ทำไมต้องจ่ายแพงเพื่ออาลิสซอน
นับตั้งแต่ที่เหล่าทีมยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีกต้องตกอยู่ในกำมือของนักลงทุนจากต่างชาติ
เราจะชินตาแค่ว่า เชลซี กลายเป็นสิงห์ตกถังข้าวสารเมื่อย้อนกลับไปในสมัยที โรมัน อบราโมวิช เข้ามาเทกโอเวอร์ทีม
จากนั้นก็มี แมนฯ ซิตี้ ที่ผลักดันตัวเองขึ้นมาจากทีมกลุ่มหนีตกชั้นกลายเป็นแชมป์ลีกสูงสุดในปัจจุบันภายใต้การกุมอำนาจของกลุ่มทุนจากอาบู ดาบี
ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด นั้นไม่ต้องพูดถึง พวกเขาเป็นทีมที่มีชื่อเสียงในเรื่องการจับจ่ายใช้สอยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ขณะที่หงส์แดงของเราน่ะเหรอ ทำได้แค่เพียงมองตาปริบๆ พร้อมกับการเสริมทัพในรูปแบบที่จำกัดจำเขี่ย
โอเค... มันอาจไม่ได้น้อยนิดอะไรมากมายนัก แต่เมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่คู่แข่งตัวตารางด้วยกันใช้แล้วถือว่าห่างไกลเหลือเกิน
ทว่าซัมเมอร์นี้มันเปลี่ยนไปแล้ว!!!
อันที่จริงก็เริ่มมาตั้งแต่ช่วงหน้าหนาวที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ กล่อมบอร์ดบริหารให้ทุบคลังจ่าย 75 ล้านปอนด์คว้าตัว เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ จนกลายเป็นกองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลก
ต่อยอดมาถึงช่วงปิดฤดูกาลก็ลงมือเร็วด้วยการทุ่มเงิน 43 ล้านปอนด์ซิวตัว ฟาบินโญ่ มาจาก โมนาโก
รายของ นาบี เกอิต้า นั้นทำสัญญาล่วงหน้ามาตั้งแต่ซัมเมอร์ก่อนแล้ว และเพิ่งจะย้ายมาร่วมทีมอย่างเป็นทางการในปรีซีซั่นนี้ที่ 53 ล้านปอนด์ มันทำให้ค่าตัวของ เซอร์ดาน ชากิรี่ ในจำนวน 13.5 ล้านปอนด์ นั้นถูกเหมือนได้เปล่า
ล่าสุดเพิ่งเขย่าวงการลูกหนังให้สะเทือนอีกครั้งด้วยการแก้ปัญหาผู้รักษาประตูซื้อ อาลิสซอน เบ็คเกอร์ นายทวารทีมชาติบราซิลมาจาก โรม่า สนนราคา 67 ล้านปอนด์ กลายเป็นมือกาวแพงที่สุดในโลกไปเรียบร้อย
เสียงส่วนใหญ่ค่อนข้างปลื้มกับการทำธุรกิจครั้งนี้ แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่สงสัยว่าทำไม คล็อปป์ ถึงต้องดิ้นรนจ่ายแพงขนาดนั้นกับอีแค่ตำแหน่งผู้รักษาประตู
หลักๆ เลยก็คือ อาลิสซอน นี่แหละคือเป้าหมายหลัก และเป้าหมายเดียวของกุนซือเมืองเบียร์จริงๆ และ คล็อปป์ มองว่าไม่มีนายทวารคนไหนที่จะตอบโจทย์เขาได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว
นอกจากจะมีความเหนียวกาวเรียกพ่อแบบที่นายทวารหลายคนควรต้องมีแล้ว เขายังมีทีเด็ดจากการช่วยให้ทีมทำเกมรุกขึ้นมาจากหลังบ้านด้วย
ไปว่ากันถึงการเซฟก่อน ด้วยสถิติปีที่แล้วมีเพียง โฆเซ่ เรน่า (18) เพียงคนเดียวเท่านั้นที่เก็บคลีนชีตได้มากกว่า อาลิสซอน (17) ในเวทีเซเรีย อา อิตาลี
ขณะที่ค่าเฉลี่ยการเซฟต่อการเสียหนึ่งประตู หรือก็คือเซฟกี่ครั้งถึงจะเสียประตู เขา (3.41) เป็นรองเพียงแค่ ดาบิด เด เคอา (3.46) คนเดียวเท่านั้น แต่เหนือกว่าทั้ง ติโบต์ กูร์กตัวส์ (2.10), เอแดร์ซอน (2.17) และที่สำคัญเลย ลอริส คาริอุส (2.0)
ส่วนเรตการเซฟสำคัญนั้นสูงถึง 80.1% เลยทีเดียว นั่นคือสถิติสูงที่สุดอันดับสองของโลกตามหลังเพียง ยาน โอบลัค (85.8%) คนเดียวเท่านั้น
และอีกจุดอ่อนที่ลิเวอร์พูลโดนโจมตีตลอดก็คือลูกเตะมุม นายทวารบราซิเลี่ยนคนนี้ออกมาคว้าบอลจากลูกเตะมุมสำเร็จถึง 90% เลยทีเดียว
นอกจากนี้ อาลิสซอน ยังเป็นพวกที่เซฟเวอร์วังอลังการเมื่อดูจากสถิติแล้ว โรม่า มีค่าเฉลี่ยโดนส่องประตูถึง 11.1 ครั้งต่อเกมในซีซั่นก่อน ส่วนลิเวอร์พูลนั้นโดนเพียง 7.4 ครั้ง ทว่าทัพหมาป่าเหลือง-แดงกลับเสียน้อยกว่าถึง 10 ลูก
นอกจากรับเด่นแล้ว เรื่องการสร้างเกมรุกหน้าปากประตูก็ไม่เป็นสองรองใครด้วย
การออกบอลเป็นอีกหนึ่งทีเด็ดของอาลิสซอน เขามีสถิติผ่านบอลขึ้นหน้าสำเร็จถึง 77.4% เลยทีเดียว (ผ่านบอลสำเร็จรวม 81%)
ในเวทีพรีเมียร์ลีก เขาเป็นรองเพียง เอแดร์ซอน (80.3%) คนเดียวเท่านั้น โดยเหนือกว่าที่ตามมาอันดับสองอย่าง อูโก้ โยริส (66.9%) แบบไม่เห็นฝุ่น ขณะที่ โอบลัค ที่ใครหลายคนว่าแน่ๆ ยังมีสถิติดังกล่าวแค่ 31% เท่านั้นเอง
นั่นจึงบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า อาลิสซอน นั้นทำไมจึงเป็นคนที่ใช่สำหรับ คล็อปป์ ที่เป็นสายเฮฟวี่เมทัลในเรื่องสไตล์การเล่นอยู่แล้ว
และนี่แหละคือเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไม ซิมง มิโญเลต์ ถึงอยู่นอกสายตา นั่นก็เพราะว่าเขาไม่เก่งในเรื่องของการออกบอลเลย
ในรายของ คาริอุส อาจดูเหนือกว่าในการใช้เท้ากับลูกบอล แต่ความแน่นอนในการเซฟการป้องกันประตูนั้นไม่ไหวจริงๆ ยิ่งปัจจุบันนี้ความมั่นใจไม่เหลือมีแต่ความผิดพลาดให้เห็นมาโดยตลอด
ทั้งหมดนั่นแหละคือเหตุผลหลักๆ ที่ว่าทำไมลิเวอร์พูลถึงต้องทุ่มเงินมหาศาลขนาดนั้นเพื่อ อาลิสซอน เพียงคนเดียว
หรือไม่แบบนั้น คุณจะไว้ใจ คาริอุส ต่อไหมล่ะ...
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT