เมื่อศาสตร์ใหม่ของ 'เป๊ป' เกิดขึ้น
???
อะไรก็เกิดขึ้นได้เมื่อคุณอยู่ภายใต้การคุมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
กุนซือชาวสแปนิชอาจตื่นมากินอาหารเช้าตามปกติ จากนั้นก็ตามด้วยมื้อเที่ยง และดินเนอร์ตามลำดับ เมื่อนั้นเขาอาจจะใช้เวลาดื่มชา บางทีก็ต่อด้วยเคลล็อกส์
แต่ทั้งหมดไม่ได้เป็นอย่างที่ใครหลายคนคิดในโลกของ เป๊ป
หากคุณลองเข้าห้องน้ำในบ้านของเขา บางทีคุณอาจไปโผล่ในห้องใต้หลังคาก็เป็นได้ ขณะที่เวลาคุณกำลังวิทยานิพนธ์ในการเรียนเรื่องฟุตบอล มันก็อาจจะเกิดขึ้นในคอร์ทแบดมินตันแทน
อะไรๆ ก็ดูผิดเพี้ยนไปหมดในเรื่องของ เป๊ป
กวาร์ดิโอล่า เป็นคนที่ผลักดันให้ ลีโอเนล เมสซี่ ขึ้นไปเล่นกองหน้า และกลายเป็นยอดหัวหอกชื่อก้องโลกมาถึงทุกวันนี้
เป๊ป ได้ร้องขอให้ฟูลแบ็กของเขาไม่ต้องไปสนใจแค่พื้นที่ด้านข้างที่ตัวเองต้องรับผิดชอบ และก้าวเข้าเท้าเข้าไปยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางในบางครั้ง หรือเขาก็บอกให้ผู้รักษาประตูของเขาทำได้ดีกว่าเพลย์เมกเกอร์ของฝ่ายตรงข้ามเสียอีก
หากคุณเรียนวิทยาศาสตร์ และชำแหละกบในชั้นเรียกชีววิทยา บางคนอาจเป็นลมไปแล้ว แต่สำหรับการแลกเป็นคลาสเรียนที่เอติฮัด สเตเดี้ยม อูไน เอเมรี่ และลูกทีมคือการทดลองล่าสุดของ กวาร์ดิโอล่า
หลายคนคุ้นชินมานานมากแล้วกับการที่หลายทีมใช้ระบบ 'ฟอลส์ไนน์'
ทีมชาติสเปนเคยใช้ เชส ฟาเบรกาส ไปยืนตรงนั้นมาแล้วจนคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 หรือจะในซีซั่นนี้ ริชาร์ลิซอน ก็โดนใช้งานหลังทั้ง เซงค์ โตซุน และ โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน ไม่น่าประทับใจ หรือ เชลซี ที่ดัน เอแด็น อาซาร์ ไปในตอนที่ยังไม่มี กอนซาโล่ อีกวาอิน
แต่คุณเคยได้ยิน หรือเห็น 'ฟอลส์เซนเตอร์แบ็ก' ไหมล่ะ
???
มันเคยมีมาแล้วเมื่อสมัยก่อนตอนที่ โลธาร์ มัทเธอุส เล่นให้กับทีมชาติเยอรมัน แต่กับทุกวันนี้เราแทบไม่เห็นมันมานานมากแล้ว
กระทั่ง กวาร์ดิโอล่า ได้เปิดเผยผลงานทดลองชิ้นล่าสุดของเขานั่นก็คือ 'ฟอลส์เซนเตอร์แบ็ก' ต่อหน้ากองเชียร์ถึง 54,483 คนที่เอติฮัด เมื่อ แมนฯ ซิตี้ พบกับ อาร์เซน่อล
โชคดีสำหรับทุกคนเมื่้อกบในห้องทดลองที่ตายไปแล้วถูกแทนทึ่ด้วย แฟร์นันดินโญ่
ในการทำเช่นนั้นหมายความว่า เป๊ป ได้ยืนยันถึงทฤษฎี และความเชื่อของเขาว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องอีกครั้ง
มันไม่ใช่กรณีที่โยนเซนเตอร์ฮาสล์ฟของคุณขยับขึ้นไปยืนข้างหน้าในช่วง 5 นาทีสุดท้าย หรือใช้เทคนิคของเหล่ากองหลังในการเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ในบางช่วงบางเวลา
แต่การเปลี่ยนตำแหน่งครั้งนี้ของ เป๊ป เหมือนเขาได้สร้างตำแหน่งใหม่ให้กับ แฟร์นันดินโญ่ เมื่อดาวเตะทีมชาติบราซิลถูกวางให้จับคู่กับ นิโกลัส โอตาเมนดี้ มี่แผงแบ็กโฟร์ของไลน์อัพแรกที่พบกับเดอะ กันเนอร์ส
ทำไม เป๊ป ถึงทำแบบนั้นล่ะ...ทั้งที่ จอห์น สโตนส์ ซึ่งเป็นเซนเตอร์แบ็กอาชีพก็นั่งเป็นตัวสำรองอยู่ข้างสนามด้วยความฟิตที่สมบูรณ์เต็มถัง
แต่นี่คือผลจากการตัดแต่งพันธุกรรมที่ได้รับกลับมา
ทันทีที่ทีมเรือใบครอบครองบอล ดาวเตะวัย 33 ปีก็จะย้ายบั้นท้ายเข้ามาอยู่ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง ซึ่งเหมือนเป็นการอนุญาตให้ทั้ง เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน และ ดาบิด ซิลบา ขยับดันขึ้นไปเล่นเกมรุก
จาก 69 ครั้งที่ แฟร์นันดินโญ่ ได้สัมผัสบอล มีเพียง 4 ครั้งเท่านั้นที่เกิดขึ้นในกรอบเขตโทษของ แมนฯ ซิตี้ นอกนั้นเขาแทบจะเล่นตรงบริเวณกลางสนามทั้งหมด
ในทำนองเดียวกันก็มีเพียงแค่ 2 จาก 57 ครั้งจากการผ่านบอลของ แฟร์นันดินโญ่ ที่เขาเล่นในแดนของตัวเอง
การครอบครองบอลของทีมเรือใบหมายความว่า อาร์เซน่อล แทบไม่สามารถใช้ช่องว่างโจมตีแนวรับ แมนฯ ซิตี้ ได้เลย แม้ว่า อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ และ ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมย็อง จะเล่นด้วยกันในแนวรุกก็ตามที
และการเล่นระบบกองหลังตัวหลอกนำมาซึ่งฟอร์มของเกมรุกที่ดีที่สุดเมื่อคุณเล่นภายใต้การคุมทีมของ เป๊ป
ในเมื่อชอบที่จะเล่นแบบ 'ฟอลส์เซนเตอร์แบ็ก' แล้วมันเลยทำให้ใครหลายคนสงสัยว่าทำไมทีมของ เป๊ป จึงไม่ออกไปต่อสู้กับ บาร์เซโลน่า เพื่อแย่งลายเซ็นของ เฟรงกี้ เดอ ย็อง มา
เดอ ย็อง ในวัย 21 ปีอาจแจ้งเกิดด้วยตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางก็จริง แต่ก็มีหลายครั้งในฤดูกาลนี้ที่เขาถูกจับไปยืนเป็นสวีปเปอร์ ซึ่งดาวเตะดัตช์ก็เล่นได้แบบไม่ขัดเขินเลย เขาช่วยในเรื่องของการครองบอล และก็สามารถพาบอลขึ้นหน้าเพื่อสร้างจังหวะของเกมรุกให้กับทีมได้
ตอนนี้ภารกิจยากที่สุดของ กวาร์ดิโอล่า ในช่วงเวลาของการคุม ซิตี้ ก็คือความพยายามในการหาตัวแทน แฟร์นันดินโญ่ ที่เริ่มโรยราลงไปทุกๆ วัน
หากประวัติศาสตร์เป็นอะไรที่ต้องปล่อยผ่าน เป๊ป อาจลองเปลี่ยน เอเลียควิม ม็องกาล่า กองหลังที่ค่อนข้างรั่วแต่ขึ้นบอลได้ดีไปเป็น 'ฟอลส์เซนเตอร์แบ็ก' ชั้นยอดของยุโรปในซีซั่นหน้า
แต่ปัญหาก็คือ เป๊ป จะมีความอดทนได้มากถึงขนาดนั้นรึเปล่าน่ะสิ...
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT