บ้านที่อบอุ่นของ 'โจเซฟ มาร์ติเนซ'
ตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมาอาจยังมีการถกเถียงกันอยู่ว่าลีกสหรัฐฯ มีความจริงจังมากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการดวลจุดโทษแปลกๆ และชื่อทีมใหม่ๆ
แต่ด้วยการไหลมาเทมาของเหล่าซูเปอร์สตาร์มากกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้ลีกนี้มีความสนใจมากยิ่งขึ้น และแข่งขันกันแบบจริงจังมากกว่าเดิม
การมาถึงของ เดวิด เบ็คแฮม ทำให้หน้าตาของเมเจอร์ลีกเปลี่ยนไป ถึงว่าจะเป็น ดาบิด บีย่า, อันเดรีย ปีร์โล่ หรือกระทั่งล่าสุดอย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ทำให้ลีกนี้น่าติดตามมากกว่าแต่ก่อนที่จะเป็นเพียงเวลาสำหรับนักเตะวัยใกล้ฝั่ง
แอตแลนต้า ยูไนเต็ด เพิ่งก่อตั้ง และกำเนิดขึ้นมาเมื่อ 2 ปีก่อน แต่พวกเขามี โจเซฟ มาร์ติเนซ ที่เป็นหนึ่งในแข้งเก่งกาจมากที่สุดของลีก
ดาวเตะทีมชาติเวเนซุเอลาเดินทางมายังเมเจอร์ลีก หลังจากไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรในลีกยุโรป
ดาวเตะวัย 25 ปีได้ใช้ซีซั่นนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเขาเองมีดีอย่างไรบ้าง และนั่นมันมากกว่าที่เราเคยได้เห็นในฟอร์มการเล่นของเขาก่อนหน้านี้อย่างล้มหลาม
สถิติของเขาก็คือยิงได้ถึง 35 ประตูให้กับ แอตแลนต้า จาก 31 เกมที่ลงเล่นในฤดูกาลปกติ ก่อนจะซัดอีก 4 ลูกในรอบเพลย์ออฟ
แม้ทุกสายตาจะเฝ้าจับจ้องไปที่ เวย์น รูนี่ย์ ของ ดีซี ยูไนเต็ด หรือ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช จาก แอลเอ แกแล็คซี่ ทว่ากับ มาร์ติเนซ นั้นแตกต่างออกไปเนื่องจากเขาไม่ได้มาเตะบอลเพื่อความสนุก หรือสร้างสีสันเหมือนกับเหล่าสตาร์ที่มากอบโกยในช่วงท้ายเส้นทางอาชีพ
เขาทำไป 3 แฮตทริก ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงเกมที่พบ ดีซี ของ รูนี่ย์ ด้วย
แต่หากลองย้อนกลับไปเราแทบจะไม่เห็นภาพเลยว่าเขาจะทะลุมาอยู่ในจุดที่สูงขนาดนี้
หลังจากเริ่มต้นผจญภัยกับ การากัส มาร์ติเนซก็ตบเท้าเข้าสู่ภาคพื้นยุโรปในปี 2012 แต่แทนที่จะเป็น 5 ลีกใหญ่ เขากลับย้ายไปเล่นให้ ยัง บอยส์ ในลีกสวิตเซอร์แลนด์
เขาใช้เวลา 2 ปีในลีกแดนนาฬิกา โดยยิงได้เพียง 4 ประตูจาก 37 นัดที่ลงเล่นในลีก แต่ก็ยังอุตส่าห์มีชื่อติดทีมชาติ
ในขวบปีที่ 2 เขาถูกปล่อยไปให้กับ ธูน ด้วยสัญญายืมตัว และที่นี่เองที่เขาเริ่มฉายพรสวรรค์ออกมา เมื่อยิงได้ 8 ประตูจากการเล่นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 18 นัดในลีกสูงสุดเมืองสวิส
กราฟชีวิตของ มาร์ติเนซ เหมือนจะกำลังพุ่งสูงหลังได้ย้ายไปยัง โตริโน่ และนี่คือครั้งแรกในการเล่น 5 ลีกใหญ่ในยุโรปของเขา
แต่ทุกอย่างไม่เหมือนดังฝัน
มาร์ติเนซ ยิงได้เพียงแค่ 3 ประตูในลีกฤดูกาลแรกของเขา และเมื่อ อันเดรีย เบล็อตติ ก้าวเข้ามาสู่ทีม มันยิ่งทำให้ตัวตนของเขาหายเข้าไปในกลีบเมฆ
อีก 2 ซีซั่นถัดมา เขาก็ลงเล่นรวมไป 31 นัดในเซเรีย อา และก็ยิงได้ 3 และ 1 ประตูตามลำดับ
เมื่อหันมามองสถิติของ เบล็อตติ แล้วเรียกได้ว่าฟ้ากับเหวอย่างชัดเจน ช่วงเวลาเดียวกันหัวหอกทีมชาติอิตาลีซัลโวให้ทัพกระทิงหินไปรวม 38 ประตูในลีก
มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง
มาร์ติเนซ ตัดสินใจหันหลังในวงการฟุตบอลยุโรป และมุ่งหน้าไปฟื้นฟูเส้นทางอาชีพที่เมเจอร์ลีกแทน
ลีกสวิส กับเซเรีย อา อาจเป็นก้าวกระโดดที่เร็วเกินไปสำหรับปิรามิดของโลกฟุตบอล แต่กับเมเจอร์ลีกนั้นได้เสนอเส้นทางที่ มาร์ติเนซ จะแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง
และเขาก็คว้าโอกาสนั้นไว้ได้ตั้งแต่เริ่ม
เพียงแค่สัปดาห์ที่สองกับสโมสร เขาก็ทำแฮตทริกแรกในอาชีพค้าแข้ง และก็เป็นแฮตทริกแรกในประวัติศาสตร์สโมสรของทีม แอตแลนต้า ยูไนเต็ด ด้วยในเกมถล่ม มินนิโซต้า 6-1
ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน แอตแลนต้า ได้ใช้อ็อปชั่นซื้อขาดเขาทันที และเขาก็มีชื่อเป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของเมเจอร์ลีกด้วยผลงาน 5 ประตู จาก 3 เกม
หัวหอกเวเนซุเอลาจบฤดูกาลที่แล้วด้วยการยิงไป 19 ประตู และมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมประจำปีของเอ็มแอลเอส และหากคุณคิดว่ามันอาจเป็นความประทับใจเพียงปีเดียวแล้วล่ะก็ นั่นคือความคิดที่ผิด
การพังประตูของเขาทำให้เขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ประจำศึกเมเจอร์ลีกไปแล้ว
กับซีซั่นนี้ที่เพิ่งจบลงไป มาร์ติเนซ ท็อปฟอร์มสุดขีดด้วยการซัดไปทั้งสิ้น 31 ประตู
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เขาจะกลายเป็นแข้งคนแรกที่มีชื่อเป็น 'เอ็มวีพี' ทั้งในส่วนของซีซั่นปกติ และช่วงเพลย์ออฟ แถมยังพาสโมสรเฉลิงแชมป์เอ็มแอลเอส คัพ แชมเปี้ยนชิพ ภายในปีที่สองอีกด้วย
หลังฐานในการมีชื่อเสียงของ มาร์ติเนซ ก็คือการที่เสื้อของเขาขายดีที่สุดอันดับสามเป็นรองเพียงแค่ การ์ลอส เวล่า และ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เท่านั้นเอง
ตอนนี้ ผู้คนต่างพากันพูดถึงชื่อของ มาร์ติเนซ อีกครั้ง
เขาก็คล้ายๆ กับ เซบาสเตียน โจวินโก้ ที่เดินทางมาสหรัฐฯ ด้วยวัยเพียง 28 ปีเท่านั้น และ มาร์ติเนซ ก็ได้ใช้เวทีเมเจอร์ลีกเป็นโอกาสในการฟื้นฟูอาชีพของเขา
ปกติแล้ว เราอาจเห็นว่าการทำผลงานได้ดีในลีกระดับนี้อาจเป็นสปริงส่งให้เขาได้กลับมาโชว์ตัวในวงการลูกหนังยุโรปอีกครั้ง แต่ปัจจุบันเอ็มแอลเอสก็มีพลัง และอำนาจในตัวเองที่สูงขึ้น
ดูอย่าง โจวินโก้ เขาไม่เคยกลับไปเล่นในลีกยุโรปอีกเลย และหัวหอกเจ้าของส่วนสูง 5 ฟุต 4 นิ้วก็ยังคงเป็นตัวชูโรงของ โตรอนโต้ อยู่เหมือนเดิม
ดังนั้น มาร์ติเนซ ก็อาจอยู่กับทีมที่ดีที่สุดของเขาแล้ว และยุโรปก็อาจไม่ใช่สิ่งที่เขาถวิลหาเหมือนแต่ก่อน
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT