โทษทีซิสโซโก้
ครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้หรอก ใครหลายคนรวมถึงตัวผมเองเคยหัวเราะเยาะ และปรามาส ซิสโซโก้ เอาไว้
อย่างในกรณีใกล้ๆ นี้เองที่เราต่างโจมตีว่ามิดฟิลด์เฟร้นช์แมนรายนี้โคตรอ่อน โคตรกาก กับการโดน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ดักทางในจังหวะหลุดเดี่ยวเกมพบ ลิเวอร์พูล
เสียงเย้ยหยันต่างๆ นาๆ มุ่งหน้าหาแพะอย่าง ซิสโซโก้
แต่ถ้าเรากลับมานั่งใช้เหตุผล และองค์ประกอบทั้งหมดเฝ้าใช้ความคิดให้ดีๆ แล้ว มุสซ่า ซิสโซโก้ กำลังสร้างตัวเองให้กลายเป็นคนสำคัญที่สุดในแผงแดนกลางของ สเปอร์ส ณ ปัจจุบันนี้
ซิสโซโก้ คือคีย์แมนหลักในหน้ากระดานมิดฟิลด์ของทีม เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ มาตลอดตั้งแต่เปิดซีซั่น ขณะที่ คริสเตียน เอริคเซ่น และ เดเล่ อัลลี่ ก็ยังวิ่งวนเวียนอยู่ตรงกลางไม่ได้ไปไหน
จากตัวเลือกทั้งหมดในตำแหน่งเอาท์ฟิลด์ในทีมของกุนซืออาร์เจนไตน์ มีเพียง เอริคเซ่น, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ และ แฮร์รี่ เคน เท่านั้นที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกด้วยจำนวนนาทีที่มากกว่าเขาในฤดูกาลนี้
ความสามารถของเขาคืออะไร
???
นั่นคือสิ่งที่หลายคนเฝ้าตั้งคำถาม
แต่หากมองตามเนื้อผ้าแล้ว เขาสามารถเล่นได้อย่างหลากหลาย และเติมเต็มได้ทุกบทบาทของแท็กติก ไม่ว่าจะเป็นระบบ 4-1-2-1-2, 4-2-3-1 หรือ 3-4-1-2 เขาสามารถแบ่งเบางานของทุกคนในทีมได้หมด ท่ามกลางบททดสอบที่มาพร้อมกับอาการบาดเจ็บของเหล่านักเตะในทีม
หลายคนอาจมองไปยังตัวเลข และสถิติส่วนตัวต่างๆ
แต่จริงๆ แล้วนั่นคือสิ่งที่ทำให้เรามีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสามารถของกองกลางแดนน้ำหอม
ในพรีเมียร์ลีกปีนี้ เขาทำแอสซิสต์ได้เพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น และไม่มีประตูติดตัวเลยแม้แต่ลูกเดียว มองแบบผิวเผินนี่ก็คงเป็นนักเตะที่ไม่ได้เก่งกาจอะไรเลยแม้แต่น้อย
ทว่าสถิติเหล่านั้นก็ไม่ได้บ่งบอกถึงความสามารถ และประโยชน์ที่แท้จริงของ ซิสโซโก้ เนื่องจากในขณะที่ แฮร์รี่ วิงค์ส คู่ขาแดนกลาเอาแต่เล่นตามช่อง และวิ่งบีบกดดัน ซิสโซโก้ก็ทำงานอย่างหนักหน่วงอยู่รอบๆ ซึ่งมันกินพละกำลังมากกว่าตั้งหลายเท่า
ตอนนี้ เรายกให้ แฟร์นันดินโญ่ ของ แมนฯ ซิตี้ เป็นกองกลางตัวรับดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก (ต้องกระซิบเบาๆ เดี๋ยว โคล้ด มาเกเลเล่ ได้ยิน) แต่เขาก็ต้องเจอกับงานยุ่งยากอย่างมากในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกที่เรือใบแพ้ สเปอร์ส เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว
มิดฟิลด์ทีมชาติบราซิลต้องพบว่าตัวเองได้วิ่งเข้าไปยังพื้นที่ที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจจากการดึงดูดแบบไม่เปิดเผยของ ซิสโซโก้ ซึ่งนั่นทำให้ แฟร์นันดินโญ่ ต้องหลุดออกมาจากเขตรักษาการตรงกลางสนามของตัวเอง
นักเตะทั้งสองคนทำงานในตำแหน่งเดียวกัน และบทบาทเดียวกัน แต่พวกเขาเล่นคนละสไตล์กัน
แฟร์นันดินโญ่ เป็นเต้ยด้านเกมรับที่นิ่ง และอ่านเกมเก่ง ขณะที่ ซิสโซโก้ เป็นเครื่องดื่มรสชาติจัดจ้านที่ทำให้เราหลงไหลกับการเปิดขวดมันอยู่ตลอดเวลา
นักเตะส่วนใหญ่จะเล่นแบบวันทัช คือพยายามจ่ายบอลให้เร็ว ผิดกับ ซิสโซโก้ ที่เรานึกภาพก่อนอาจต้องเล่นถึง 3 จังหวะ บอลส่วนใหญ่จะถูกจ่ายผ่านตัวเขา เพื่อจะเกิดช่องในการวิ่งเติมขึ้นไปในแดนหน้า ด้วยพลังงานราว ไมค์ ไทสัน ในสนามบอลทำให้เขาเป็นตัวอันตรายสำหรับแนวรับอีกฝ่ายของจริง
ช่วงเวลาเก่าๆ ของ ซิสโซโก้ ที่อาจจะตามหลอกหลอนเขาไปตลอดก็ยังอาจมีอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ก็จริง เพราะหากเขาสามารถส่งบอลผ่านมือ อาลีสซง เบ็คเกอร์ และเอาชนะ ฟาน ไดค์ ได้สำเร็จ บางทีตอนนี้เราอาจมองเขาไปอีกแบบ เครดิตของเขาก็จะเพิ่มมากขึ้นไปอีก
แน่นอน คนเราจะให้ดีไปทุกเรื่องมันคงไม่มีทางเป็นไปได้ อยู่ที่เราจะดีได้มากกว่าสิ่งที่แย่หรือไม่
ตอนนี้ ซิสโซโก้ เป็นอย่างนั้น
ไม่มีข้อสงสัยอะไร ซิสโซโก้ เป็นหนึ่งในแข้งชาวฝรั่งเศสที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก เรื่องนั้นชื่อของ โปเช็ตติโน่ คงการันตีได้
ปอล ป็อกบา และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล อาจพัฒนาได้มากขึ้นภายใต้ยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ส่วน อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ก็มีช่วงเวลาที่ดี และแย่ปะปนกันไป ด้าน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กำลังปรับตัวให้เข้ากับระบบซาร์รี่บอล
แต่มองมายัง ซิสโซโก้ สิ...ตำแหน่งของเขาคือมั่นคงมาก เรียกได้ว่าครองมงกุฎในบทบาทของตัวเองไปเลย
ดังนั้น ผมขอบอกตรงนี้เลย...ขอโทษมึงจริงๆ ว่ะ 'ไอ้ซิส'
สารภาพตามตรง ตอนเริ่มต้นซีซั่นผมมีแต่ข้อสงสัยในตัวดาวเตะคนนี้เต็มไปหมด เรียกได้ว่าหาข้อติ 30 ล้านข้อมาเล่นงานมันทุกจุด
แต่สำหรับคุณภาพของเขาตอนนี้ มันได้บินขึ้นไปไกลเกินกว่าความสงสัยที่ผมมีต่อตัวเขาแล้ว
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT