ชัยชนะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
เรอัล มาดริด ของ ซีเนดีน ซีดาน ซึ่งยิง 30 ประตูจากการลงเล่นลีกา 7 เกมหลังสุดก่อนเกิดอาการกระสุนด้านจนพลิกพ่าย เอสปันญ่อล 0-1 ซึ่งเป็นครั้งที่ 6 ในซีซั่นนี้ที่ทีมชุดขาวทะลวงตาข่ายคู่แข่งไม่สำเร็จ
ทีมของซีดานยิงคู่แข่งไม่ได้ 5 ครั้งก่อนหน้านี้ เริ่มต้นด้วยเกมพลิกแพ้ เรอัล เบติส คารัง'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว'0-1 นัดที่ 5 ของฤดูกาล ต่อด้วยเกมเสมอ แอตเลติโก มาดริด 0-0 บนสังเวียน'ว่านต๋า เมโตรโปลีตาโน่'นัดที่ 12
สองนัดต่อมา เรอัล มาดริด เสมอ แอธเลติก บิลเบา แบบโนสกอร์ที่'ซาน มาเมส บาร์เรีย' ต่อด้วยเกมปราชัย บาร์เซโลน่า ในแมตช์'เอล กลาซิโก้'0-3 นัดที่ 17 ของซีซั่น ตบท้ายด้วยเกมพลิกพ่าย บียาร์เรอัล 0-1 คารังนัดที่ 19 ของฤดูกาล
นับจากเกมพ่ายทีมเรือดำน้ำเหลืองคาถิ่นเมื่อวันที่ 19 มกราคม ทีมชุดขาวลงเล่น 7 เกมต่อมาพร้อมกระทุ้งคู่แข่งรวมกันถึง 30 ประตู ทำสถิติชนะ 6 เสมอ 1
ช่วงเรียกโมเมนตัมดังกล่าวเริ่มต้นด้วยเกมขย่ม เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า 7-1 (เหย้า), ชนะ บาเลนเซีย 4-1 (เยือน), เสมอ เลบันเต้ 2-2 (เยือน), ชนะ เรอัล โซเซียดาด 5-2 (เหย้า), ชนะ เรอัล เบติส 5-3 (เยือน), ชนะ เลกาเนส 3-1 (เยือน) และ ชนะ อลาเบส 4-0 (เหย้า) ก่อนสถิติจะถูกยุติลงบนสังเวียน'อาร์ซีดีอี สเตเดี้ยม'หลังพลิกพ่ายทีมนกแก้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ส่วนหนึ่งมาจากการตัดสินใจพักผู้เล่นคนสำคัญอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ การ์ลอส กาเซมีโร่ ขณะเดียวกันขุมกำลังหลักอย่าง คาริม เบนเซม่า และ ดาเนียล การ์บาฆาล มีชื่อเป็นตัวสำรอง ยังไม่นับรวมพวกที่บาดเจ็บอย่าง โทนี่ โครส, มาร์เซโล่ วิเอยร่า กับ ลูก้า โมดริช
เรอัล มาดริด อาจสร้างโอกาสได้มากกว่า แต่จบไม่คม ขณะที่ เอสปันญ่อล ใช้โอกาสเพียงน้อยนิดเปลี่ยนเป็นประตูชัยของ เคราร์ด โมเรโน่ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บก่อนพลิกเอาชนะทีมชุดขาวครั้งแรกในรอบ 11 ปี หลังเคยเอาชนะทีมดังจากเมืองหลวงครั้งสุดท้ายตั้งแต่ปี 2007
การพลิกพ่ายทีมนกแก้วของมาดริดทำให้ซีดานถึงกับควันออกหูหากพิจารณาจากรูปเกมที่ทำได้ดีกว่าชัดเจน 'เราไม่ควรเสียประตูแบบนั้น เราเล่นในครึ่งแรกได้ดีมาก สร้างโอกาสเพียบ แต่ยิงไม่ได้ ในครึ่งหลังเล่นแย่ลง แต่ก็ไม่สมควรแพ้ในนาทีสุดท้ายอยู่ดี'
'มันเสียหายเพราะผลการแข่งขันไม่สะท้อนรูปเกม ผมไม่อยากวิจารณ์ลูกทีมคนไหน เราไม่ได้สิ่งที่เราต้องการ'
'มันไม่มี'แผน บี' มันเป็นทีมของ 25 นักเตะและทุกนัดเราต้องเลือกทีม แต่วันนี้ผลมันออกมาไม่ดีนัก'
ซีดาน มีความมั่นใจในแนวคิดของตนเองและเชื่อมั่นในตัวลูกทีมสูงลิบโดยเฉพาะบรรดาแข้งดาวรุ่ง เทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศสเคยเลือกจัดทีมด้วยการส่งผู้เล่นสำรองผสมดาวรุ่งลงหวดกับ เลกาเนส จนกระทั่งพ่ายคารัง 1-2 ตกรอบควอเตอร์ไฟนัลของศึกโกปา เดล เรย์ แบบเหนือความคาดหมาย ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากเกมขย่ม เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า 7-1
สถานการณ์ก่อนหน้าเกมเยือน'อาร์ซีดีอี สเตเดี้ยม'เมื่อวันอังคารแทบจะไม่ต่างกันหลังทีมชุดขาวกลับมาเดินเครื่องเต็มสูบกระทุ้งรวม 30 ประตูจากการลงเล่น 7 นัด นั่นทำให้ซีดานตัดสินใจพักแข้งตัวหลักพร้อมส่งสำรองผสมดาวรุ่งลงสนาม เพียงแต่แนวทางของเทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศสไม่เวิร์คอย่างที่คิดเท่านั้น
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะซีดานประเมินฝีเท้าคู่แข่งอย่างเอสปันญ่อลต่ำกว่าความเป็นจริง แม้ทีมนกแก้วจะไม่ชนะตลอด 6 เกม แต่เอสปันญ่อลไม่แพ้คู่แข่ง 4 เกมล่าสุดเช่นเดียวกัน
เอสปันญ่อล ของ เอ็นรีเก้ ซานเชซ ฟลอเรส เคยทำเซอร์ไพรส์โค่นทั้ง แอตเลติโก มาดริด กับ บาร์เซโลน่า ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากทีมนกแก้วจะพลิกล็อคสอย เรอัล มาดริด
กีเก้ ซานเชซ ฟลอเรส แสดงความพึงพอใจผลงานของลูกทีมที่ล้มทีมชุดขาวเกมล่าสุด ซึ่งเทรนเนอร์วัย 53 ปียืนยันว่าไม่ใช่เรื่องฟลุ้คแต่อย่างใด
'มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เราพยายามเพื่อผลการแข่งขันนี้ ทีมทำงานหนักและเล่นด้วยความมุ่งมั่น ทุกครั้งที่เราลงสนามจะพยายามทำเช่นวันนี้ เช่นเดียวกับการเอาชนะ แอตเลติโก มาดริด หรือ บาร์เซโลน่า ซึ่งเราแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในตัวเอง'
'เราคิดว่าทำไมเราไม่ได้เล่นในระดับเดียวกันนี้กับทุกทีม เราตระหนักดีว่าเราอยู่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น แต่นั่นมันผ่านมาแล้วและวันนี้เป็นวันประวัติศาสตร์ที่เราทำให้เสร็จสมบูรณ์ในปีนี้ที่เราสามารถเอาชนะทีมใหญ่ๆเหล่านั้น'
เอสปันญ่อล เป็นทีมแรกที่ยัดเยียดความพ่ายแพ้บนเวทีลีกาฤดูกาลนี้ให้ แอตเลติโก มาดริด หลังเปิดบ้านจิกทีมตราหมีจากการทำประตูชัยในช่วงท้ายเกมของ เซร์คิโอ การ์เซีย เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมปีก่อน
ทีมของ กีเก้ ซานเชซ ฟลอเรส ยังเคยโค่น บาร์เซโลน่า 1-0 บนเวทีโกปา เดล เรย์ รอบ 8 ทีมนัดแรกจากการทำประตูชัยช่วงนาที 88 ของ ออสการ์ เมเลนโด้ ทว่าทีมนกแก้วตกรอบในเวลาต่อหลังบุกไปพ่ายทีมอาซูลกราน่าที่'คัมป์ นู'0-2
จนกระทั่ง เอ็นรีเก้ ซานเชซ ฟลอเรส จะสร้างชื่อด้วยการนำทีมนกแก้วสยบทีมยักษ์ใหญ่ของลีกเมืองกระทิงครบถ้วนสมบูรณ์จากการสยบทีมชุดขาวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
เทรนเนอร์วัย 53 ปียังกล่าวชื่นชม เคราร์ด โมเรโน่ หัวหอกวัย 25 ปีซึ่งเป็นฮีโร่ของทีมนกแก้วจากการทำประตูชัยในช่วงนาที 93 'เราไม่สามารถเรียกร้องอะไรจากเคราร์ดไปมากกว่านี้ เขารู้วิธีบีบคู่แข่งและควรจะเล่นตรงไหน เขากำลังระเบิดฟอร์มเก่งในอาชีพของเขาและเราพยายามช่วยให้เขาเติบโตมากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้'
เคราร์ด โมเรโน่ เป็นเด็กปั้นของ บียาร์เรอัล แต่ไม่สามารถแจ้งเกิดในทีมชุดใหญ่ได้อย่างที่ต้องการจึงย้ายมาอยู่กับ เอสปันญ่อล ในช่วงซัมเมอร์ปี 2015 โดยเซ็นสัญญายาว 5 ซีซั่น ซึ่งหัวหอกวัย 25 กะรัตทำผลงานดีขึ้นเรื่อยๆและทำสถิติกระทุ้ง 11 ประตูในซีซั่นนี้ โดยหนึ่งในนั้นคือประตูชัยดับทีมชุดขาวเมื่อวันอังคาร
อย่างไรก็ตามหนึ่งในปัญหาที่ กีเก้ ซานเชซ ฟลอเรส ยังแก้ไม่ตกคือการทำให้ทีมนกแก้วรักษาความคงเส้นคงวา ซึ่งถ้าเทรนเนอร์วัย 53 ปีสำเร็จ สถานการณ์ของเอสปันญ่อลคงจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT