:::     :::

เป้าหมายต่อไป

วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2561 คอลัมน์ ลูกหนังนอกกรอบ โดย JOKE
3,911
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ขุมกำลังบาร์เซโลน่าชุดคว้าแชมป์ลีกาสมัยที่ 25 หลังบุกคว้าชัยชนะบนสังเวียนรีอาซอร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

การคว้า'ดับเบิ้ลแชมป์'สามารถช่วยยาความผิดหวังจากการตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกแบบงงๆได้ดีในระดับหนึ่ง 

แต่งานของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ยังไม่ยุติลงเพียงเท่านี้ เทรนเนอร์ชาวบาสโก้ยังพร้อมเดินหน้าสร้างผลงานระดับประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในลีกเมืองกระทิง 


นั่นคือการทำสถิติไม่แพ้ตลอดซีซั่น!!!

บาร์เซโลน่า เหลือโปรแกรมลงสนามอีก 4 เกมเพื่อสร้างสถิติดังกล่าว เริ่มต้นจากแมตช์'เอล กลาซิโก้'กับ เรอัล มาดริด (เหย้า), บียาร์เรอัล (เหย้า), เลบันเต้ (เยือน) และ เรอัล โซเซียดาด (เหย้า) 

มันมีโอกาสเป็นไปได้ไม่น้อยทีเดียวเนื่องจากทีมของ บัลเบร์เด้ มีคิวลงเล่นในถิ่น'คัมป์ นู'ถึง 3 จาก 4 นัดสุดท้ายของฤดูกาล 

บัลเบร์เด้ นำทีมคว้าแชมป์ก่อนจบฤดูกาล 4 เกมเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล ช่วงฤดูกาล 1997-1998 ก่อนที่ทีมของเทรนเนอร์ชาวดัตช์จะพ่าย 3 จาก 4 เกมสุดท้ายและเก็บได้เพียงแต้มเดียวเท่านั้น หลังกด'ดับเบิ้ลแชมป์'ในซีซั่นดังกล่าว 

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทีมยุคนั้นขาดแรงจูงใจในการลงเล่นช่วงที่เหลือของฤดูกาลต่างจากทีมของบัลเบร์เด้ที่ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างเป็นแรงกระตุ้นโดยเฉพาะการเป็นทีมแรกที่ไม่แพ้บนเวทีลีกาตลอดซีซั่น 

การทำสถิติไม่แพ้ตลอดฤดูกาลจะเป็นการส่งท้ายที่ยิ่งใหญ่สำหรับ อันเดรส อีเนียสต้า ซึ่งประกาศอำลาสโมสรเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา 

อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญคือการทำผลงานเฉพาะตัวของ ลิโอเนล เมสซี่ ที่กำลังลุ้นรางวัล'รองเท้าทองคำ'ครั้งที่ 5 ของกองหน้าชาวอาร์เจนไตน์หลังสอยมาแล้วในซีซั่น 2009-2010, 2011-2012, 2012-2013 กับ 2016-2017

จากการทำแฮตทริคเกมล่าสุดทำให้ เมสซี่ แซง โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ดาวยิงทีมชาติอียิปต์ของ ลิเวอร์พูล ขึ้นเป็นผู้นำ 32 ประตูและเหลือโปรแกรมลงเล่นอีก 4 เกม ขณะที่'โม'ซาล่าห์ ซึ่งยิง 31 ประตูเหลือเกมลงสนามอีกเพียง 2 นัดเท่านั้น 



เมสซี่ ยังสามารถต่อยอดไปถึงการทำผลงานในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่รัสเซียและลุ้นรางวัล'บัลลง ดอร์'ในช่วงปลายปีอีกด้วย 

บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ลีกาสมัยที่ 25 ท่ามกลางความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงบนสังเวียน'รีอาซอร์'เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา 

ฝ่ายหนึ่งฉลองความสำเร็จอย่างชื่นมื่น ขณะที่อีกฝ่ายอยู่ท่ามบรรยากาศเศร้าสลดหลังทีมตกชั้นตามหลัง มาลาก้า กับ ลาส ปัลมาส 

'เมื่อคุณไล่ตามมันมานานแล้วคุณจะพูดว่า'ในที่สุด'' บัลเบร์เด้ กล่าวกับโทรทัศน์สเปนหลังเกมบุกคว้าชัยที่รีอาซอร์ 4-2 นำทีมอาซูลกราน่าคว้าแชมป์ลีกเมืองกระทิงครั้งที่ 7 ในช่วง 10 ปีหลัง 

'ผมมีความสุขมากๆเพราะในช่วงท้ายของลีกมันยาวนาน มันเริ่มต้นในเดือนสิงหาคมและเมื่อถึงช่วงฤดูกาลใบไม้ผลิทุกอย่างก็ตัดสิน เราผ่านมาทุกรูปแบบ เราเริ่มทำมาตั้งแต่ต้น เราขึ้นนำและเราจบลงด้วยดี มันเป็นแชมป์ลีกาครั้งแรกของผมด้วย'

แต่เทรนเนอร์ชาวบาสโก้ยอมรับว่ารู้สึกเจ็บปวดเช่นกันเมื่อเห็นบรรยากาศที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างแฟนบอลบาร์ซ่ากับแฟนบอลเดปอร์ติโบ

'การตกชั้นของเดปอร์ทำให้แย่ลง สิ่งดีที่สุดคือการคว้าแชมป์ด้วยการเล่นกับทีมที่เป็นคู่แข่งของคุณหรือกับทีมที่ไม่ต้องเล่นเพื่ออะไร'

'แต่การฉลองแชมป์และฝ่ายตรงข้ามต้องไปเล่นดิวิชั่น 2 นั่นเป็นความเจ็บปวด เราต้องทำในสิ่งที่แตกต่างกัน แต่นั่นคืแนวทางที่มันเป็น'

บัลเบร์เด้ คว้าแชมป์ลีกาครั้งแรกในฐานะเทรนเนอร์ แต่สัจธรรมที่เทรนเนอร์ชาวบาสโก้จะต้องเผชิญหลังจากนี้คือการป้องกันแชมป์จะเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า 

'สิ่งที่ซับซ้อนที่สุดคือการไม่ทำให้เกิดชัยชนะ เราจะต้องเดินหน้าคว้าชัยชนะต่อไป ผลักดันตัวเองให้อยู่ในสถานะที่จะคว้าแชมป์อีกครั้ง'

'บาเลโร่ รีเบร่า (อดีตผู้เล่นแฮนด์บอลของบาร์เซโลน่า) เคยพูดไว้ว่าสิ่งที่ยากไม่ใช่การคว้าแชมป์ แต่เป็นการคว้าแชมป์อีกครั้ง สร้างแรงกระตุ้นอีกครั้ง ผลักดันตัวเองให้กลับไปอยู่ในจุดเริ่มต้นกับความปรารถนาเดิมอีกครั้ง'

'ฟุตบอลลีกเป็นการแข่งขันที่ยาวนาน มันไม่ได้ตัดสินกันในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง แต่มีหลายช่วง เราไล่ล่ามันมาตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนและเมื่อถึงตอนจบมันทำให้คุณคิดได้ว่ามันจบลงซะที'

'ในช่วงเดือนสิงหาคม ไม่มีใครคิดว่าเราจะก้าวมาถึงจุดนี้หลังการพ่ายแพ้ในศึกซูเปร์โกปา (ต่อ เรอัล มาดริด) และในเกมกับ เรอัล เบติส ซึ่งหลายอย่างไมาดีเท่าไหร่ (แมตช์แรกของฤดูกาลที่บาร์ซ่าชนะ 2-0) กุญแจสำคัญอยู่ที่นักเตะมากกว่าเทรนเนอร์'บัลเบร์เด้กล่าว 

เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เป็นเทรนเนอร์คนที่ 6 ซึ่งนำ บาร์เซโลน่า สอย'ดับเบิ้ลแชมป์'นับเฉพาะ แชมป์ลีกา กับ โกปา เดล เรย์ 

ย้อนไปเมื่อ 66 ปีก่อนหน้านี้ เฟร์นานโด เดาซิค เป็นเทรนเนอร์คนแรกของสโมสรที่นำทีมอาซูลกราน่าฟาด'ดับเบิ้ลแชมป์'ในฤดูกาล 1951-1952 ก่อนทำสำเร็จอีกครั้งในซีซั่น 1952-1953 

เอเลนีโอ เอร์เรร่า เป็นเทรนเนอร์คนที่สองของ บาร์เซโลน่า ที่นำต้นสังกัดฟาด'ดับเบิ้ลแชมป์'ในฤดูกาล 1958-1959 ก่อนมาถึงคิว หลุยส์ ฟาน กัล ซึ่งเป็นเทรนเนอร์คนที่ 3 ซึ่งนำทีมยักษ์กาตาลุนย่าสอย'ดับเบิ้ลแชมป์'ในซีซั่น 1997-1998

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นเทรนเนอร์คนที่ 4 ที่นำทีมยักษ์กาตาลันสอย'ดับเบิ้ลแชมป์'สำเร็จในซีซั่น 2008-2009 ต่อด้วย หลุยส์ เอ็นรีเก้ มาร์ตีเนซ ซึ่งทำสำเร็จ 2 ครั้งในฤดูกาล 2014-2015 กับ 2015-2016 จนกระทั่ง บัลเบร์เด้ เป็นเทรนเนอร์คนที่ 6 ที่นำบาร์ซ่าฟาด'ดับเบิ้ลแชมป์'

สำหรับ บัลเบร์เด้ อาจมีรอยด่างพร้อยจากเกมพ่าย โรม่า 0-3 ที่กรุงโรมจนตกรอบ 8 ทีมของศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกจนสร้างความหงุดหงิดให้สาวกบาร์เซโลนิสต้าจำนวนไม่น้อย 

แต่เทรนเนอร์ชาวบาสโก้ช่วยเยียวยาความรู้สึกดังกล่าวด้วยการคว้า'ดับเบิ้ลแชมป์'และมีโอกาสจะนำทีมอาซูลกราน่าจบซีซั่นแบบสมบูรณ์แบบด้วย 

การคว้าแชมป์พร้อมจบฤดูกาลโดยไม่พ่ายแพ้เลยเป็นเป้าหมายต่อไปของ บัลเบร์เด้ และลูกทีม ซึ่ง เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ คาดว่าหวังมันจะเกิดขึ้นได้เช่นกัน 

'เราคว้าแชมป์ลีกอย่างสมบูรณ์แบบด้วยการไม่แพ้จนถึงตอนนี้ ผมหวังว่าเราจะสามารถทำต่อไป'บุสเก็ตส์ กล่าวหลังการคว้าแชมป์ลีกาสมัยที่ 7 ของตนเอง

ตัวแปรสำคัญที่อาจทำให้เป้าหมายต่อไปของ บาร์เซโลน่า บรรลุหรือไม่คือการดวลกับคู่ปรับสำคัญอย่าง เรอัล มาดริด ในวันอาทิตย์นี้ หลังทีมชุดขาวของ ซีเนดีน ซีดาน เคยบุกมาขย้ำทีมอาซูลกราน่าครั้งล่าสุดบนเวที'ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า'นัดแรกในช่วงเดือนสิงหาคมปีก่อนด้วยสกอร์ 3-1 

หากทีมของบัลเบร์เด้ไม่พลาดท่าเพลี่ยงพล้ำคารังต่อทีมของเทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศสในเกมต่อไป ทัพอาซูลกราน่ามีโอกาสจารึกชื่อว่าเป็นทีมไร้พ่ายทีมแรกของลีกเมืองกระทิงไม่น้อยทีเดียว 

จากความสำเร็จครั้งล่าสุดของ บาร์เซโลน่า เป็นการคว้าแชมป์ลีกาสมัยที่ 9 ของ ลิโอเนล เมสซี่ และ อันเดรส อีเนียสต้า มากที่สุดของผู้เล่นบาร์ซ่าชุดนี้ ซึ่งมากกว่า ชาบี เอร์นานเดซ ที่เคยคว้าแชมป์ลีกกับทีมอาซูลกราน่า 8 สมัย 

ตามมาด้วย บุสเก็ตส์ กับ เคราร์ด ปีเก้ คนละ 7 ครั้ง ขณะที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, บิคตอร์ บาลเดส, การ์เลส ปูโยล กับ ดาเนียล อัลเวส ฟาดแชมป์คนละ 6 ครั้ง 

สำหรับผู้เล่นชุดปัจจุบันที่คว้าแชมป์ไล่เรียงกันคือ เซร์จี้ โรเบร์โต้ (5), จอร์ดี้ อัลบา (4), หลุยส์ ซัวเรซ (3), อีวาน ราคิติช (3), มาร์ค อันเดร แทร์ ชเตเก้น (3) กับ โธมัส แฟร์มาเล่น (3) ขณะที่ อเล็กซ์ บีดาล คว้าแชมป์ลีกา 2 ครั้ง

ส่วน ซามูแอล อุมตีตี้, ฟิลิปเป้ กูตินโญ่, เปาลินโญ่, เดนิส ซูอาเรซ, เนลซอน เซเมโด้, อันเดร โกเมส, ยาสเปอร์ ซิลเลสเซ่น, ลูก้าส์ ดีญ, ฟรานซิสโก้ อัลกาเซร์, อุสมาน เดมเบเล่ กับ เยร์รี มีน่า ต่างคว้าแชมป์ลีกครั้งแรก 


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด