ตีท้ายครัว...
พฤติกรรมที่ไม่ควรลอกเลียนแบบเพราะผิดศีลธรรมและอันตรายถึงชีวิต...
แต่ในวงการลูกหนังไม่มีกฎห้าม'ตีท้ายครัว'ชาวบ้าน โดยเฉพาะกับลีกเมืองกระทิงที่นักเตะหลายคนมีค่าฉีกสัญญากำหนดไว้อย่างชัดเจน
เรอัล มาดริด เคยสร้างวีรกรรมครั้งใหญ่เมื่อปี 2000 หลัง ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานทีมชุดขาวเจิม'กาลาคติกอส'ด้วย หลุยส์ ฟิโก้ ซึ่งฉกตัวมาจากทีมคู่ปรับตัวฉกาจอย่าง บาร์เซโลน่า ด้วยการจ่ายเงิน 62 ล้านยูโรเพื่อฉีกสัญญานักเตะส่งผลให้ ฟิโก้ กลายสภาพจาก'ฮีโร่'เป็นคน'ทรยศ'ทันที
วีรกรรมดังกล่าวอาจเข้าข่าย'ตีท้ายครัว'ได้เช่นกันเนื่องจาก ฟลอเรนติโน่ เปเรซ แอบจีบ ฟิโก้ ลับหลังจนทีมอาซูลกราน่าไม่ระแคะระคายมาก่อนจนกระทั่งถูกทีมชุดขาวฉกกล่องดวงใจไปครอบครอง
นั่นเป็นเหตุการในอดีตที่อาจไม่ชัดเจนเท่าที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ยกตัวอย่างเคส เนย์มาร์ ที่่ตีจาก บาร์เซโลน่า ไปค้าแข้งกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง หลังเปแอสเชขนเงิน 222 ล้านยูโรจ่ายค่าฉีกสัญญาของกองหน้าชาวบราซิเลียน ซึ่งทีมอาซูลกราน่าไม่มีสิทธิ์ขัดขืนหากนักเตะยินยอมพร้อมใจย้ายสังกัด
ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เรอัล มาดริด ยังสร้างความฮือฮาระดับปานกลางด้วยปฏิบัติการ'ตีท้ายครัว'คู่ปรับร่วมเมืองอย่าง แอตเลติโก มาดริด ด้วยการจ่ายเงิน 24 ล้านยูโรฉีกสัญญา เตโอ แอร์กน็องเดซ สอยแบ็กซ้ายดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสของทีมตราหมีมาร่วมทีม
แม้วีรกรรมดังกล่าวอาจจะไม่สร้างความเจ็บปวดให้คู่ทีมร่วมเมือง แต่ถือว่าสร้างความแสบสันประมาณหนึ่งเพราะเป็นการฉกเด็กแห่งอนาคตของทีมตราหมีนั่นเอง
ล่าสุด เรอัล มาดริด อาจงัดปฏิบัติการ'ตีท้ายครัว'มาเล่นงาน แอตเลติโก มาดริด อีกครั้งในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังมีข่าวว่าทีมชุดขาวพร้อมจ่ายเงิน 60 ล้านยูโรเพื่อฉีกสัญญาของ โฮเซ่ มาเรีย คีเมเนซ เพื่อดึงไปสวมเครื่องแบบสีขาวอีกราย
แอตเลติโก มาดริด จ่ายเงินเพียง 9 แสนยูโรดึง คีเมเนซ มาจาก ดานูบีโอ ในช่วงซัมเมอร์ปี 2013 ด้วยวัยเพียง 18 กะรัต ซึ่ง ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ค่อยๆปลุกปั้นนักเตะซึ่งเล่นได้ทั้งแบ็กขวาและเซนเตอร์ฮาล์ฟจนกลายเป็นส่วนสำคัญของทีมชุดใหญ่ ทว่าเด็กหนุ่มจากเมืองโตเลโด้ในอุรุกวัยมีบทบาทน้อยลงในช่วง 2 ปีหลังเนื่องจากเทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์มักจะเลือก สเตฟาน ซาวิช ปราการหลังทีมชาติมอนเตเนโกรออกสตาร์ทก่อนเขาเสมอ โดยมีโอกาสออกสตาร์ทบนเวทีลีกาซีซั่นที่ผ่านมาเพียง 17 นัดเท่านั้น
จากสาเหตุดังกล่าวทำให้ โฮเซ่ มาเรีย คีเมเนซ วัย 23 ปีตกเป็นข่าวพัวพันกับหลายสโมสรที่กำลังต้องการผู้เล่นตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ อายุน้อย แววดีและราคาไม่แพง ซึ่งมีชื่อของกองหลังทีมชาติอุรุกวัยอยู่ในนั้น
คีเมเนซ ยังมีสัญญาจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2020 แต่มูลค่าฉีกสัญญานักเตะค่อนข้างถูกเพียง 60 ล้านยูโรหากพิจารณาถึงฝีเท้าและอายุการใช้งานเทียบกับค่าตัวนักเตะที่ค่อนข้างเฟ้อในปัจจุบัน
เรอัล มาดริด ไม่มีปัญหากับการจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้แนวรับตามความประสงค์ของ ซีเนดีน ซีดาน ที่ต้องการเติมเต็มตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟและแบ็กขวา ซึ่ง คีเมเนซ สามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
แอตเลติโก มาดริด พยายามรักษาขุมกำลังชุดนี้ให้อยู่รวมกันนานสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พวกเขาเร่งขยายสัญญา ฆอร์เค่ เรซูร์เรซิออน, ซาอูล ญีเกซ, อังเคล กอร์เรอา กับ โธมัส พาร์เตย์ ไปก่อนหน้านี้และเพิ่งประสบความสำเร็จในการขยายค่าฉีกสัญญากับ ยาน โอบลัค นายทวารชาวสโลวีเนียน
ทว่ายังมีสัญญาของนักเตะบางคนที่ยังไม่ได้รับการปรับปรุงนอกเหนือจาก อองตวน กรีซมันน์ ซึ่งนักเตะปฏิเสธความต้องการของสโมสรไปแล้วก็ยังเหลือ คีเมเนซ อีกรายจึงกลายเป็นจุดอ่อนที่ทีมคู่ปรับร่วมเมืองพร้อมฉวยโอกาสกระชากกล่องดวงใจของพลพรรค'โกลโชเนโรส'
ก่อนหน้านี้่เคยมีการตั้งคำถามจากสื่อเกี่ยวอนาคตค้าแข้งของ คีเมเนซ ซึ่งกองหลังวัย 23 ปียืนยันว่าไม่เคยคิดถึงเรื่องดังกล่าว
'ผมไม่ได้คิดเกี่ยวกับมัน (ย้ายทีม) จริงๆ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณมองเมื่อคุณคิดเพื่อตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ผมลงเล่นมาตลอดทั้งปีและผมไม่ได้มีเฉพาะความทรงจำที่ไม่ได้เล่นในนัดชิงชนะเลิศ (แชมเปี้ยนส์ลีกที่มิลาน) หลังจากที่เราพ่ายแพ้ในมิลานราว 2-3 วัน ผมเคยคิดถึงการย้ายทีม ผมรู้สึกเจ็บปวดมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น แต่เมื่อผมชั่งน้ำหนักทางเลือกต่างๆและตัดสินใจที่จะอยู่ต่อไป'
แม้กองหลังชาวอุรุกวาโย่จะเจ็บปวดมากเพียงใด แต่เขาไม่เคยปริปากบ่นกับเทรนเนอร์แม้แต่น้อย
'ผมไม่เคยบ่นไม่ว่าผมจะได้ลงเล่นหรือไม่ก็ตาม ถ้าผมไม่ได้ลงสนาม ผมมองว่าโค้ชอาจไม่ไว้วางใจผม มันมีวิธีการเป็นร้อยเป็นพันที่จะหลบหนีจากความเป็นจริงนั้น แต่ความจริงในตอนนี้ก็คือผมลงเล่นในซีซั่นนี้เกือบ 50 นัด เขาแสดงให้เห็นว่าเขาไว้ใจผม งานประจำในแต่ละวันจะเป็นส่วนหนึ่งของงานใหญ่ ผมเชื่อว่าถ้าคุณก้มหน้าก้มตาทำงาน โค้ชจะมองเห็นมันเอง มันเป็นเหตุผลหลักที่จะทำให้คุณลงเล่นมากขึ้น'
ซิเมโอเน่ เยียวยาความเจ็บปวดที่เคยเกิดขึ้นกับ คีเมเนซ เมื่อ 2 ปีก่อนด้วยการส่งกองหลังทีมชาติอุรุกวัยออกสตาร์ทตัวจริงในแมตช์ชิงชนะเลิศยูโรปาลีกกับ มาร์กเซย ก่อนทีมตราหมีจะสยบทีมโอแอมคว้าแชมป์สำเร็จ
หลังการค้าแข้งกับ แอตเลติโก มาดริด 5 ปี คีเมเนซ ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งจากการคว้าแชมป์ลีกา (2013-14), ยูโรปาลีกา (2017-18) และ ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่อล (2014) รวมถึงการอกหักในนัดชิงชนะเลิศของศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกอีก 2 ครั้ง แต่กองหลังวัย 23 ปียังแสดงให้เห็นถึงความหิวกระหายในความสำเร็จ นั่นอาจเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้หลายสโมสรสนใจดึงตัวไปร่วมทีม
'ถ้ามีความสนใจเข้ามาก็เป็นเพราะความกระหายในความสำเร็จของผมและเพราะผมไม่เคยก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้ บางสิ่งบางอย่างอาจเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ในสนาม คุณสามารถจะมีเกมที่ดีหรือแย่ก็ได้ แต่การเล่นด้วยใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าผมเล่นได้ดีกับทีมและปลดปล่อยใจไปในสนาม ถ้าผมลงเล่นไม่จบเกม ผมจะรู้สึกไม่แฮปปี้กับฟอร์มของตัวเองเช่นกัน'
ความเป็นนักเตะใจสู้นอกจากจะเกิดจากตัวคีเมเนซเองแล้ว ส่วนหนึ่งยังอาจได้รับการถ่ายทอดมาจากซิเมโอเน่ด้วยเช่นกัน
แต่คีเมเนซจะกำหนดอนาคตไปในทิศทางใด เขาจะเลือกสลับเสื้อจากสี'แดง-ขาว'มาเป็น'ขาวล้วน'หรือไม่ อีกไม่นานเราคงจะทราบตำตอบจากกองหลังทีมชาติอุรุกวัยผู้นี้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT