:::     :::

ถึงคราวต้องเปลี่ยน

วันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม 2560 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
4,463
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลังโดนระเบิดลูกใหญ่ในเกมแพ้ สเปอร์ส ล่วงเลยมากระทั่งบทสัมภาษณ์หลังเกมของ เจอร์เก้น คล็อปป์

    ถึงวันนี้ยังไม่มีใครทราบว่าชีวิตของ เดยัน ลอฟเรน เป็นตายร้ายดียังไงบ้าง แต่จากกระแสน้ำที่ไหลไปดูท่ากราฟจะหนักไปทางดิ่งลงเหว

    การลบข้อมูลความเป็นลิเวอร์พูล หรือปิดคอมเมนต์ในไอจี มันเหมือนเป็นการแสดงออกของคนยอมแพ้ หมดใจ ไม่อยากสู้ต่อ

    ก็จริงว่า ลอฟเรน โดนจัดหนักจาก คล็อปป์ ไปไม่เบาเลย

    แต่หากหมดแรงกำลังใจในการก้มหน้าก้มตาต่อสู้เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองมีดีให้คนอื่นๆ ได้แล้วล่ะก็

    มันคงไม่ต่างจากจุดจบ

คล็อปป์จัดหนักลอฟเรนหลังฟอร์มห่วยสุดขีด

    ทว่าสิ่งที่บ่งบอกได้ชัดเจนก็คืออาจถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงกันบ้างแล้ว

    โจ โกเมซ คือแสงเล็กๆ ที่ปลายอุโมงค์ แต่ยังไม่การันตีว่าจะสว่างได้หรือไม่

    มันน่าจะถึงคราวที่แนวรับวัยรุ่นจะได้โอกาส แม้จะมีจุดด่างพร้อยเรื่องประสบการณ์ก็ตามที

    โอเค โกเมซ เพิ่งจะอายุอานามเพียง 20 ปีเท่านั้น และตั้งแต่ย้ายมาเป็นสมาชิกในถิ่นแอนฟิลด์เมื่อซัมเมอร์ปี 2015 ก็โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานมาโดยตลอด

    ความเป็นจริงก็คือ เกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่ง หงส์แดง แพ้เละให้กับ สเปอร์ส มันคือครั้งแรกที่เขาได้โอกาสลงเล่นตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟให้ทีมชุดใหญ่ในพรีเมียร์ลีก

    แน่นอน โกเมซ อาจได้รับโอกาสตรงนี้มากมายในทีมชุดยู 23

    แต่ถ้าใครจำกันได้ ซีซั่นก่อนหลังคัมแบ็กจากโรคเดี้ยงแรมปีมาลงเล่นเผชิญหน้า วูล์ฟส์ ในศึกเอฟเอ คัพ ปรากฎว่า ลิเวอร์พูล แพ้รองบ่อนจอดป้าย พร้อมฟอร์มที่น่าส่ายหัวสำหรับไอ้หนูโจ

เวลาฉายแสงของโกเมซมาถึงแล้ว

    โยงมาที่ลอฟเรนบ้าง เขาอยู่กับทีมมา 3 ปีแล้ว และลงเล่นไปกว่า 121 นัด

    แต่ความรู้สึกของกองเชียร์กับตัวของแนวรับโครแอตมีแต่ถอยหลังลงคลอง

    ผลงานห่วยแตกสะสมมาจนถึงในเกมล่าสุดทำให้แฟนหัวร้อนกลุ่มใหญ่ในโลกโซเชียลถึงขั้นบอกว่าเขาไม่สมควรสวมเครื่องแบบหงส์แดงอีกต่อไปเลยด้วยซ้ำ

    นายใหญ่เมืองเบียร์ที่โดนโจมตีเรื่องหลังบ้านมาตั้งแต่ปีก่อนก็พยายามจะเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างให้เห็น

    และคนที่โดนเชือดก็คือ ลอฟเรน นั่นเอง

    ดูเหมือนว่าตอนนี้ คล็อปป์ จะให้น้ำหนักคู่เซนเตอร์แบ็กในใจเป็น โกเมซ กับ โฌแอล มาติป ไปแล้ว

    แต่จะโบ้ยความผิดทั้งหมดให้กับลอฟเรนคนเดียวก็ไม่ใช่

    ตัวของ คล็อปป์ เองก็ต้องรับผิดชอบกับปัญหาหลังรั่วที่ผ่านมาตลอดด้วย

    มันน่าเหลือเชื่อว่า ลิเวอร์พูล ที่มีสถิติเสียประตูง่ายในยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ด้วยขุนพลอย่าง ซิมง มิโญเลต์, อัลเบร์โต้ โมเรโน่ และ ลอฟเรน

    ทุกวันนี้ยังเสนอหน้ากันครบแก๊ง และที่น่าเจ็บใจคือดันเป็นตัวหลักของกุนซือเมืองเบียร์ด้วย

    ที่ดูจะชีวิตดีกว่าชาวบ้านชาวเมืองในชั่วโมงนี้หน่อยก็เห็นจะเป็น โมเรโน่ แต่มีใครปักใจเชื่อเหรอว่าไอ้หมูเด็กเก่า เซบีย่า มีดีพอยืนระยะแบบยาวๆ ได้

อนาคตของลอฟเรนกับหงส์แดงถึงทางตัน?

    กลุ่มนักเตะเหล่านี้จะว่าไปก็ไม่ได้เก่งพอจะเป็นตัวหลักให้กับทีมใหญ่อย่างลิเวอร์พูลได้เลย และถ้าพวกเขายังลงเล่นในทีมชุดแรกต่อไปเรื่อยๆ มันก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นไปกว่านี้หรอก

    ถึงจะรู้ทั้งรู้ว่าเกมรับคือตัวการสำคัญ แต่ คล็อปป์ เองก็ใช้เงินไปกับนักเตะกองหลังน้อยมากตั้งแต่เข้ามานั่งเก้าอี้ใหญ่ในช่วงตุลาคม 2015

    เงิน 10 ล้านปอนด์สำหรับ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ที่โดนแจ้งความคนหายถือว่าแพงที่สุดแล้ว

    ที่เหลือ มาติป ก็ได้มาฟรี และยังดูไม่น่าเชื่อใจสักเท่าไหร่ ขณะที่ รักนาร์ คลาวาน (4.2 ล้านปอนด์) น่าจะเป็นอีกคนที่ค่อนข้างหมดอนาคตกับทีมแล้ว

    นอกจากนี้ก็มี สตีเว่น คอลเกอร์ ที่เคยย้ายมาด้วยสัญญายืมตัวช่วงสั้นๆ

    ส่วนตำแหน่งนายทวารก็เป็นที่พูดถึงมาอย่างยาวนานกับความไม่คงเส้นคงวาของ มิโญเลต์

    กระทั่งถึงทุกวันนี้ คนที่ คล็อปป์ ซื้อมาอย่าง ลอริส คาริอุส ดันไม่เคยพิสูจน์ตัวเองได้เลยแม้แต่เสี้ยวนาทีเดียวว่ามีดีกว่านายด่านเบลเยียม

    สิ่งเหล่านี้เองคือความผิดพลาดทั้งหมดที่น่าจะชี้นิ้วหากุนซือเมืองเบียร์ได้

    แต่ในเมื่อปัญหารุมเร้าหลายอย่างที่สะสมได้ระเบิดออกแล้วในตอนนี้ สิ่งสำคัญสุดไม่ใช่การโยนแพะโทษโน่นโทษนี้

    การแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าคือสิ่งจำเป็น

มีโอกาสจับคู่กันในเกมพบฮัดเดอร์สฟิลด์

    กว่าจะถึงตลาดนักเตะหน้าหนาว โจ โกเมซ คงต้องกลายมาเป็นตัวความหวังแทนหมาหัวเน่าอย่าง ลอฟเรน ไปก่อน

    หลายคนลืมไปแล้วว่าปราการหลังตัวกลางคือตำแหน่งที่กัปตันทีมชาติอังกฤษชุดยู 21 สร้างชื่อขึ้นมากับ ชาร์ลตัน ซึ่งปี 2014-15 เขาลงเล่นตรงนี้ถึง 24 นัด พร้อมคำสรรเสริญเยินยอในเวลานั้นว่าเป็นหนึ่งในแข้งพรสวรรค์ที่น่าจับตามองที่สุดคนนึงของประเทศ

    แม้เขาก็ถูกวางให้เล่นเป็นแบ็กซ้ายในช่วงแรกๆ สมัยที่ทีมยังมี บีร็อด เป็นเจ้านาย ทว่าธรรมชาติความเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟที่อยู่ในสายเลือดคงไม่ได้จางหายไปไหน

    นัดถัดไปที่จะต้องบู๊กับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ถือว่าสำคัญ เพราะหาก 11 ตัวจริงดันมี โกเมซ จับคู่แผงหลังกับ มาติป แล้วล่ะก็

    คงไม่ต้องบอกว่าอนาคตของ ลอฟเรน ในถิ่นแอนฟิลด์หมดแล้วหรือยัง

    หลายคนออกอาการวิตก เป็นห่วง ไอ้หนูโจยังเด็กอยู่เลย ประสบการณ์ก็น้อย ต้องเล่นพื้นที่สำคัญแบบนั้นจะไหวเหรอ

    ขอบอกเลยว่าอย่าห่วงครับ

    เพราะคงไม่มีอะไรจะเลวร้ายไปกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้แล้ว



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด