จุดเริ่มต้นหายนะของบาเลนเซีย

นับตั้งแต่ ปีเตอร์ ลิม และกลุ่มทุนของมหาเศรษฐีชาวสิงค์โปร์ครอบครองหุ้นส่วนใหญ่ของสโมสร บาเลนเซีย การตัดสินใจแรกคือปลด ฮวน อันโตนิโอ ปิซซี่ พร้อมแต่งตั้งเพื่อนของเขา นูโน่ เอสปีรีโต้ ซานโต เป็นเทรนเนอร์คนใหม่ของทัพค้างคาวในช่วงซัมเมอร์ปี 2014 

มันดูเหมือนว่า บาเลนเซีย ยุคใหม่ภายใต้การบริหารของ ปีเตอร์ ลิม จะไปได้สวย หลัง นูโน่ นำทัพค้างคาวเข้าป้ายอันดับ 4 ในซีซั่น 2014-2015 แต่เทรนเนอร์ชาวโปรตุกีสกุมบังเหียนในฤดูกาลถัดมาเพียง 13 เกม ก่อนตัดสินใจอำลาสโมสรหลังมีความเห็นไม่ลงรอยกับมหาเศรษฐีชาวสิงค์โปร์

นั่นคือจุดเริ่มต้นของความสับสนวุ่นวายในถิ่นเมสตาย่าส่งผลให้ทัพ 'โลส เช' ที่เคยเป็นทีมระดับแนวหน้าของลีกเมืองกระทิงกลายสภาพมาเป็นทีมที่ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดในปัจจุบัน

บาเลนเซีย ผลักดัน ซัลบาดอร์ กอนซาเลซ หรือ โบโร่ ขึ้นมาดูแลทีมชั่วคราวหลังการจากไปของ นูโน่ โดยคุมทัพค้างคาวลงเล่น 2 นัด ก่อน ปีเตอร์ ลิม จะสร้างความประหลาดใจด้วยการแต่งตั้งมือใหม่หัดขับอย่าง แกรี่ เนวิลล์ ซึ่งมีความสนิทสนมกับเจ้าสัวสิงค์โปร์เป็นเทรนเนอร์คนใหม่เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2015 

ทว่าอดีตแบ็กขวาทีมชาติอังกฤษและ แมนฯยูไนเต็ด ทำงานในตำแหน่งดังกล่าวราว 3 เดือน ก่อนตัดสินใจโบกมือลาเนื่องจากไม่สามารถรับแรงกดดันจากรอบด้าน โดยคุมทีมค้างคาวลงสนาม 28 เกม ชนะ 10 เสมอ 7 แพ้ 11 

จากนั้น บาเลนเซีย ดึง ปาโก้ อาเยสตาราน มาทำงานต่อจาก เนวิลล์ ก่อนถูกปลดออกจากตำแหน่งในเดือนกันยายนปี 2016 โดยมี โบโร่ เข้าคุมทีมขัดตาทัพอีกครั้ง จนกระทั่งสโมสรตั้ง เชซาเร่ ปรันเดลลี่ เป็นนายใหญ่คนใหม่ แต่เทรนเนอร์ชาวอิตาเลียนคุมทีมเพียง 10 เกมก็ตัดสินใจอำลาสโมสร

โบโร่ ก้าวขึ้นมาดูแลทีมค้างคาวหลังจากนั้นจนกระทั่งจบฤดูกาล ก่อนจะหลีกทางให้ มาร์เซลีโน่ การ์เซีย โตราล ซึ่งทำผลงานดีด้วยการนำทัพ 'โลส เช' คว้าอันดับ 4 ในซีซั่น 2017-2018 และ 2018-2019 แต่เขาลาออกจากตำแหน่งหลังการทำงานในฤดูกาล 2019-2020 เพียง 3 เกม

อัลเบิร์ต เซลาเดส เข้ามารับงานต่อจาก มาร์เซลีโน่ หลังจากนั้น แต่เขาคุมทีมค้างคาวไม่จบฤดูกาล โดยมี โบโร่ ก้าวขึ้นมาดูแลทีมชั่วคราวอีกครั้งในช่วง 6 เกมสุดท้ายของซีซั่น 

จากนั้น ฆาเบียร์ กราเซีย การ์ลอส เข้ามากุมบังเหียนในซีซั่น 2020-2021 แต่ถูกปลดออกจากตำแหน่งก่อนจบซีซั่น 4 เกม และแน่นอนว่าทีมค้างคาวต้องเรียกใช้บริการ โบโร่ อีกคำรบ 

บาเลนเซีย แต่งตั้ง โฆเซ่ บอร์ดาลาส เป็นเทรนเนอร์คนใหม่หลังจากนั้น แต่ก็คุมทีมเพียงฤดูกาลเดียว และถูกแทนที่โดย เจนนาโร่ กัตตูโซ่ ทว่าเทรนเนอร์ชาวอิตาเลียนคุมทีมค้างคาวเพียง 22 เกมก็ตัดสินใจอำลาทีมเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2023

โบโร่ ก้าวขึ้นมาทำงานขัดตาทัพอีกรอบจนกระทั่งสโมสรตั้ง รูเบน บาราฆา เป็นนายใหญ่คนใหม่ ก่อนเทรนเนอร์วัย 49 ปีจะกลายเป็นเหยื่อรายที่ 11 ในยุค ปีเตอร์ ลิม หลังถูกปลดออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา

นั่นทำให้ บาเลนเซีย กลายเป็นสโมสรที่มีการไล่ออกและลาออกจากตำแหน่งเทรนเนอร์ช่วงกลางฤดูกาลมากที่สุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของลีกเมืองกระทิงจำนวน 43 ครั้ง ตามหลัง แอตเลติโก มาดริด ที่มีการปลดเทรนเนอร์รวมกัน 52 ครั้ง แต่สถิติดังกล่าวหยุดนิ่งนับตั้งแต่ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ มาทำงานในเดือนธันวาคมปี 2011 จนถึงปัจจุบัน ส่วนอันดับ 3 คือ เอสปันญ่อล ที่มีการเปลี่ยนแปลง 37 ครั้ง

ส่วนเทรนเนอร์คนล่าสุดของ บาเลนเซีย คือ การ์ลอส กอร์เบราน วัย 41 ปีที่เซ็นสัญญาจนถึงช่วงซัมเมอร์ปี 2027 แต่ไม่มีใครรับประกันได้ว่าเขาจะทำงานไปจนกระทั่งสิ้นสุดสัญญาหรือไม่ 

การสั่งปลด บาราฆา ทำให้สโมสรต้องจ่ายเงินชดเชยตามสัญญาของเทรนเนอร์วัย 49 ปี มูลค่า 5 ล้านยูโร บวกการจ่ายเงินชดเชย 2.4 ล้านยูโรเพื่อดึง กอร์เบราน ออกมาจากสัญญากับ เวสต์บรอมวิช ทำให้ทีมค้างคาวเสียค่าใช้จ่ายสำหรับการเปลี่ยนแปลงเทรนเนอร์ครั้งนี้รวมกัน 7.4 ล้านยูโร

กอร์เบราน เคยเป็นนักเตะฝึกหัดของ บาเลนเซีย ในตำแหน่งผู้รักษาประตู เขาไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพค้าแข้ง ก่อนเบนเข็มสู่งานโค้ชตั้งแต่อายุ 31 ปี โดยเริ่มทำงานเทรนเนอร์เต็มตัวครั้งแรกกับ โดช่า สโมสรไซปรัสในเดือนพฤศจิกายนปี 2016 แต่ถูกปลดออกจากตำแหน่งในเดือนมกราคมปีถัดมา 

จากนั้นเขาย้ายมาทำงานกับ เออร์มีส จนจบซีซั่น 2016-2017 ก่อนจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมสตาฟฟ์ ลีดส์ ยูไนเต็ด ยุค มาร์เซโล่ บีเอลซ่า ในเดือนมิถุนายนปี 2019 และมีส่วนช่วยทีมยูงทองเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกในปีต่อมา 

กอร์เบราน ย้ายมารับงานกุนซือของ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ในช่วงซัมเมอร์ปี 2020 ก่อนลาออกจากตำแหน่งในช่วงหน้าร้อนปี 2022 แล้วย้ายมาทำงานเทรนเนอร์ของ โอลิมเปียกอส แต่ถูกไล่ออกหลังคุมทีมลงสนามเพียง 11 เกม จนกระทั่ง เวสต์บรอมวิช ดึงมารับงานในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน 

จากประวัติการทำงานของ กอร์เบราน จึงถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจพอสมควรที่ บาเลนเซีย เลือกเขามาเป็นเทรนเนอร์คนใหม่ในขณะที่ทีมค้างคาวกำลังเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบากบนเวทีลีกาซีซั่นนี้ 

แม้ ปีเตอร์ ลิม จะประสบความสำเร็จในธุรกิจ และเขาพยายามทำทุกอย่างแล้วก็ตาม แต่การขาดการลงทุนทำให้สโมสรตกอยู่ในที่นั่งลำบากจนกลายสภาพเป็นทีมที่ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดในปัจจุบัน

นั่นจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจที่สาวกบาเลนเซียนีสต้ารวมตัวกันประท้วงขับไล่เขาหลายครั้งเพื่อบีบให้มหาเศรษฐีชาวสิงค์โปร์ปล่อยมือจากทีมค้างคาว แต่นักธุรกิจอย่าง ปีเตอร์ ลิม ก็ไม่ยอมขาดทุนเช่นกัน โดยยืนยันว่าเขาพร้อมพิจารณาขายสโมสรเช่นกัน ทว่าต้องเป็นข้อเสนอที่ดึงดูดใจเท่านั้น 

การบริหารงานแบบนักธุรกิจของ ปีเตอร์ ลิม โดยขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องฟุตบอลกลายเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะที่กำลังเกิดขึ้นกับสโมสรในปัจจุบัน ซึ่งแฟนๆทีมค้างคาวคงทำได้แค่คาดหวังว่ามันจะไม่เลวร้ายถึงขั้นตกชั้นเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในซีซั่น 1985-1986 เท่านั้น