'มาดริดคือบ้านของผม'
ราอูล เด โตมาส หัวหอกวัย 27 ปีของ เอสปันญ่อล ไม่ปิดโอกาสที่จะย้ายคืนรังเก่า เรอัล มาดริด แต่ยังไม่มีใครจะล่วงรู้ว่าเขาจะประสบชะตากรรมเดียวกับสองแข้งรุ่นพี่อย่าง โรเบร์โต้ โซลดาโด้ กับ อัลบาโร่ โมราต้า ที่เคยเผชิญมาก่อนหน้านี้หรือไม่
โซลดาโด้ เติบโตมาจากทีมเยาวชนมาดริด ก่อนก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2005 เขาถูกปล่อยไปเล่นกับ โอซาซูน่า ด้วยสัญญายืมตัวในซีซั่น 2006-2007 ก่อนหวนคืนถิ่น 'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว' หลังจบฤดูกาลนั้น
ทว่า โซลดาโด้ มีโอกาสลงเล่นในฤดูกาล 2007-2008 รวมกันเพียง 8 เกม จนกระทั่งตัดสินใจอำลาทีมชุดขาวในช่วงซัมเมอร์ถัดมาเพื่อย้ายไปค้าแข้งกับ เคตาเฟ่ จากนั้น โซลดาโด้ ระเห็จไปอยู่กับหลายสโมสรทั้ง บาเลนเซีย, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, บียาร์เรอัล, เฟเนร์บาห์เช่, กรานาด้า และล่าสุดกับ เลบันเต้ ในวัย 36 ปี
โซลดาโด้ เคยสร้างความประทับใจในการเล่นกับ เรอัล มาดริด กาสตีย่า ด้วยการยิง 63 ประตูจากการลงเล่น 120 เกม แต่ตลอด 3 ปีในฐานะนักเตะทีมชุดใหญ่มีโอกาสลงเล่นรวมกันเพียง 27 เกมและยิง 4 ประตูเท่านั้น
แต่ถึงอย่างไรกองหน้าวัย 36 ปียังมีความทรงจำที่ดีในช่วงเวลาที่เขาค้าแข้งกับทีมชุดขาว 'มันวิเศษมากที่ได้แชร์ห้องแต่งตัวกับพวกเขา (โลส กาลาคติโกส) สิ่งที่คุณเห็นคุณค่าเมื่อเวลาผ่านไป'
'ผมยังเด็กตอนที่ผมอยู่ที่ เรอัล มาดริด ผมไม่ได้ดูแลตัวเองเลย ผมกินเยอะและดื่มจัด และผมพร้อมเสมอที่จะออกไปข้างนอก' โซลดาโด้ เล่าถึงความหลัง 'มีนักเตะอย่าง ฟิโก้, ซีดาน หรือ ราอูล ที่เป็นมืออาชีพมาก แต่ผมมองดูคนอื่น ผมติดตามคนที่ผมไม่ควรติดตาม'
'ผมเห็นรูปถ่ายว่าผมหนักเท่าไหร่ในตอนนั้นและรู้สึกละอายใจ ถ้าผมดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้และมีวุฒิภาวะมากกว่านี้ บางทีผมอาจจะมีโอกาสมากกว่านี้ ควรจะมีคนพาผมไปอีกด้านหนึ่งและทำให้ผมคืนสติ'
ช่วงเวลาของ โซลดาโด้ กับ เรอัล มาดริด ใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่สโมสรไม่ประสบความสำเร็จเป็นพิเศษในสนาม โดยเฉพาะในรายการแชมเปี้ยนส์ลีกและหลายคนมองว่าเขาเป็นแคแร็กเตอร์แง่ลบในห้องแต่งตัว แต่เขาเชื่อว่าตนเองถูกครอบงำในชีวิตของนักฟุตบอลมากเกินไป
'ผมได้พบกับผู้คนมากมายในมาดริดตอนที่ผมกำลังจะจากไป' โซลดาโด้ เผย 'พวกเขาสามารถมีชีวิตที่แน่นอนได้เพราะพวกเขาไม่ใช่นักฟุตบอลอาชีพ พวกเขาไม่ต้องเล่นที่ เรอัล มาดริด ท้ายที่สุด คุณเข้าใจถ้าพวกเขาออกไปข้างนอก พวกเขาก็ออกไป แต่ผมต้องทำอย่างอื่น ผมขอบคุณพ่อแม่และภรรยาของผมมากที่นำผมกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้อง'
โมราต้า เป็นอีกหนึ่งเด็กปั้นของ เรอัล มาดริด ที่ตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายกับ โซลดาโด้ หลังก้าวขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ในซีซั่น 2010-2011 ทว่าตลอด 4 ปี มีโอกาสลงเล่นทุกรายการรวมกันเพียง 52 เกมและทำ 11 ประตู จนกระทั่งถูกปล่อยไปค้าแข้งกับ ยูเวนตุส ในช่วงซัมเมอร์ปี 2014
เรอัล มาดริด ใช้อ็อปชั่นดึง โมราต้า กลับมาในอีก 2 ปีถัดมา แม้นักเตะจะทำผลงานดีในระดับหนึ่งด้วยการยิง 20 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการ 43 เกม แต่ทีมชุดขาวตกลงปล่อย โมราต้า ย้ายไปค้าแข้งกับ เชลซี ในช่วงซัมเมอร์ปี 2017
อย่างไรก็ตาม โมราต้า ค้าแข้งในถิ่น 'สแตมฟอร์ด บริดจ์' เพียง 2 ปีก่อนย้ายกลับสเปนมาเล่นกับ แอตเลติโก มาดริด และทีมตราหมีเซ็นสัญญาถาวรกับนักเตะหลังจากนั้น ปัจจุบัน โมราต้า ย้ายมาค้าแข้งกับ ยูเวนตุส ด้วยสัญญายืมตัวตั้งแต่ช่วงหน้าร้อนปี 2020
โมราต้า เคยกล่าวตอนที่ย้ายจาก ยูเวนตุส กลับมาค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด ในช่วงซัมเมอร์ปี 2016 ว่า 'มันชัดเจนว่านั่นคือสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุด นั่นคือความปรารถนาของผมที่จะประสบความสำเร็จที่มาดริด แต่มีบรรดานักเตะที่น่าทึ่งอยู่ที่นั่น ผมจะเล่นให้ทีมที่ผมมีโอกาสลงเล่นมากที่สุด'
ทว่า โมราต้า เล่นกับทีมชุดขาวเพียงซีซั่นเดียวก่อนย้ายมาค้าแข้งกับ เชลซี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสโมสรไม่สามารถปฏิเสธข้อเสนอก้อนโตมูลค่า 66 ล้านยูโรจากทีมสิงห์น้ำเงินด้วยนั่นเอง
โซลดาโด้ กับ โมราต้า ต่างเป็นมีความต้องการเหมือนกัน แต่สุดท้ายพวกเขาลงเอยในลักษณะคล้ายกัน อาจมาจากเหตุผลที่ต่างกันเท่านั้น ดังนั้นจึงน่าสนใจว่า เด โตมาส จะลงเอยในรูปแบบเดียวกับพวกเขาหรือไม่หากตัดสินใจหวนคืนถิ่น 'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว' อีกครั้ง
เด โตมาส เติบโตมาจากทีมเยาวชนมาดริด เขามีโอกาสลงเล่นทีมชุดใหญ่เพียงครั้งเดียว หลังถูกส่งลงสนามแทน คาริม เบนเซม่า ในเกมบุกชนะ กอร์เนย่า 4-1 บนเวที โกปา เดล เรย์ รอบ 32 ทีม เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2014
จากนั้น เรอัล มาดริด ปล่อย เด โตมาส ย้ายไปเล่นกับ กอร์โดบา, เรอัล บายาโดลิด และ ราโย บาเยกาโน่ ด้วยสัญญายืมตัว เขาทำผลงานโดดเด่นกับทีมดังเมืองบาเยกาสจนกระทั่ง เบนฟิก้า จ่ายเงิน 20 ล้านยูโรเซ็นสัญญา 5 ปีกับนักเตะ
ทว่า เด โตมาส ทำเพียง 3 ประตูจากการลงเล่น 17 เกมกับ เบนฟิก้า ทีมเหยี่ยวลิสบอนจึงปล่อยกองหน้าชาวสเปนย้ายมาค้าแข้งกับ เอสปันญ่อล ในช่วงเดือนมกราคมปี 2020 ด้วยค่าตัว 20 ล้านยูโรและยังมีส่วนแบ่งค่าตัวอีก 20 เปอร์เซ็นต์สำหรับการย้ายสังกัดครั้งต่อไปของนักเตะ
แม้ เอสปันญ่อล จะตกชั้นในซีซั่น 2019-2020 แต่ เด โตมาส ยังคงอยู่กับทีมนกแก้วและช่วยกระทุ้ง 23 ประตูนำต้นสังกัดหวนคืนเวทีลีกาภายในปีเดียวฐานะแชมป์ เซกุนด้า ซึ่งกองหน้าวัย 27 ปียังทีผลงานยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ด้วยการทำ 15 ประตู กลายเป็นนักเตะสเปนที่กระทุ้งประตูมากสุดของลีกเมืองกระทิงเทียบเท่า ยาโก้ อัสปาส กองหน้ากัปตันทีม เซลต้า บีโก้
จากผลงานดังกล่าวทำให้ เด โตมาส ตกเป็นเป้าหมายของ เรอัล มาดริด ที่วางแผนดึงดาวยิงวัย 27 ปีหวนคืนถิ่น 'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว' อีกครั้งเพื่อเป็นอะไหล่ของ คาริม เบนเซม่า ซึ่งหัวหอกทีมนกแก้วไม่ปิดบังความปรารถนาว่าเขาต้องการย้ายกลับมาดริดเช่นเดียวกัน
'แน่นอน, ใช่, แน่นอน ผมจะตื่นเต้น ผมรู้สึกเหมือนเป็นบ้านของผม ที่ที่ผมเติบโตขึ้นมา' เด โตมาส เผย 'ผมโฟกัสแบบวันต่อวันและคุณไม่มีทางรู้ ผมได้รับการเลี้ยงดูที่มาดริดตั้งแต่อายุ 8 ขวบและคุณไม่มีทางรู้เลย'
'แน่นอน ผมต้องการประสบความสำเร็จที่มาดริด มันคงเป็นความฝันที่ได้กลับไป เรอัล มาดริด เพราะผมเติบโตที่นั่น ตอนผมอายุ 8 ขวบ ผมเคยเดินผ่านประตูของ ซิวดาด เดปอร์ตีบา ของ เรอัล มาดริด ทุกคนต่างมีความฝันที่จะกลับไปยังที่ที่พวกเขาเติบโตมา ทำไมมันจะไม่ได้ล่ะ? คุณไม่มีทางรู้'
อย่างไรก็ดีการหวนคืนถิ่นเก่าของ เด โตมาส ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกันเนื่องจากมูลค่าทางการตลาดของกองหน้าวัย 27 ปีอยู่ที่ 40 ล้านยูโรและที่สำคัญ เรอัล มาดริด ยังมีลำดับความสำคัญกับเป้าหมายอื่นมากกว่า เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะพลาดหวังในการเซ็นสัญญากับ คิลียัน เอ็มบั๊ปเป้ หรือ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ เท่านั้น
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT