ความทรงจำของอีเนียสต้า
อันเดรส อีเนียสต้า ตำนานนักเตะ บาร์เซโลน่า ยังคงโลดแล่นบนเวทีลูกหนังในวัย 39 ปี ล่าสุดเขาเซ็นสัญญา 1 ปีกับ เอมิเรตส์ คลับ สโมสรของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลังแยกทางกับ วิสเซล โกเบ ที่เล่นมาตั้งแต่ปี 2018
'ผมตื่นเต้นมาก มีความกระตือรือร้นที่จะเล่นฟุตบอลต่อไป เพื่อสานต่ออาชีพค้าแข้งและพยายามช่วยเพื่อนร่วมทีมและสโมสรของผมให้เติบโตต่อไป' อีเนียสต้า กล่าวหลังการเซ็นสัญญากับ เอมิเรตส์ คลับ 'และเช่นเดียวกับทุกคน การตัดสินใจที่ผมทำ ผมอยากจะช่วยและผมอยากจะสนุกกับฟุตบอลต่อไป'
'ผมหวังว่าผมจะสามารถช่วยสร้างผลกระทบสูงสุดในทุกอย่างที่ผมสามารถทำได้และประสบความสำเร็จทั้งระดับฟุตบอล ระดับอะคาเดมี่ และระดับการฝึกซ้อม ผมมุ่งมั่นเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ในการบรรลุเป้าหมายนั้น'
เมื่อถูกถามว่า เอมิเรตส์ คลับ จะเป็นตัวแทนของช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการอาชีพค้าแข้งของเขาหรือไม่ และถ้าหากเขามีแผนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปในอาชีพเทรนเนอร์ บางทีมันอาจจะเกิดขึ้นในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
'มันชัดเจนว่าเวลานั้นวิ่งสวนทางกับผม แต่ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นหนึ่งหรือสองปี จริงๆแล้วผมไม่รู้'
'เมื่อสิ้นสุดปีนี้ เราจะพูดคุยกับสโมสรด้วยตัวผมเอง และหากทุกคนมีความสุขและผมยังคงกระตือรือร้นและเต็มใจที่จะเล่นต่อไป ผมก็จะทำ'
'และต่อจากนี้ เราจะพยายามทำงานในด้านอื่นๆ ผมอยากจะเป็นผู้จัดการทีม มาดูกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น' มิดฟิลด์วัย 39 ปีกล่าว
อีเนียสต้า มีโอกาสพูดคุยกับ ชาร์จาห์ สปอร์ตส์ ทีวี ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งตำนานวัย 39 ปีพูดถึงอาชีพค้าแข้งที่สวยหรูของเขาทั้งระดับสโมสรและทีมชาติ เขาเริ่มต้นด้วยการกล่าวขอบคุณสโมสรแห่งชีวิตของเขาเป็นอันดับแรก
'สำหรับผม บาร์เซโลน่า เป็นสโมสรดีที่สุดในโลก โดยธรรมชาติแล้ว สโมสรประเภทนี้ปรารถนาที่จะมีนักเตะดีที่สุด ไม่ใช่แค่ในสเปน แต่ทั้งโลกนี้' อีเนียสต้า กล่าว
อีเนียสต้า เป็นและยังคงเป็นหนึ่งในเรื่องราวความสำเร็จอันยิ่งใหญ่สุดของ ลา มาเซีย ศูนย์ฝึกแข้งเยาวชนของ บาร์เซโลน่า เขายังกล่าวถึงความยิ่งใหญ่ของอะคาเดมี่และความสามารถในการผลิตนักเตะระดับโลกของยักษ์ใหญ่แคว้นกาตาลุนย่า
'ลา มาเซีย มอบเงื่อนไขทั้งหมดด้วยความเอาใจใส่ต่อนักเตะและการฝึกอบรมทางวิชาการ ความสามารถและเงื่อนไขที่มีให้นั้นมีความโดดเด่นและยอดเยี่ยม มันคือความสามารถในการพัฒนาและเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวเองในการเป็นนักฟุตบอล สิ่งนี้เปลี่ยนชีวิตของผม'
ความรักที่เขามีต่อ บาร์เซโลน่า หลั่งไหลออกมาจากคำพูดที่ตามมาของเขา มิดฟิลด์วัย 39 ปียังเรียกว่าโอกาสที่จะสวมตราสโมสรว่าเป็นความสำเร็จยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา
'สำหรับผม มันไม่ใช่แค่แชมป์ แต่หลายฤดูกาล หลายซีซั่นที่ บาร์เซโลน่า มันไม่ใช่แค่ความภาคภูมิใจและความฝันเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งมหัศจรรย์อีกด้วย สามารถปรากฎตัวได้ทุกฤดูกาล โดยเฉพาะในสโมสร ตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่สุดของผมคือการได้ประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่'
จากนั้น อีเนียสต้า ยังเล่าถึงความทรงจำดีที่สุดของเขาในช่วงหลายปีบนเวทียุโรป ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยที่ตำนานทีมอาซูลกราน่าเลือกการทำประตูช่วงท้ายเกมอันโดดเด่นในการเผชิญหน้ากับ เชลซี บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก อยู่ในอันดับต้นๆ
'เกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นเกมที่เข้มข้นมากในทุกด้าน และคุณจะได้เห็นผู้ชมในการแข่งขันหลังสกอร์ 1-0 และจากนั้นเป็น 1-1 ในนาที 93 มันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมและพิเศษมากในการผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศกับ ยูไนเต็ด (ซีซั่น 2008-2009 ก่อน บาร์เซโลน่า ชนะ 2-0)' อีเนียสต้า กล่าว
'การเผชิญหน้ากับ เปแอสเช เป็นอีกหนึ่งเกมที่น่าเหลือเชื่อที่สุด' มิดฟิลด์วัย 39 ปีกล่าวเสริมถึงการคัมแบ็กที่น่าทึ่งในการเผชิญหน้ากับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีม ซีซั่น 2016-2017 หลังการปราชัยที่ ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ 0-4 ก่อนเปิด 'คัมป์ นู' ล้างตาด้วยสกอร์ 6-1 พลิกเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 6-5
'มันเป็นหนึ่งในเกมที่น่าทึ่งที่สุดในการชม เกมแรกเป็นหายนะด้วยการปราชัย 0-4 และมันยากที่จะคัมแบ็กกลับมา' อีเนียสต้า กล่าว
แน่นอนว่าประตูแห่งความทรงจำของ อีเนียสต้า คือการทำประตูชัยดับ เนเธอร์แลนด์ส ในนัดชิงชนะเลิศของศึก เวิลด์ คัพ 2010 นำทีมชาติสเปนคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์สำเร็จ
'คุณคงจินตนาการได้ว่ามันรู้สึกอย่างไรที่ทำประตูที่หมายถึงการคว้าแชมป์ เวิลด์ คัพ เพื่อสเปน ไม่มีคำอธิบายใดๆเกี่ยวกับมัน' ตำนานมิดฟิลด์ทัพกระทิงกล่าวถึงประตูในความทรงจำของเขา
จากนั้น อีเนียสต้า ยังกล่าวถึงการเล่นกับทีมอาซูลกราน่าภายใต้การดูแลของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และพูดถึงความฉลาดของเทรนเนอร์ชาวสเปน
'มันเป็นโอกาสที่จะอยู่ภายใต้การนำของ กวาร์ดิโอล่า เขาพัฒนาขึ้นมากสำหรับเราโดยรวม เขาเป็นเทรนเนอร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งมีความสามารถในการดูฟุตบอลและสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ในแบบที่ไม่เหมือนใคร โดยส่วนตัวแล้วเขาเป็นหนึ่งในคนที่ผมจะชื่นชมตลอดไป'
เกี่ยวกับหัวข้อเทรนเนอร์ อีเนียสต้า ยังกล่าวถึง ชาบี เอร์นานเดซ อดีตเพื่อนร่วมทีมที่ก้าวขึ้นมาเป็นเทรนเนอร์ทีมอาซูลกราน่าในปัจจุบันว่า 'ผมเชื่อว่าการกลับมาสู่สโมสรของ ชาบี เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สโมสรกำลังเผชิญความยากลำบากทั้งการบริหารภายในและภายนอก และเขามีความกล้าที่จะเลือกเผชิญความท้าทายนี้ในตอนนี้ ผมคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไป สิ่งต่างๆเริ่มเป็นบวกมากขึ้น'
จนถึงทุกวันนี้ อีเนียสต้า ยังคงเป็นหนึ่งในนักเตะดีที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยคว้ารางวัล บัลลง ดอร์ โดยเฉพาะในปี 2010 ที่รางวัลดังกล่าวตกเป็นของ ลีโอเนล เมสซี่ เมื่อถูกถามถึงเรื่องดังกล่าว มิดฟิลด์วัย 39 ปียอมรับว่าเขาอยากได้รางวัลนี้เช่นกัน
'ถ้าคุณถามผมว่าผมอยากจะคว้ารางวัล บัลลง ดอร์ หรือไม่ ผมคงจะตอบว่าใช่ แต่ไม่ ฟุตบอลไม่ยุติธรรมกับผมและรางวัลของผม ผมมีความสุขมากกับอาชีพค้าแข้งของผมและกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น'
เมื่อพูดถึง 'ลา มาเซีย' ซึ่งผลิตนักเตะที่มีพรสวรรค์มากมายตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผลผลิตเวอร์ชั่นล่าสุดคือ ลามีน ยามาล ที่แจ้งเกิดกับทีมอาซูลกราน่าด้วยวัยเพียง 16 ปีจนกระทั่งก้าวขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติสเปน
'ด้วยการทำงานหนัก และความก้าวหน้า ลามีน ยามาล จะกลายเป็นผู้เล่นที่มีเอกลักษณ์ มันยากที่จะเล่นกับ บาร์เซโลน่า ตอนอายุ 16 ปี แต่เขามีเวลาทั้งหมดในโลกที่จะเติบโตและพัฒนา' อีเนียสต้า กล่าวถึงแนวรุกดาวรุ่งของทีมอาซูลกราน่า
อีเนียสต้า ยังพูดถึงผลงานอันน่าทึ่งของ เมสซี่ ในศึกฟุตบอลโลกที่ประเทศกาตาร์เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งทำให้กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์เล่นฟุตบอลได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยการประสบความสำเร็จทุกรายการที่เขามีส่วนร่วม
'ผมได้คุยกับ เมสซี่ ระหว่างฟุตบอลโลก แน่นอนว่าผมดีใจที่เขาทำได้ดีและชนะมันในที่สุด ด้วยความสามารถและประสบการณ์ของเขา เขาจะนำความสุขไปทุกที่'
ก่อน อีเนียสต้า จะปิดฉากการให้สัมภาษณ์ว่าสถานที่ที่เขาจะเรียกว่าบ้านไปตลอดอาชีพของเขาคือ สปอติฟาย คัมป์ นู สังเวียนเหย้าของ บาร์เซโลน่า นั่นเอง
'ผมลงเล่นในสนามหลายแห่ง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด, สแตมฟอร์ด บริดจ์, ซาน ซีโร่, มาราคาน่า มีหลายแห่ง แต่สำหรับผม คัมป์ นู คืออันดับหนึ่ง ดีที่สุด ทุกครั้งที่คุณลงเล่นในสนามนั้น มันรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน' อีเนียสต้า กล่าว
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT