มิลเนอร์หรือเฮนโด้
รูปเกมไม่มีอะไรให้น่าพูดถึงสักเท่าไหร่ ยกเว้นฟอร์มการเล่นอันจัดจ้านของเหล่าแนวรุก และสกอร์ที่กลายเป็นสถิติทีมจากอังกฤษที่ชนะนอกบ้านมากที่สุดในยูโรเปี้ยน คัพ
แต่อีกหนึ่งจุดสำคัญที่ทำให้หงส์แดงติดเครื่องขนาดนี้นั่นก็มาจากความผิดพลาดแบบเข้าตากรรมการหลายครั้งของฝั่งเจ้าถิ่นด้วย แถมแนวรับก็ยืนกันมั่วไปหมดจนลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เจาะเข้าทำได้อย่างสบายใจ
นัดนี้มีการปรับเปลี่ยนทีม โดย ลอริส คาริอุส ได้โอกาสเฝ้าเสาอีกครั้ง และคราวนี้เขาก็ไม่ได้ก่อความผิดพลาดอะไรให้เห็นเหมือน 2 เกมแรก
จะไปเห็นยังไงได้ เพราะทั้ง 90 นาที ทีมจากสโลวีเนียมีโอกาสยิงตรงกรอบแค่หนเดียวเองมั้ง แถมยังเป็นลูกยิงที่เบาปุยนุ่นด้วย ถ้ายังพลาดอีกก็ไปเอาหัวมุดโถชักโครกเถอะพ่อ
เกมรับเปลี่ยนหนึ่งที่จาก โจ โกเมซ มาเป็น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ซึ่งไอ้หนูวัย 19 ปีก็มีประตูมาฝากอีกแล้วด้วย ถือว่าอนาคตไกลจริงๆ
ตรงกลางปรับ เจมส์ มิลเนอร์ ลงแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ขณะที่เกมรุกยังใช้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ เหมือนเดิม
มันมาหยุดสะดุดตาเอาตรง มิลเนอร์ นี่แหละ
วันนั้นท่านรองอาจลงแทนกัปตันทีมตัวจริง แต่ในตำแหน่งของ เฮนโด้ นั้นเป็น เอ็มเร่ ชาน ที่ขยับมายืนต่ำตรงนั้น
พร้อมปล่อยอิสระให้ มิลเนอร์ และ จอร์จินโย่ ไวนัลดุม ได้ทำเกมรุก
มันเวิร์คแฮะ!
การขับเคลื่อนเกมของ มิลเนอร์ ดูมีพลัง และก็มีหนึ่งแอสซิสต์จากลูกเปิดอันยอดเยี่ยมให้ คูตินโญ่ วอลเลย์อย่างสวยงามด้วย
ส่วนผลงานอื่นๆ ก็ค่อนข้างน่าประทับใจเลย ไม่ว่าจะเป็นลูกยิงด้วยซ้ายหน้าเขตโทษ แต่ก็โดน ยัสมิน ฮันดาโนวิช มือกาว มาริบอร์ ป้องกันได้
สังเกตุว่าการเล่นของ มิลเนอร์ ดูเป็นธรรมชาติ และมีบทบาทกับทีมอย่างจับต้องได้
การยืนมิดฟิลด์ของเขาดูจะนำสมดุลย์มาสู่ทีม แม้โดยหน้าที่แล้วจะถูกวางให้ขึ้นเกมทางด้านขวาเป็นหลัก แต่จากฮีทแมพที่ออกมา เจ้าตัวอยู่ไปทั่วทุกแห่งในพื้นที่แดนบนของสนาม
มิดฟิลด์ซึ่งอำลาทีมชาติอังกฤษไปเรียบร้อยเป็นคนที่สัมผัสบอลในกรอบเขตโทษของคู่ต่อสู้มากกว่าคนอื่นในทีม (120 ครั้ง) ทั้งที่เล่นเป็นตัวดีพเปอร์
มันอาจเพราะฤดูกาลก่อนเขาถูกจับไปเล่นเป็นแบ็กซ้าย เลยกลายเป็นว่าเขาดูจะคุ้นชินกับการทำเกมรุกด้านข้าง และดูอันตรายที่สุดในทีมหงส์แดงเมื่อคืนนั้น
เขาสามารถเปิดบอลจากด้านข้างได้ถึง 7 หน และจากในนั้นมันตรงเป้าหมาย 4 ครั้งด้วยกัน มีเพียง คูตินโญ่ (6) คนเดียวเท่านั้นที่สร้างสรรค์โอกาสให้ทีมได้มากกว่า มิลเนอร์ (3)
ขณะเดียวกัน การจ่ายบอลก็เป็นอีกจุดที่ มิลเนอร์ ทำได้ดีมากเลย โดยมีเพียงแค่คู่เซนเตอร์แบ็กอย่าง เดยัน ลอฟเรน (110) และ โฌแอล มาติป (104) ที่ผ่านบอลสำเร็จมากกว่าท่านรอง (95) โดยค่าเฉลี่ยการผ่านบอลสำเร็จของ มิลเนอร์ สูงถึง 93.7% เป็นรองเพียง มาติป (96.2%) คนเดียวเท่านั้น
ในส่วนของการเข้าปะทะ ทั้งทีมก็มีเพียง อัลเบร์โต้ โมเรโน่ (5) ที่ทำได้ดีกว่าเขา (3)
ฉะนั้น ต้องบอกเลยว่า ฟอร์มของ มิลเนอร์ ในนัดถล่ม มาริบอร์ นั้นโดดเด่นเกินใครของจริง
ทีนี้มันเลยกลายเป็นคำถามตามมาว่า มิลเนอร์ หรือ เฮนเดอร์สัน ดี
???
แน่นอน เฮนโด้ ในฐานะกัปตันทีมน่าจะเป็นตัวเลือกแรกๆ อยู่แล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่ากองกลางหมายเลข 14 ต้องดิ้นรนสุดขีดเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการเล่นของหงส์แดงชุดนี้
และก็มีหลายนัดที่ฟอร์มของเขาค่อนข้างน่าผิดหวัง
การปรับ ชาน ไปยืนตำแหน่งหมายเลข 6 ที่เป็นของ เฮนเดอร์สัน พร้อมให้ มิลเนอร์ ขึ้นเกมรุกทั้งตรงกลาง และด้านข้างดูจะเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างดีเลย
ทั้งที่ในซีซั่นนี้ กองกลางจอมถึกได้โอกาสลงสนามเพียง 332 นาที แต่เขาก็สร้างสรรค์โอกาสให้ทีมไปแล้วรวม 7 ครั้ง แม้เทียบแล้ว เฮนเดอร์สัน จะยังเยอะกว่าที่ 11 ครั้ง แต่ก็ลงเล่นไปถึง 810 นาที นั่นทำให้ค่าเฉลี่ยของ มิลเนอร์ ดูดีกว่าอย่างชัดเจนที่ 2.6 ต่อ 1.9
อาจมีข้อเสียเปรียบเพียงอย่างเดียวเมื่อเทียบกับ เฮนเดอร์สัน นั่นก็คืออายุ เพราะปัจจุบัน ท่านรองก็ฟาดไปถึง 31 ปีแล้ว
แต่ชั่วโมงนี้ต้องบอกเลยว่าผลงานของ มิลเนอร์ นั้นเข้าตากว่า เฮนเดอร์สัน เยอะ
หลายคนถาม ทำไมไม่เอาลงพร้อมกัน
???
มันก็คงเป็นเพราะโควต้าที่มีอยู่อย่างจำกัด
ยิ่งถ้าเหล่านักเตะบาดเจ็บกลับมากันพร้อมหน้า โอกาสที่ทั้ง มิลเนอร์ กับ เฮนเดอร์สัน จะลงเล่นร่วมกันแทบเป็นไปไม่ได้เลย
อดัม ลัลลาน่า ก็จะคัมแบ็กในช่วงปลายปี แล้วถ้า ซาดิโอ มาเน่ หายเจ็บ คูตินโญ่ ก็ต้องถอยกลับมาเล่นตรงกลางอีก
นั่นจึงทำให้ มิลเนอร์ จะถูกนำไปเปรียบเทียบกับ เฮนเดอร์สัน แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ไม่ว่าสถิติของใครจะดีมากน้อยแค่ไหน
ใครน่าลงแทนใครมากกว่ากัน
คล็อปป์ เท่านั้นที่ตัดสิน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT