'ผมไม่อยากเป็นโค้ช'อิบราฮิโมวิช
ซลาตัน อิบราฮิโมวิช อดีตกองหน้าดาวดังวัย 43 ปี ผ่านเส้นทางอาชีพมาอย่างโชกโชนในช่วงปี 1999-2023 ไล่จาก มัลโม่, อาแจ็กซ์ อัมส์เตอร์ดัม, ยูเวนตุส, อินเตอร์ มิลาน, บาร์เซโลน่า, เอซี มิลาน, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง, แมนฯยูไนเต็ด, แอลเอ แกแล็คซี่ ตบท้ายกับ เอซี มิลาน อีกครั้งจนกระทั่งยุติอาชีพ
แม้จะเคยเล่นกับสโมสรชั้นนำมากมาย แต่ อิบราฮิโมวิช ไม่เคยย้ายไปสัมผัสกลิ่นอายลูกหนังของลีกเมืองเบียร์ โดยเฉพาะกับยักษ์ใหญ่ประจำถิ่นอย่าง บาเยิร์น มิวนิค
'ฟุตบอลในเยอรมนีเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมาก ผมชอบสนามที่นั่นเพราะพวกเขาเข้ามาชมเกมแน่นเต็มความจุเสมอ การได้เล่นกับสโมสรอย่าง บาเยิร์น มิวนิค คงเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก เพราะประวัติศาสตร์และนักเตะของสโมสรนั้น สำหรับผมแล้ว บาเยิร์น มิวนิค เป็น 1 ใน 5 สโมสรดีที่สุดในโลก ผมชื่นชอบฟุตบอลเยอรมันและทีมชาติเยอรมนีมาก'
'แต่พวกเขาไม่สามารถจ่ายเงินให้ผมได้ (หัวเราะ) บอกตามตรง โอกาสที่จะย้ายไป บาเยิร์น นั้นไม่เคยมีอยู่เลย มันคงน่าสนใจ แต่โชคชะตากลับมีแผนการอื่น' อิบราฮิโมวิช กล่าว
อิบราฮิโมวิช ยังกล่าวถึงนักเตะดาวรุ่งในปัจจุบันว่ามีแนวโน้มที่จะฟังผู้เล่นที่มีประสบการณ์น้อยลงหรือไม่ 'หากย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผู้คนคงพูดแบบเดียวกันว่า 'คนรุ่นใหม่ไม่สนใจคนรุ่นเก่า' และหากย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว สถานการณ์ก็คงเป็นแบบเดียวกัน'
'นักเตะดาวรุ่งควรมีความมั่นใจและความคิดที่จะทำให้พวกเขาสามารถสร้างเส้นทางของตัวเองได้ เราไม่สามารถพรากบุคลิก ความทะเยอทะยาน และวิสัยทัศน์ของพวกเขาไปได้ พวกเขามีสิทธิ์ที่จะทดลองและทำสิ่งต่างๆตามแนวทางของตนเอง'
'แน่นอนว่าพวกเขายังต้องเรียนรู้ด้วย และนี่คือสิ่งที่ผมมองเห็นในบทบาทของตัวเอง หน้าที่ของผมในฐานะผู้นำคือการชี้นำพวกเขาโดยใช้ประสบการณ์ของผม'
อิบราฮิโมวิช ค้าแข้งมานานกว่า 2 ทศวรรษและเคยร่วมงานกับยอดโค้ชมากหน้าหลายตา แต่ตอนนี้เขาไม่มีความคิดที่จะทำงานโค้ช โดยเลือกรับงานที่ปรึกษาของสโมสร เอซี มิลาน ในปัจจุบัน
'ณ ตอนนี้ ใช่, ผมยังไม่อยากเป็นโค้ช เพราะมันเป็นงานหนักเกินไป โค้ชต้องทำงานครอบคลุมหลายแง่มุม คิดค้นไอเดีย หาทางออก เตรียมตัวสำหรับการแข่งขัน และวิเคราะห์ในภายหลัง คุณต้องทำงานทั้งวันทั้งคืน การเป็นโค้ชหนึ่งปีสำหรับผมคงรู้สึกเหมือนเป็นทศวรรษเลย ซึ่งนั่นไม่ดึงดูดใจผมเลย'
เมื่อถูกถามถึงวิวัฒนาการของฟุตบอลและการสูญเสียความน่าตื่นเต้นไปเนื่องจากการเน้นเรื่องแท็คติกมากขึ้นกว่าเดิม อดีตดาวยิงทีมชาติสวีเดนพูดถึงประเด็นนี้ว่า
'เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฟุตบอลโดยตรง แต่เกี่ยวกับโค้ชมากกว่า โค้ชหลายคนมีปรัชญาและสไตล์การเล่นของตัวเอง จากนั้นความเป็นปัจเจกของนักเตะก็ไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะทุกคนต่างก็ปรับตัวให้เข้ากับแท็คติกหรือระบบ'
'แน่นอนว่าปรัชญาของโค้ชมีความสำคัญ เพราะโค้ชจำเป็นต้องบริหารจัดการทีม แต่ผมเชื่อว่านักเตะมีความสำคัญที่สุดในฟุตบอล เพราะท้ายที่สุดแล้ว นักเตะคือคนที่ก้าวลงสู่สนามและสร้างความแตกต่าง'
'สำหรับความตื่นเต้น ผมไม่คิดว่าฟุตบอลจะน่าเบื่อ ตรงกันข้าม ผมรู้สึกว่ามันยังคงพัฒนาต่อไป คนเราต้องฉลาดและเปิดรับเทรนด์ใหม่ๆ'
เมื่อถูกถามถึงการเปรียบเทียบ เออร์ลิง ฮาแลนด์ หัวหอกทีมชาตินอร์เวย์ของ แมนฯซิตี้ ว่าเป็น 'ซลาตันคนใหม่' ซึ่ง อิบราฮิโมวิช กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า
'บางทีอาจเป็นเพราะทรงผมของเขา (หัวเราะ) ผมไม่ชอบการเปรียบเทียบนักเตะเพราะแต่ละคนต่างมีเส้นทางของตัวเองและเขียนเรื่องราวของตัวเอง ผมเคยมียุคของตัวเอง และผมก็เล่นเท่าที่ผมสามารถทำได้ ตอนนี้เขาก็มียุคของตัวเองและเล่นในแบบของตัวเอง'
'ดังนั้นจึงไม่มี 'ซลาตันคนใหม่' ผมทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว แต่ผมก็ผ่านวันหมดอายุของตัวเองไปนานแล้ว เออร์ลิง ฮาแลนด์ เป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมและกำลังทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม'
อิบราฮิโมวิช ยังพูดถึงการกลับมาทำงานกับสโมสร เอซี มิลาน ว่า 'ผมเชื่อในโปรเจ็กท์ ผมเชื่อในสิ่งที่ มิลาน ยืนหยัด ผมเชื่อว่าผมมีวิสัยทัศน์เดียวกับคนทำงานและเจ้าของสโมสร เพราะพวกเขาต้องการทำสิ่งที่น่าทึ่ง พวกเขาตั้งเป้าจะสร้างประวัติศาสตร์ คว้าชัยชนะ และเมื่อถึงคราวที่ต้องคว้าชัยชนะ ผมรู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่เพราะผมต้องการคว้าชัยชนะ ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อคว้าชัยชนะ และผมจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะคว้าชัยชนะ'
'ผมเคยเล่นกับหลายสโมสร สโมสรที่น่าทึ่ง สโมสรที่ยอดเยี่ยม ยอดทีม และสโมสรที่มอบสิ่งดีที่สุดให้ผมในอาชีพค้าแข้งของผมที่ มิลาน ผมเคยมาที่นี่ 2 ครั้ง และสิ่งที่มิลานยึดมั่น ผมชอบมันมาก ครั้งแรกที่ผมมา พวกเขามอบความสุขให้ผมตอนที่ผมลงเล่นกับ มิลาน ครั้งที่สอง พวกเขามอบความรักให้ผม และผมรู้สึกว่าผมต้องการตอบแทนพวกเขา'
'ตั้งแต่ผมยอมรับว่าจะไม่เล่นอีกต่อไป มันโอเค ผมสบายใจกับมัน นั่นคือเหตุผลที่ผมไม่คิดถึงการเล่นฟุตบอล สิ่งที่ผมหมายถึง (ตอนที่ผมพูด) ผมรู้สึกหงุดหงิดและไม่สามารถลงสนามได้ นั่นเป็นเพราะประสบการณ์ของผม เพราะตัวผมเอง เพราะสิ่งที่ผมทำได้ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมหงุดหงิดมากกว่า แต่นั่นไม่ใช่ว่าผมคิดถึงการลงเล่นฟุตบอล'
'ผมมีเพื่อนร่วมงานที่ดี และผมทำงานกับคนดีๆที่คอยช่วยเหลือผม เรายังหนุ่ม เรามีความกระหาย เรามีความทะเยอทะยานสูง เรามีวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ และทุกคนมีความตั้งใจจะทำมากขึ้น เราจะไม่พอใจจนกว่าจะได้สิ่งที่เราต้องการ และนั่นคือชัยชนะ'
'เราพูดคุยกับผู้เล่นมากมาย แต่สำหรับผม ผมคุยกับพวกเขาบ่อยมากเหมือนติดต่อกับพวกเขาทุกวัน มันเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ผมทำและเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางที่จะอยู่ใกล้ชิด ช่วยเหลือ และให้คำแนะนำ'
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT