ใครว่า 'ฟีร์มีโน่' ฟอร์มตก
นั่นทำให้หงส์แดงเก็บไปแล้วถึง 54 แต้ม จาก 20 นัดแรกในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
เมื่อนับตั้งแต่ใช้ระบบแบบชนะได้ 3 คะแนน มีเพียง เชลซี (55 ในปี 2005-06) และ แมนฯ ซิตี้ (58 ในปี 2017-18) ที่ทำได้ดีกว่าพวกเขาในประวัติศาสตร์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี
ไม่เพียงแค่นั้น ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังเดินหน้าทำอีกสถิติด้วยการไม่แพ้ที่แอนฟิลด์ในพรีเมียร์ลีกมา 31 นัดแล้ว ซึ่งสูงที่สุดเทียบเท่ากับสถิติไร้พ่ายเกมเหย้ายาวนานติดต่อกันที่เคยทำไว้ 31 เกมในช่วงธันวาคม 2007 ถึงสิงหาคม 2009
ถึงตรงนี้เส้นทางลุ้นแชมป์ของหงส์แดงต้องบอกว่าสวยหรูเหลือเกิน
แต่!!!
เดอะ ค็อปทั้งหลายก็อย่าเพิ่งกระโตกกระตากไป เพราะมันยังไม่ได้การันตีความสำเร็จว่า "แชมป์" แน่ มันเป็นเพียงโอกาสที่มากกว่าคนอื่นในเวลานี้เท่านั้น
เอาเป็นว่าหากถึงเดือนเมษายนแล้วยังอยู่ในสถาการณ์เดียวกันนี้อยู่ค่อยเริ่มเปิดไวน์ฉลองก็แล้วกัน
คนที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญที่สุดในเกมไล่ยำปืนใหญ่เละเทะจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ฟีร์มีโน่
นั่นก็เพราะ 3 ประตูที่บรรจงยิงใส่ อาร์เซน่อล ไม่ใช่ว่าใครคนใดคนหนึ่งจะทำกันได้ง่ายๆ ซะที่ไหน และนั่นก็ทำให้เขาก็กลายเป็นนักเตะบราซิเลี่ยนคนที่ 3 ที่ยิงแฮตทริกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกได้
นอกจากนี้แล้ว ฟีร์มีโน่ ยังมีส่วนร่วมถึง 11 ประตูจาก 8 นัดในพรีเมียร์ลีกที่พบเดอะ กันเนอร์ส ซึ่งมากกว่าคู่แข่งทุกทีมที่เขาเคยเผชิญหน้าด้วย
เรียกได้ว่าปืนใหญ่นี่แหละคือคู่แข่งที่ถูกโฉลกสำหรับ ฟีร์มีโน่ ไปแล้ว
แต่ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เสียงวิจารณ์ต่างๆ นาๆ พากันถาโถมเข้าใส่กองหน้าทีมชาติบราซิลแบบไม่หยุดหย่อน
ว่ากันว่า ฟีร์มีโน่ เล่นในซีซั่นนี้ได้ตกลงไปเยอะ และมันก็ทำให้กระแสส่วนใหญ่เรียกร้องให้ดร็อป หรือพักเขาออกจากทีมตัวจริงซะบ้างก็ดี
หากนับจากตัวเลข ปีนี้หากตัดแฮตทริกเกมล่าสุดไป โดยนับจาก 19 นัดก่อนหน้า ฟีร์มีโน่ ยิงได้เพียง 4 ประตูเท่านั้นในพรีเมียร์ลีก เทียบกับ 19 เกมซีซั่นที่แล้วยิงได้ถึง 7 ลูก
เท่ากับว่า ฟีร์มีโน่ เองก็ผลงานดร็อปลงไปจริงๆ แหละ
แต่หากเราตัดเรื่องของตัวเลขออกไปมาดูถึงวิธีการเล่น และการวางหมากของกุนซือเมืองเบียร์แล้ว เราก็จะรู้ถึงสาเหตุดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
ซีซั่นก่อน ลิเวอร์พูล แทบไม่มีการเปลี่ยนระบบแบบแผนการเล่นเลย 4-3-3 ยังไง ก็ 4-3-3 อยู่แบบนั้น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปักหลักทางกราบขวา ซาดิโอ มาเน่ ก็ลากเลื้อยทางซ้าย ส่วน ฟีร์มีโน่ ก็เป็นฟอลส์ไนน์รับบทหัวหอกตัวเป้า
แต่นั่นไม่ใช่กับฤดูกาลนี้ ปีนี้ คล็อปป์ มีการยืดหยุ่นในแผนการเล่นค่อนข้างเยอะ 4-3-3 ไม่ได้เป็นหลักอีกต่อไปแล้ว เขาจะวางหมากตามแต่คู่แข่งที่เจอ รวมถึงนักเตะที่ส่งลงสนาม ฉะนั้นแผน 4-2-3-1 หรือ 4-4-2 ต่างถูกงัดมาใช้ในหลายครั้ง
และตำแหน่งการยืนของ ฟีร์มีโน่ เองก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
ฟีร์มีโน่ ต้องถอยตัวเองมาเล่นในตำแหน่งเบอร์ 10 อย่างเต็มตัว แม้หลังเสื้อจะสวมเบอร์ 9 ก็ตาม ซึ่งคนที่ถูกดันสูงไปเป็นหัวหอกตัวเป้าก็คือ ซาลาห์ นั่นเอง
แล้วตัวของ ฟีร์มีโน่ ก็แทบจะไม่ได้ยืนปักหลักในแเดนของคู่แข่ง เขามักจะพาตัวเองลงมาล้วงต่ำในแดนตัวเองเพื่อสร้างสรรค์โอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมเสียมากกว่า
ดูอย่างประตูตีเสมอใส่ อาร์เซน่อล ฟีร์มีโน่ ล้วงบอลต่ำตรงกลางสนามก่อนจะจ่ายให้ ซาลาห์ และโชคดีที่บอลกระดอนเป็นใจจนมาเข้าทางเขายิงง่ายๆ เข้าไป
ส่วนลูกที่สองของเขานี่ชัดเจนมาก มาเน่ ตัดบอลได้จากความผิดพลาดของ ลูกัส ตอร์เรยร่า กลางสนามก่อนลูกจะไปถึง ฟีร์มีโน่ เลี้ยงแหวกแนวรับสองคนเข้าไปยิงตุงตาข่าย
สังเกตุได้ว่ากว่า ฟีร์มีโน่ จะยิงได้แต่ละครั้งเขาต้องแทบพาตัวเองสปีดจากตรงกลางสนามเพื่อให้ไปถึงหน้าปากประตู เขาไม่ได้ยืนปักหลักอยู่ในเขตโทษ แดนบน หรือหน้าปากประตูเหมือนแนวรุก หรือกองหน้าคนอื่นๆ หรือกระทั่งเหมือนฤดูกาลที่แล้ว
นั่นจึงไม่แปลกที่จำนวนสกอร์ หรือแอสซิสต์จากเขาจะน้อยลงไปในปีนี้
สิ่งที่ได้ทดแทนกลับมาคืออะไร
???
มันก็คือสมดุลย์ในการเล่นเกมรุกที่เขาจะเป็นตัวที่ไม่ให้แผงหน้าสุดกับแดนกลาง หรือกองหลังขาดตอนการลำเลียงบอลมากเกินไป
และพูดถึงเรื่องเกมรับ การมี ฟีร์มีโน่ อยู่กลางสนาม หรือแดนตัวเองถือเป็นการชะลอบอลจากฝ่ายตรงข้ามก่อนที่จะเข้าสู่ระยะอันตรายด้วย
ฟีร์มีโน่ เป็นตัวรุกที่มักจะตัดบอลได้ดีอยู่แล้ว พูดง่ายๆ ก็คือแย่งบอลเก่ง ต่างจากทั้ง ซาลาห์ และ มาเน่
การเล่นตำแหน่งนี้ทำให้เขามีส่วนร่วมในเกมค่อนข้างสูงในแต่ละนัด
ยกตัวอย่างในเกมที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-1 เมื่อช่วงกลางเดือน ตัวรุกทีมชาติบราซิลไม่ได้มีทั้งประตู หรือแอสซิสต์ด้วยซ้ำ แต่กลับเป็นคนที่เด่นแทบจะอันดับต้นๆ ของเกมนั้น เมื่อเขามีสถิติสัมผัสบอลถึง 101 ครั้ง โดยมี จอร์จินโย่ ไวนัลดุม คนเดียวเท่านั้นที่โดนบอลมากกว่าเขาที่ 105 ครั้งในเกมเดียวกัน
นี่แหละคือความโดดเด่นของ ฟีร์มีโน่ ที่ไม่ค่อยมีใครเห็น
ทีนี้ยังจะมีใครบอกอีกไหมว่า ฟีร์มีโน่ ฟอร์มตกจนน่าดร็อป
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT