แคมเปญรับคนทรยศ
ดาร์บี้แมตช์แคว้นบาสก์ยกต่อไปจะระเบิดขึ้นบนสังเวียน'เอสตาดิโอ มูนีซีปาล เด อาโนเอต้า'คืนวันเสาร์นี้
ไฮไลท์สำคัญที่หลายคนจับตามองคือการกลับมาเยือนรังเก่าของ อินญีโก้ มาร์ตีเนซ คนทรยศตามสายตาของสาวก'ลา เรอัล' ไม่ต่างจากตอนที่ โซล แคมป์เบลล์ ตีปีกจาก สเปอร์ส ย้ายซบ อาร์เซน่อล เมื่อปี 2001
ปราการหลังวัย 26 ปีสลัดคราบ'ขาว-น้ำเงิน'กลายร่างมาสวมเสื้อ'ขาว-แดง'ท่ามกลางเสียงก่นด่าสาปแช่งจากแฟนๆ เรอัล โซเซียดาด หลังนักเตะวัย 26 ปีกลืนน้ำลายตัวเองทั้งที่เคยให้คำมั่นเมื่อปี 2014 ว่าจะไม่ย้ายข้ามฟากมาอยู่กับทีมคู่ปรับร่วมแคว้นบาสก์
แอธเลติก บิลเบา ยอมจ่ายเงิน 32 ล้านยูโรฉีกสัญญา อินญีโก้ เพื่อดึงมาเป็นตัวแทนของ อายเมอริค ลาปอร์เต้ ซึ่งย้ายซบ แมนฯซิตี้ ด้วยค่าฉีกสัญญา 65 ล้านยูโร
เหตุดังกล่าวมันคงไม่เกิดถ้าหาก อินญีโก้ ไม่ยินยอมพร้อมใจย้ายซบทีมคู่ปรับร่วมแคว้น นั่นจึงเป็นที่มาของเสียงก่นด่าสาปแช่งไล่หลังดาวเตะวัย 26 ปี
อินญีโก้ มาร์ตีเนซ เริ่มเล่นฟุตบอลกับ เอาร์เรร่า ออนดาร์โรอา สโมสรท้องถิ่นในบ้านเกิด ก่อน เรอัล โซเซียดาด จะดูดเข้าสังกัดทีมเยาวชนในเวลาต่อมา จนกระทั่งก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ลงประเดิมเวทีลีกาเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2011 ในเกมบุกชนะ สปอร์ติ่ง คิฆอน 2-1
ประจวบเหมาะที่การทำประตูแรกบนเวทีลีกาของ อินญีโก้ เกิดขึ้นในศึกดาร์บี้แมตช์แคว้นบาสก์กับ บิลเบา เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมปีเดียวกัน หลังยิงลักไก่จากแดนตัวเองก่อน เรอัล โซเซียดาด จะพ่ายคู่ปรับร่วมแคว้นคารัง 1-2
อินญีโก้ มาร์ตีเนซ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นตัวหลักของ เรอัล โซเซียดาด และเพิ่งต่อสัญญายาว 5 ปีเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2016 โดยมีค่าฉีกสัญญา 32 ล้านยูโร
กองหลังวัย 26 กะรัตเคยตกเป็นเป้าหมายของ บาร์เซโลน่า ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ทีมอาซูลกราน่าไม่ต้องการจ่ายเงินค่าฉีกสัญญา การย้ายไปค้าแข้งกับทีมอาซูลกราน่าจึงถูกพับฐานไปโดยปริยาย ก่อนที่ อินญีโก้ จะทำเซอร์ไพรส์ด้วยการย้ายไปสวามิภักดิ์ต่อทีมคู่ปรับร่วมแคว้นบาสก์ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา
แอธเลติก บิลเบา เป็นสโมสรเก่าแก่ของแคว้นบาสก์และประเทศสเปน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1898 หรือ 120 ปีก่อนหน้านี้ พวกเขามีศักดิ์ศรีเป็นทีมหมายเลขหนึ่งของแคว้นนี้ก็ว่าได้ หลังเคยคว้าแชมป์ลีกา 8 สมัย, แชมป์โกปา เดล เรย์ 23 สมัย และ แชมป์สแปนิช ซูเปอร์ คัพ 2 ครั้ง
ขณะที่ เรอัล โซเซียดาด ก่อตั้งสโมสรเมื่อปี 1909 หรือราว 108 ปีก่อน อายุอานามก็น้อยกว่า บิลเบา ราว 12 ปี เคยคว้าแชมป์ลีกเมืองกระทิง 2 สมัย, โกปา เดล เรย์ 2 สมัย กับ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ 1 ครั้ง ถึงกระนั้นพวก'ลา เรอัล'มองว่าพวกเขามิได้มีศักดิ์ศรีด้อยกว่า บิลเบา แม้แต่น้อย
ทั้งสองสโมสรมีนโยบายทำทีมแตกต่างกันอย่างชัดเจน บิลเบา ยึดจารีตประเพณีที่ต้องใช้นักเตะที่มีเชื้อสายหรือเกี่ยวข้องกับความเป็นบาสโก้เท่านั้น ขณะที่ เรอัล โซเซียดาด ทำทีมฟรีสไตล์ไม่เกี่ยงว่าคุณจะเป็นคนชาติไหนสามารถเล่นกับสโมสรได้แบบไม่กีดกัน
ดังนั้นจากอดีตที่ผ่านมา บิลเบา จึงมักจะใช้พลังถูกนักเตะเชื้อสายบาสโก้ไปจาก เรอัล โซเซียดาด เสมอ ผ่านมาจนถึง อินญีโก้ มาร์ตีเนซ เป็นรายล่าสุด
จากเมือง บิลเบา สู่เมือง ซาน เซบาสเตียน ซึ่งเป็นฐานที่ตั้งของ เรอัล โซเซียดาด อยู่ไม่ห่างกันมากนักใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งและเคยมีนักเตะ'ลา เรอัล'ย้ายไปค้าแข้งกับ บิลเบา ก่อนหน้านี้หลายต่อหลายคน
อาทิ บิตตอร์ อัลกีซ่า, โลเรน ฆวาร์โรส, โจเซบา เอเชเบร์เรีย, มีเกล บาเลนเซียก้า, อีกอร์ กาบีลอนโด้, อีบัน ซูเบียอูร์เร่, กอร์ก้า เอลูสตอนโด้ จนถึง อินญีโก้ มาร์ตีเนซ รายหลังสุดจะได้รับเสียงสาปส่งมากกว่าผู้เล่นคนอื่น
แต่เหตุที่สาวก'ลา เรอัล'จำนวนมากรู้สึกเศร้า เซ็ง ไม่พอใจ หงุดหงิดและโกรธแค้นที่ อินญีโก้ มาร์ตีเนซ ตัดสินใจทิ้งทีมไปซบคู่ปรับร่วมแคว้นมาจากการกลืนน้ำลายตัวเองไม่ทำตามคำพูดก่อนหน้านี้นั่นเอง
'ผมไม่คิดว่า แอธเลติก จะมาที่นี่เพื่อจ่ายเงินให้ศัตรู 30 ล้านเพื่ออะไร ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นหรืออะไรเลย ผมจะไม่ย้ายข้ามฟากไปอยู่กับทีมคู่ปรับ ตอนนี้ผมยังรู้สึกเฉยๆนะ' อินญีโก้ เคยพูดถึงทีมคู่ปรับร่วมแคว้นเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2014
บางคนอาจจะเข้าใจว่าตอนนั้น อินญีโก้ อายุยังน้อย คิดและพูดตามประสาวัยรุ่นทั่วไป ก่อนความคิดคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้เมื่ออายุมากขึ้นและในฐานะนักเตะอาชีพอาจต้องการความท้าทายที่แตกต่างไปจากเดิม
การเปลี่ยนร่างจาก'น้ำเงิน-ขาว'ไปสวมเครื่องแบบ'แดง-ขาว'เป็นย่างก้าวสำคัญในอาชีพค้าแข้งของ อินญีโก้ มาร์ตีเนซ เพราะนอกจากจะทำให้นักเตะมีรายได้เพิ่มมากขึ้นแล้ว ถ้าพิจารณาตามศักยภาพทีม แอธเลติก บิลเบา อาจจะมีโอกาสประสบความสำเร็จเหนือกว่า เรอัล โซเซียดาด
อินญีโก้ อาจจะเป็น'คนทรยศ'ตามสายตาของสาวก'ลา เรอัล'ก็จริง แต่อย่างน้อยเขาก็ตอบแทนสโมสรด้วยจำนวนเงินค่าตัว 32 ล้านจาก บิลเบา ซึ่งทำให้กองหลังวัย 26 ปีเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงสุดในประวัติศาสตร์สโมสรและทำให้ทีมมีสภาพคล่องมากขึ้นด้วย
บิลเบา ส่ง อินญีโก้ ลงประเดิมสังเวียนในเกมเยือน คีโรน่า เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ แต่ทีมดังแคว้นบาสก์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในเกมดังกล่าว 0-2 และกองหลังวัย 26 ปีจะได้ลงเล่นเฉพาะลีการวมกันเพียง 13 เกมเท่านั้นหลังหมดสิทธิ์ลงเล่นบนเวทียูโรปาลีกาเพราะเคยลงเล่นกับต้นสังกัดเก่าในรายการนี้มาก่อน แต่เส้นทางของ บิลเบา หยุดลงที่รอบ 16 ทีมหลังการพ่ายแพ้ต่อ มาร์กเซย ของฝรั่งเศส
ศึกดาร์บี้แมตช์แคว้นบาสก์คืนวันเสาร์นี้ สาวก'ลา เรอัล'จะเตรียมการต้อนรับ'คนทรยศ'แบบสาสม ซึ่งคงไม่มีเหตุการณ์รุนแรง แต่รับรองได้ว่าตลอด 90 นาทีในการกลับมาเยือนรังเก่าครั้งแรกของ อินญีโก้ จะได้ยินเสียงเป่าปากโห่และด่าพ่อล่อแม่จนอื้ออึงแน่
อัดนาน ยานาไซ ปีกชาวเบลเจี้ยนของ เรอัล โซเซียดาด อาจจะออกมาร้องขอแฟน'ลา เรอัล'ว่าไม่ต้องการให้แฟนบอลส่งเสียงโห่หรือตะโกนด่า อินญีโก้ มาร์ตีเนซ ก็ตาม แต่มันคงจะหยุดความต้องการของแฟนบอลยาก เพราะคำพูดของเด็กหนุ่มต่างแดนที่เพิ่งเข้ามาอยู่กับทีมได้ไม่ถึงปีคงไม่มีอิทธิพลต่อแฟนบอลเท่าไหร่
'ผมไม่อยากให้แฟนบอลส่งเสียงโห่ เขา (อินญีโก้) เป็นคนดีและเป็นเพื่อนที่ดี'ยานาไซ กล่าวอ้อนวอนผ่าน กาเดน่า เซร์ ประจำเมือง ซาน เซบาสเตียน
สาวก'ลา เรอัล'เตรียมแคมเปญต้อนรับคนทรยศในวันเสาร์นี้เป็นกรณีพิเศษ หนึ่งในนั้นคือการพิมพ์แบ๊งค์ 10 ยูโรโดยมีรูป อินญีโก้ มาร์ตีเนซ เพื่อใช้โปรยลงสนาม มันหมายถึงการย้ำให้เห็นว่านักเตะคนนี้เป็นพวกหน้าเงิน เลือกผลประโยชน์เหนือกว่าความภักดิ์ดี
เรอัล โซเซียดาด ยังมีโอกาสลุ้นทำอันดับไปเล่นฟุตบอลยุโรปตามทฤษฎีเพราะมีคะแนนตามหลังอันดับ 7 เซบีย่า เพียง 5 แต้ม โดยเหลือโปรแกรมลงสนามอีก 4 นัด แต่งานของ'ลา เรอัล'ยากขึ้นเพราะดันทะลึ่งแพ้ทีมที่ตกชั้นไปแล้วอย่าง มาลาก้า 0-2 เมื่อสัปดาห์ก่อนนั่นเอง
อย่างไรก็ตามการเก็บชัยชนะเหนือทีมคู่ปรับร่วมแคว้นบาสก์ในวันเสาร์นี้ถือเป็นแรงจูงใจชั้นยอดเพราะมันจะทำให้ทัพ'ลา เรอัล'หนีฉีก บิลเบา เพิ่มเป็น 6 คะแนนและเหลือโปรแกรมลงเตะอีกเพียง 3 นัด ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่ เรอัล โซเซียดาด จะจบฤดูกาลด้วยอันดับเหนือกว่า แอธเลติก บิลเบา
นั่นคือสิ่งที่สาวก'ลา เรอัล'ต้องการตอกหน้าคนทรยศที่ชื่อ อินญีโก้ มาร์ตีเนซ
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT