บทบาทหลังแขวนเกือกของปีเก้

เคราร์ด ปีเก้ ตำนานกองหลัง บาร์เซโลน่า เดินทางมาเปิดตัว คิงส์ ลีก (ฟุตบอล 7 คน) ของอิตาลีที่เมืองตูรินเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ระหว่างการอยู่ในเมืองมะกะโรนีเพื่อโปรโมตงานของเขาจึงมีโอกาสพูดคุยกับ คอร์ริเอเร่ เดลโล่ สปอร์ต หลากหลายประเด็น ไม่เว้นแม้แต่เรื่องราวเกี่ยวกับ ฟลอเรนตีโน่ เปเรซ ประธานสโมสร เรอัล มาดริด 

ก่อนอื่นเลย ปีเก้ ได้พูดถึงตัวตนของ บาร์เซโลน่า ว่าคืออะไรและเปรียบเทียบกับสโมสรอื่นในโลกอย่างไร

'มันแตกต่างจากสโมสรอื่นทั่วโลก ไม่ใช่แค่เพราะความเป็นเจ้าของที่แบ่งปันกันระหว่างสมาชิก 140,000 คนเท่านั้น' ปีเก้ กล่าว

'มิลาน, อินเตอร์, ยูเวนตุส, ยูไนเต็ด, เชลซี, เปแอสเช หรือ บาเยิร์น เป็นเพื่อแฟนๆของพวกเขาเท่านั้น เป้าหมายคือรักษาสถานะพิเศษนี้ไว้ แม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราจะไม่ค่อยมีช่วงเวลาดีๆทางการเงินก็ตาม'

เมื่อพูดถึงความเป็นเจ้าของ ปีเก้ ยังกล่าวถึง ฟลอเรนตีโน่ เปเรซ ประธานทีมชุดขาวที่สโมสรนำชื่อของเขามาตั้งเป็นชื่อของ สปอร์ต ซิตี้ ของ เรอัล มาดริด 

'เขามีพลังอำนาจอย่างมาก เขามีคู่ปรับมากมาย, คู่แข่งของเขา, ซูเปอร์ลีกของเขายังคงอยู่'

ปีเก้ ยังพูดถึงการก่อตั้ง คิงส์ ลีก ที่อดีตกองหลังทีมอาซูลกราน่ายอมรับว่าเขามีแนวคิดหลายอย่างที่สอดคล้องกับอุดมคติของ ฟลอเรนตีโน่ เปเรซ เช่นกัน

'ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากับ บาร์ซ่า ผมตระหนักว่าผมดูฟุตบอลน้อยลงเรื่อยๆ และเราคิดจะสร้างบางอย่างเพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ ผมต้องบอกว่าเราประสบความสำเร็จ เราใช้ฟุตบอลเพราะเป็นกีฬาที่มีคนติดตามมากที่สุด และเราใช้กฎของวิดีโอเกม' 

'ความเข้มข้นของการแข่งขันคือเอกลักษณ์ของเรา และผู้ชมที่อายุน้อยก็รู้สึกมีส่วนร่วม ช่วงเวลา 90 นาทีนั้นยาวนาน และคนหนุ่มสาวพบว่ามันยากที่จะติดตามเกมแบบดั้งเดิม'

'เราจึงปรับฟุตบอลให้สั้นลง สั้นลงมาก แต่มีการเรียกร้องอย่างมาก ช่วง 2 ครึ่งเวลาใน 20 นาที ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก' ปีเก้ อธิบาย

ปีเก้ ยังพูดถึง ลีโอเนล เมสซี่, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ รวมถึงเจ้านายเก่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการเป็นคู่ปรับกับกองหน้าดาวดังชาวโปรตุกีส

'มันแตกต่างเสมอ คริสเตียโน่ เป็นยอดมนุษย์ เลโอ ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้ ผมเห็นเขาฝึกซ้อมทุกวันและทำสิ่งที่น่าทึ่ง ไม่มีใครอีกแล้วที่มีความเร็วทางความคิดเช่นนี้'

'เขามาถึงตอนอายุ 13 ปี และเล่นในแบบเดียวกันทั้งในอะคาเดมี่และกับทีมชุดใหญ่'

ก่อนกล่าวถึงช่วงเวลาของทีมยุค เป๊ป ในช่วงปี 2008-2012 ซึ่งถือเป็นยุคทองของทัพอาซูลกราน่าที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ 

'เรามีผู้เล่นพรสวรรค์ที่น่าเหลือเชื่อหลายคน แต่สิ่งพิเศษที่สุดคือการได้ร่วมงานกับ เป๊ป เรามาถึงจุดนี้ด้วยกัน ผมในฐานะนักเตะและเขาในฐานะโค้ช มี เมสซี่, ชาบี, อีเนียสต้า, ปูโยล,  บุสเก็ตส์ ทั้งหมดที่มาจาก ลา มาเซีย เรารู้จักกันมาตลอดและทุกอย่างก็เป็นไปตามธรรมชาติ'

'ในระดับแท็คติกและกลยุทธ์ เขาเป็นอัจฉริยะ เขาอ่านเกมออก เขามอบเครื่องมือที่จำเป็นในการเล่นเกมรุกและเกมรับ และในการถ่ายทอดข้อความสร้างแรงบันดาลใจ เขาเป็นคนที่ไม่มีใครเอื้อมถึง เขาทำให้เรามีสมาธิอย่างสูงมาหลายปี' ปีเก้ กล่าว

อดีตกองหลังทีมชาติสเปนยังเผยว่าเขาเกือบจะย้ายมาค้าแข้งกับ ยูเวนตุส สโมสรยักษ์ใหญ่ของอิตาลี ก่อนจะหวนคืน บาร์เซโลน่า ในช่วงซัมเมอร์ปี 2008

'ในปีสุดท้ายของผมที่ แมนเชสเตอร์ ก่อนจะย้ายไป บาร์ซ่า ผมเกือบจะย้ายไป ยูเวนตุส ตอนนั้นเป็นปี 2007 แต่เมื่อหวนคืนสู่ บาร์เซโลน่า แล้ว ผมก็ไม่เคยคิดจะย้ายออกไปอีกเลย' 

ปีเก้ ใช้เวลา 4 ปีกับ แมนฯยูไนเต็ด โดยย้ายมาเล่นกับ เรอัล ซาราโกซ่า ด้วยสัญญายืมตัวในฤดูกาล 2006-2007 และหวนถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หลังจากนั้น แต่เขาไม่มีโอกาสลงเล่นกับทีมปีศาจแดงมากนัก เนื่องจากยังมีทั้ง ริโอ เฟอร์ดินานด์ กับ เนมานย่า วิดิช สองสุดยอดกองหลังแห่งยุคขวางทางอยู่ข้างหน้า

'ผมอยู่ที่นั่น 3 ปี ผมย้ายมาตอนอายุ 17 ปี ผมยังหนุ่มมาก และตอนนั้น ยูไนเต็ด มีปราการหลังตัวกลางดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เนมานย่า วิดิช'

'เราคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ พรีเมียร์ลีก แต่ผมลงเล่นกับ ยูไนเต็ด เพียง 20 หรือ 25 เกมเท่านั้น' 

ปีเก้ เลิกเล่นฟุตบอลอาชีพในช่วงปลายปี 2022 ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งซีอีโอของ คิงส์ ลีก ยังพูดถึงความเป็นไปได้ในการกลับมาสวมสตั๊ดเตะฟุตบอลอีกครั้ง 

'บางทีในภายหลัง ผมอาจจะกลับมาเล่นฟุตบอลและทำบางอย่างที่แตกต่างออกไป ผมไม่สนใจจะเป็นโค้ช กิจวัตรประจำวันที่ทำมาตลอด 20 ปีทำให้ผมอิ่มตัว ผมจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง หลายปีที่อยู่กับ แมนฯยูไนเต็ด และ บาร์เซโลน่า ลงเล่นทุกๆ 3 วัน มันทำให้คุณอิ่มตัว'

'ผมมีความทรงจำที่สวยงาม ผมโชคดีและผมคว้าแชมป์มากมาย และผมได้เติมเต็มความฝันในวัยเด็กของผม นั่นคือการเล่นที่ คัมป์ นู'

ปีเก้ เป็นส่วนหนึ่งของช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จมากสุดในประวัติศาสตร์สโมสร บาร์เซโลน่า โดยคว้าแชมป์ ลา ลีกา 9 สมัย, แชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัย, โกปา เดล เรย์ 7 สมัย รวมถึงแชมป์ฟุตบอลโลก และแชมป์ยุโรปอีก 2 สมัยกับทีมชาติสเปน