เรียกเขาว่ามิสเตอร์เรือใบ
ดาวเตะทีมชาติเบลเยียมถูกดูดเข้ามาค้าแข้งยังเมืองแมนเชสเตอร์ในยุคของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศไทย เมื่อปี 2008
ขณะที่ปัจจุบัน ทักษิณ ต้องใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนเนื่องจากถูกเนรเทศด้วยข้อหาคอรัปชั่น และปัญหาการเมืองภายใน ทว่า ก็องปานี ได้สถาปนาตัวเองให้กลายเป็นตำนานของทีมเรือใบโดยไม่ต้องเสียเวลาหาเสียงเลือกตั้งเหมือนการเมืองบ้านเรา
พูดง่ายๆ ก็คือ ก็องปานี ประสบความสำเร็จมาแล้วแทบจะทุกอย่างกับ ซิตี้ ใครจะเชื่อว่าจากการเริ่มแรกที่ออกสตาร์ทด้วยการเป็นคู่พาร์ทเนอร์ในตำแหน่งมิดฟิลด์ของ สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ จะกลายมาเป็นตำนานด้วยการพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, คอมมิวนิตี้ ชิลด์ส 2 ครั้ง และลีก คัพ อีก 4 หน
จาก 11 ฤดูกาลที่โลดแล่นในเวทีพรีเมียร์ลีก ก็องปานี ล้อมรอบไปด้วยเพื่อนร่วมทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เขาเคยมีมา และได้เล่นภายใต้กุนซือมากฝีมือกับทีมเรือใบ แต่นั่นก็เป็นดาบสองคมสำหรับปราการหลังวัย 32 ปีเช่นเดียวกัน
ในฤดูกาลนี้ ก็องปานี ได้ลงเล่นตัวจริงในลีกเพียงแค่ 8 เกมเท่านั้น ซึ่งมันก็เป็นปัญหาเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอาการบาดเจ็บ และร่างกายที่เริ่มเปราะบางกับอายุขนาดนี้
ขณะเดียวกัน ทั้ง จอห์น สโตนส์ และ เอมเมอริก ลาปอร์กต์ ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในคู่หูเซนเตอร์แบ็กที่ยอดเยี่ยมที่สุดในพรีเมียร์ลีกเวลานี้ด้วย และนั่นส่งผลให้ไม่เหลือพื้นที่สำหรับ ก็องปานี ในทีมตัวจริง
แต่จะบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าเศร้าอะไร เมื่อ แมนฯ ซิตี้ กับ ก็องปานี อาจจะได้ยุติทางเดินร่วมกันอย่างสง่างามมากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ และสมควรได้รับ
ก็องปานี เพิ่งจะพาทีมยกถ้วยแชมป์คาราบาว คัพ ด้วยการลงเล่นไป 75 นาที ในเกมนัดชิงชนะเลิศที่พบกับ เชลซี
นอกจากนั้น เขาก็ได้ออกสตาร์ทในไลน์อัพในเกมที่เอาชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 เมื่อเดือนมกราคม ซึ่งส่งผลให้การลุ้นแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกกลับมาเปิดกว้างสำหรับ แมนฯ ซิตี้ อีกครั้ง
ในช่วงเวลาที่ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีปัญหาไม่ว่าจะด้วยอาการบาดเจ็บจากทั้ง ลาปอร์กต์ รวมถึง สโตนส์ ก็ทำให้เราได้เห็นกัปตันทีมตัวจริงของเรือใบลงเล่นตัวจริง 2 จาก 3 นัดหลังสุดในลีกซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของทีมอย่างแท้จริงในฤดูกาลนี้
จาก 2 เกมที่เขาลงเล่นตัวจริง แมนฯ ซิตี้ เอาชนะได้ทั้ง 2 นัด โดยที่เสียเพียงประตูเดียวเท่านั้น ซึ่งเครดิตดังกล่าวก็ต้องยกให้กับ ก็องปานี ในฐานะมืออาชีพที่พร้อมอยู่เสมอหากโดนเรียกใช้งาน
ตอนนี้ ทีมเรือใบยังเหลือการลุ้นแชมป์อีก 3 รายการในเส้นทางข้างหน้าไม่ว่าจะเป็นพรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งจากโปรแกรมที่ชุกจัดข้างหน้านี้ย่อมบังคับให้ เป๊ป ต้องใช้งาน ก็องปานี อย่างแน่นอน
สำหรับ ก็องปานี เขาไม่เพียงแต่มีความสำคัญในห้องแต่งตัวเท่านั้น แต่ในสนามเขาก็ยังคงเป็นกำลังที่ดีของ เป๊ป ไม่แพ้กัน
ความแตกต่างระหว่าง ก็องปานี กับตำนานคนอื่นๆ ในยุคใหม่ของทีมยกตัวอย่างเช่น โจ ฮาร์ท อาจเป็นจำนวนเกมการเล่น แต่มันก็ชัดเจนว่า เป๊ป นั้นพร้อมที่จะโหดเหี้ยมทันทีเมื่อเขารู้สึกว่าถึงเวลาที่สมควร และนั่นอาจเป็นเวลาของดาวเตะเบลเยียมในอนาคตอันใกล้นี้
แต่เชื่อเถอะ จะไม่มีใครต่อว่า หรือลืม ก็องปานี หากมีการเซย์กู๊ดบายกันแน่ถ้าในตอนจบเขาได้ชูถ้วยรางวัลเพิ่มเติมอีก
เวลานี้ อนาคตของ ก็องปานี ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถามอยู่ เนื่องจากสัญญาของเขากับทีมจะหมดลงหลังจบฤดูกาลนี้
ไม่ว่ามันจะถูกเพิ่มเติมด้วยสัญญาระยะสั้น หรือย้ายทีม หรืออาจขยับขึ้นไปทำงานโค้ช หรือกระทั่งนั่งแท่นผู้อำนวยการสโทสร ความเป็น ก็องปานี ในสีเสื้อ แมนฯ ซิตี้ จะยังคงสมบูรณ์แบบอยู่ไม่เปลี่ยน
ทุกวันนี้แม้ แมนฯ ซิตี้ จะพร้อมมีตำนานหน้าใหม่อยู่ตลอดเวลาจากอำนาจเงินของพวกเขา
แต่เราจะหาใครที่อยู่ทนนานจากยุครอยต่อจนกลายเป็นตำนานของ ก็องปานี คงไม่มีอีกแล้ว...
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT