เราต้องการแชมป์...
เทรนเนอร์หรือกุนซือส่วนใหญ่จะเตรียมความพร้อมก่อนเล่นเกมสำคัญด้วยการพักผู้เล่นตัวหลักเพื่อให้ฟิตสมบูรณ์โดยเฉพาะกับแมตช์ชิงชนะเลิศ แต่อาจเป็นข้อยกเว้นสำหรับคนชื่อ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่
แอตเลติโก มาดริด มีโปรแกรมลงเล่นนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโรปาลีกกับ โอลิมปิก มาร์กเซย บนสังเวียน'กรูปาม่า สตาเดี้ยม'ของเมืองลียงในวันพุธที่ 16 พฤษภาคมนี้ แต่เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์พักเฉพาะตัวหลักบางคนเท่านั้นทั้งที่เกมเยือน เคตาเฟ่ ไม่มีความจำเป็นใดๆต่อพวกเขา
อาจเป็นเพราะซิเมโอเน่ต้องการความต่อเนื่องก่อนการลงเล่นนัดชิงดำในวันพุธ เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์จึงส่งผู้เล่นตัวหลักลงสนามมากกว่าครึ่งทีม ก่อนทีมตราหมีจะบุกเชือดทีมอาซูลอน 1-0 จากการทำประตูตั้งแต่ช่วงต้นเกมของ โกเก้ และชัยชนะดังกล่าวทำให้ แอตเลติโก มาดริด จบฤดูกาลด้วยอันดับที่เหนือว่าทีมคู่ปรับอย่าง เรอัล มาดริด นั่นคือผลพลอยได้
ซิเมโอเน่ เลือกพักเฉพาะ ซิเม่ เวอร์ซัลโก้, โฮเซ่ มาเรีย คีเมเนซ กับ ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ สามแข้งตัวหลักที่คาดว่าจะกลับมาเป็นตัวจริงในเกมที่'กรูปาม่า สตาเดี้ยม' ขณะที่ บิคตอร์ มาชิน บีโตโล่ ชวดลงเล่นเพราะมีปัญหาที่กล้ามเนื้อต้นขาขวา แต่เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์ยืนยันว่า บีโตโล่ จะพร้อมสำหรับเกมสำคัญที่เมืองลียง
นักเตะตราหมีลงฝึกซ้อมเตรียมความพร้อมก่อนเกมสำคัญกับ มาร์กเซย ในวันพุธนี้ ซึ่งมี 4 ตำแหน่งที่ซิเมโอเน่ยังต้องชั่งใจว่าจะเลือกใครลงสนาม
7 ตำแหน่งที่ลงตัวแล้วคือ ยาน โอบลัค ผู้รักษาประตู, เซนเตอร์ฮาล์ฟ ดีเอโก้ โกดิน, 3 มิดฟิลด์ โกเก้, ซาอูล ญีเกซ กับ กาเบรียล เฟร์นานเดซ กาบี และ คู่กองหน้า อองตวน กรีซมันน์ กับ ดีเอโก้ คอสต้า
อีก 4 ตำแหน่งที่ยังมีข้อสงสัยคือ แบ็กขวา-ซ้าย, เซนเตอร์ฮาล์ฟ และ มิดฟิลด์ โดยเฉพาะตำแหน่งหลังสุดซึ่งมีตัวแปรที่สภาพความพร้อมของ บีโตโล่
ตำแหน่งแบ็กขวาจะเป็นการแย่งกันลงสนามระหว่าง ซิเม่ เวอร์ซัลโก้ กับ ฆวน ฟรานซิสโก้ ตอร์เรส เบเลน ฆวนฟราน ซึ่งรายแรกยังดูมีภาษีดีกว่า
ตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่ โกดิน มีสองตัวเลือกอย่าง โฮเซ่ มาเรีย คีเมเนซ กับ สเตฟาน ซาวิช อาจจะเป็นฝ่ายหลังที่มีโอกาสออกสตาร์ทในวันพุธนี้
ส่วนแบ็กซ้าย ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ กองหลังชาวฝรั่งเศสที่ฟิตสมบูรณ์กว่าจะได้โอกาสก่อน ฟิลีเป้ ลุยส์ กาสมีร์สกี้
สำหรับที่ว่างสุดท้ายในแผงมิดฟิลด์ขึ้นอยู่กับซิเมโอเน่ว่าจะเลือกแท็คติกแบบไหน หากเน้นรับแน่นหนา โธมัส พาร์เตย์ จะได้ออกสตาร์ท แต่ถ้าเน้นรุกฉาบฉวยก็ต้องพึ่งความเร็วของ อังเคล กอร์เรอา มิดฟิลด์ชาวอาร์เจนไตน์ ส่วน บีโตโล่ คงต้องรอโอกาสที่ม้านั่งข้างสนาม
นั่นคือขุมกำลังของทีมตราหมีที่จะลงเล่นแมตช์ชิงชนะเลิศของศึกยูโรปาลีกที่เมืองลียงในวันพุธนี้
ซิเมโอเน่ เคยนำทัพ'โกลโชเนโรส'เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลสโมสรยุโรป 2 ครั้งล่าสุดบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก แต่ลงเอยด้วยการปราชัยต่อ เรอัล มาดริด ทั้งสองหน
ฤดูกาล 2013-14 ที่กรุงลิสบอน ทีมตราหมีของ ซิเมโอเน่ กำลังจะคว้าแชมป์สมัยแรกของสโมสรอยู่แล้ว แต่ถูกทีมชุดขาวกระชากโทรฟี่แชมป์ไปจากอ้อมกอดจากการโขกประตูตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของ เซร์คิโอ รามอส ก่อน เรอัล มาดริด จะดาหน้ายิงอีก 3 ประตูในช่วงต่อเวลาพิเศษคว้าแชมป์ยุโรปไปต่อหน้าต่อตาสาวกโกลโชเนโรส
ส่วนนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกที่เมืองมิลานในซีซั่น 2015-16 มีการปรับแต่งสคริปท์เล็กน้อย ทีมตราหมีเป็นฝ่ายเล่นได้ดีกว่าโดยเฉพาะช่วงครึ่งเวลาหลัง แต่เกมจบลงด้วยการเสมอ 1-1 ก่อนทีมชุดขาวของ ซีเนดีน ซีดาน จะยิงเป้าแม่นกว่าคว้าชัยไปด้วยสกอร์ 5-3 ทีมตราหมีจึงต้องเฝ้ารอแชมป์สมัยแรกต่อไปหลังเข้าชิงฯ 3 ครั้งพ่ายเรียบวุธ
แต่ถ้าเป็นการนำทีมเข้าชิงชนะเลิศรายการยูโรปาลีกของ แอตเลติโก มาดริด ซึ่งเทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์นำทีมตราหมีชิงดำ 2 ครั้ง ไม่เคยพลาด
ซิเมโอเน่ นำทีมตราหมีคว้าแชมป์สมัยแรกในฤดูกาล 2009-10 จากการทำสองประตูของ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน แต่ก็ต้องออกแรงจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษกว่าจะล้มทีมม้ามืดจากอังกฤษอย่าง ฟูแล่ม ของ รอย ฮ็อดจส์สัน ก่อนเทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์จะซิวแชมป์นิ่มๆในซีซั่น 2011-12 หลังการสยบทีมคู่ปรับร่วมชาติ แอธเลติก บิลเบา 3-0 จากการเหมาสองของ ราดาเมล ฟัลเกา ตบตูดอีกหนึ่งประตูจาก ดีเอโก้ รีบาส
ตรงกันข้ามกับ มาร์กเซย ซึ่งเคยทะลุเข้าชิงฯตั้งแต่ยุค ยูฟ่า คัพ 2 ครั้ง ปรากฎว่าทีมโอแอมอกหักทั้งสองหน
ฤดูกาล 1998-99 มาร์กเซย เข้าชิงดำกับ ปาร์ม่า จากอิตาลี ก่อนถูกยำใหญ่ 3-0 จากการทำประตูของ เอร์นาน เกรสโป, เปาโล วาโนลี่ กับ เอ็นรีโก้ เคียซ่า ส่วนการเข้าชิงฯในซีซั่น 2003-04 กับ บาเลนเซีย จบลงด้วยการปราชัยต่อทีมค้างคาวของ ราฟาเอล เบนีเตซ 0-3 จากการทำประตูของ บีเซนเต้ โรดริเกซ กับ มิเกล อังเคล มิสต้า
ความสำเร็จบนเวทียุโรปครั้งแรกและครั้งเดียวของ มาร์กเซย คือการพลิกล็อกโค่น มิลาน 1-0 จากการโหม่งประตูชัยของ บาซิล โบลี่ คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาล 1992-93 หลังเคยทะลุชิงดำในซีซั่น 1990-91 แต่ดวลเป้าพ่าย เร้ด สตาร์ เบลเกรด ของยูโกสลาเวีย 3-5 หลังเสมอกัน 0-0
ทั้งสองทีมเคยดวลกันบนเวทียุโรปก่อนหน้านี้บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่มในฤดูกาล 2008-09 ซึ่ง เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน กดให้ทีมตราหมีนำตั้งแต่นาทีที่ 4 ก่อน มามาดู เนียง หัวหอกเซเนกัลจะตีเสมอให้ทีมโอแอมนาที 16 แต่ ราอูล การ์เซีย เอสกูเดโร่ ทำประตูให้ทีมตราหมีขึ้นนำ 2-1 นาที 22 ก่อนคว้าชัยด้วยสกอร์ดังกล่าว ส่วนเกมเยือน'สต๊าด เวโลโดรม'จบลงด้วยการเสมอ 0-0
แอตเลติโก มาดริด ผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ด้วยการเป็นรองแชมป์กลุ่มตามหลัง ลิเวอร์พูล ส่วน มาร์กเซย หลุดวงโคจรหลังเก็บได้เพียง 4 แต้มจากการลงเล่น 6 เกมมากกว่า พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น เพียงคะแนนเดียวเท่านั้น
'พวกเราต้องการแชมป์ที่เราสู้กันสุดตัวในช่วง 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา เราเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ ดังนั้นเราต้องการทำอย่างนั้น (คว้าแชมป์)เพื่อให้แฟนบอลของเราได้เฉลิมฉลองบ้าง'โกเก้ กล่าวถึงเกมสำคัญในวันพุธนี้กับ'มุนโด้เดปอร์ติโบ'
'เราต้องการแชมป์ครั้งนี้เพราะแฟนบอลเคยเศร้าสุดๆจากการพ่ายแพ้ทั้งสองครั้งที่ผ่านมาและนับจากนั้นพวกเราไม่เคยคว้าแชมป์อะไรอีกเลย'
'เซบีย่าชนะพวกเราในรอบ 8 ทีมของศึกโกปาและในแชมเปี้ยนส์ลีก เราโชคร้ายที่ต้องหลุดวงโคจร แต่เราได้ผ่านเข้าชิงชนะเลิศของยูโรปาลีกและอยู่อันดับ 2 ของตาราง (ลีกา)'
'กับทุกอย่างที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้ เราสามารถภูมิใจในสิ่งที่พวกเราทำได้ มันอาจจะดีกว่า แน่นอน'มิดฟิลด์ทีมชาติสเปนกล่าวถึงการคว้าแชมป์ยูโรปาลีก
อย่างไรก็ตาม โกเก้ ยอมรับว่าอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ในแมตช์ชิงชนะเลิศ ทั้ง แอตเลติโก มาดริด กับ มาร์กเซย ต่างมีโอกาสคว้าแชมป์ไม่ต่างกันขึ้นอยู่ว่าฝ่ายใดจะฉวยโอกาสได้ดีกว่ากันเท่านั้น
'มันเป็นนัดชิงชนะเลิศและทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้นจึงไม่มีฝ่ายใดเหนือกว่าและทุกอย่างมันเป็นไปได้ มันจริงที่เรามีประสบการณ์ในการลงเล่นนัดชิงชนะเลิศ แต่ผมคิดว่ามันมีโอกาส 50% สำหรับทั้งสองทีม เพราะมันยังมีรายละเอียดที่สามารถตัดสินเกมได้เช่นกัน'
แต่ โกเก้ จะนำทัพตราหมีคว้าแชมป์ยูโรปาลีกปลอบขวัญสาวกโกลโชเนโรสที่ช้ำใจจากการเข้าชิงฯฟุตบอลสโมสรยุโรปตลอด 2 ครั้งหลังสุดได้อย่างที่ต้องการหรือไม่ เราคงจะทราบคำตอบในช่วงดึกคืนวันพุธนี้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT