เกม ยอมจ่ายเพื่อกำจัดพวกเขา'
'ผมรู้ว่าผมกำลังจะออกไปราว 4 หรือ 5 เดือนข้างหน้า เรามาถึงรอบรองชนะเลิศแล้ว และผมไม่สงสัยเลยว่าหากเราได้แชมเปี้ยนส์ลีก แผนก็จะไม่เปลี่ยนเช่นเดียวกับที่ (โรแบร์โต้) มันชินี่ นำทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ผมไม่รู้ว่ากี่ปี แต่ยังคง (ออกไป) นั่นคือความเชื่อมั่น กวาร์ดิโอล่า สามารถมาถึงได้ ไม่ชนะในฤดูกาลแรก และไม่เคยคิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เราประสบความสำเร็จในสิ่งสำคัญ พรีเมียร์ลีก, บอลถ้วย และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเล่น'
หลังการทำงานในประเทศจีนราว 2 ปีกับ เหอเป่ย ไชน่า ฟอร์จูน, เปเยกรีนี่ หวนคืนเมืองผู้ดีอีกครั้งและการทำงานกับ เวสต์แฮม ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ปี 2018 เป็นเรื่องราวที่แตกต่างกันไป
'ครั้งแรกในรอบ 22 ปีในการทำงานโค้ชต่างแดน ผมไม่มองไปไกลกว่าหนึ่งฤดูกาล' เปเยกรีนี่ เผย 'พวกเขาไม่มีความอดทนเพราะเราทำผลงานแย่ คุณสามารถเข้าใจได้ พวกเขาลงทุนและด้วยเหตุผลทางด้านกีฬาหลายอย่างมันไม่ได้ผล ปัญหาส่วนตัวด้วยเช่นกัน ผมไม่เคยเริ่มต้นแย่มาก่อน แต่คราวนี้ผมไม่สามารถพลิกกลับมาได้ มันเป็นครั้งแรกที่ผมไม่ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลยุโรป ตั้งแต่ผมมาถึง บียาร์เรอัล ในปี 2004 ผมจบด้วยความพึงพอใจเสมอ ยกเว้น เวสต์แฮม ความรับผิดชอบเป็นของผม'
'ไม่มีความโกรธแค้น' เปเยกรีนี่ กล่าวถึงการถูกทีมขุนค้อนปลดออกจากตำแหน่งในช่วงเดือนธันวาคมปี 2019
แต่อย่างที่ เปเยกรีนี่ กล่าวไว้ข้างต้นว่าเขาชอบความท้าทาย เมื่อได้รับข้อเสนอจาก เรอัล เบติส ในช่วงซัมเมอร์ปี 2020 เขาจึงไม่ลังเลที่จะตอบรับงานดังกล่าว โดยยอมลดค่าจ้างเพื่อทำงานกับทีมเบตีโก้ ได้ใช้ชีวิตในอีกเมืองที่น่าอยู่อย่างเซบีย่า
เทรนเนอร์ชาวชีเลโน่กลายเป็นจุดเปลี่ยนของ เรอัล เบติส หลังจากนั้น เขานำทีมที่เกือบตกชั้นหลังจบอันดับ 15 ในซีซั่นก่อนหน้านั้นเข้าป้ายอันดับ 5 ในฤดูกาลแรกของเขาและยังทำผลงานยอดเยี่ยมต่อเนื่องจนถึงซีซั่นนี้โดยมีลุ้นแย่งตั๋วเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก และที่สำคัญสุดคือการนำความสำเร็จมาสู่สโมสรครั้งแรกในรอบ 17 ปี หลังการคว้าแชมป์ โกปา เดล เรย์ จากการดวลเป้าชนะ บาเลนเซีย 5-4 หลังเสมอกันใน 90 และ 120 นาทีด้วยสกอร์ 1-1
มันยังเป็นการคว้าโทรฟี่แชมป์ครั้งแรกของ เปเยกรีนี่ สำหรับการทำงานในลีกเมืองกระทิงนาน 13 ปี หากนับรวมถึง บียาร์เรอัล, เรอัล มาดริด และ มาลาก้า ก่อนหน้านี้
'เบติส คือความพิเศษ มันไม่สามารถแข่งขันทางเศรษฐกิจกับสโมสรใหญ่ๆได้ แต่มีฐานแฟนบอลที่ดีเทียบเท่าสโมสรใหญ่มากอย่าง เรอัล มาดริด, แอตเลติโก มาดริด และ บาร์เซโลน่า'
'มันยังคล้ายกันมากกับ เวสต์แฮม มีฐานแฟนบอลจำนวนมากคอยหนุนหลังเสมอ หวังว่าจะเอื้อมถึง เชลซี, อาร์เซน่อล และ ท็อตแน่ม ทางการเงินและการแข่งขันของพวกเขาในส่วนของกองเชียร์ บางทีอาจดีกว่าด้วยซ้ำ กับ เบติส ก็คล้ายกัน คุณต้องจัดการกับความทะเยอทะยานนั้น ทำให้แน่ใจว่าจะไม่สร้างความหงุดหงิด'
'มันผ่านมา 17 ปีแล้วที่พวกเขาเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ในประวัติศาสตร์ทั้งหมดของพวกเขา เบติส คว้าแชมป์มาแล้ว 3 รายการตั้งแต่ปี 1930 ช่วงต้นฤดูกาลที่แล้ว บรรยากาศอึมครึม แต่การแข่งขันฟุตบอลยุโรปช่วยเปลี่ยนทัศนคติได้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์'
'สิ่งสำคัญคือต้องรวบรวมการสนับสนุนจากฝูงชนและคุณภาพของทีม ตอนที่ผมเห็นผู้คน ผมรู้ว่ามันจะยากมากที่จะพ่ายแพ้ในเกมนี้ ทีมสงบสติอารมณ์ได้ดีเสมอและทำตามความคิดของพวกเขาในการเล่น เราไม่เคยยอมแพ้ เราสมควรได้รับมัน' เปเยกรีนี่ กล่าว
เมื่อถูกถามว่าวันนี้เป็นวันที่เขามีความสุขที่ดีสุดในอาชีพของเขาหรือไม่ เปเยกรีนี่ ตอบว่า 'ผมไม่ชอบการเปรียบเทียบ มันเป็นวันที่ผมมีความสุขมาก ผมมีฤดูกาลที่ดีกับทีมอื่นๆเช่นกัน แต่ไม่ต้องสงสัยเลย นี่เป็นวันพิเศษสำหรับผม'
'ผมเคยชนะรายการ อินเตอร์โตโต้ ที่ บียาร์เรอัล' เปเยกรีนี่ กล่าวเสริม 'ผมโชคดีที่เคยคว้าแชมป์ในเกือบทุกประเทศที่ผมเคยไป การได้ทำมันในทัวร์นาเมนต์นี้และบรรยากาศแบบนี้ ผมให้คุณค่ากับมันมาก'
แม้จะอายุ 68 ปีแล้วก็ตาม แต่ เปเยกรีนี่ ยังมีความมุ่งมั่นในการทำงานต่อไปอย่างน้อยจนสิ้นสุดสัญญากับ เรอัล เบติส ในช่วงซัมเมอร์ปี 2025 หรือจนกว่าฟุตบอลจะรีไทร์เขาออกจากเกม
'ผมเซ็นสัญญากับที่นี่จนถึงปี 2025 มันต้องใช้เวลามากเมื่อพิจารณาว่าผมอายุ 68 ปีแล้ว แต่ผมมีความสุข ดังนั้นหวังว่าเราจะสามารถเดินหน้าต่อไปกับ เบติส ในการแข่งขันระดับสูงกับโครงการนี้ ถ้าไม่ก็อาจเป็นโปรเจ็กท์อื่น และผมจะไม่หยุดจนกว่าผมจะทำงานนี้ไม่ได้อีกต่อไป ผมจะไม่รีไทร์ เกมจะเป็นฝ่ายรีไทร์ผม'
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT