โมเดล 'ผี' ที่ต้องก็อปปี้ 'หงส์'
พวกเขากลายสภาพเป็นทีมธรรมดาในตารางคะแนน ขณะที่คู่แค้นอย่าง ลิเวอร์พูล จบรองแชมป์ด้วยการมี 97 แต้ม แถมยังเพิ่งจะฟาดแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกมาครองอีก
คำตอบในเวลานี้มองเป็นอื่นไม่ได้เลยนอกจากพวกเขาจะก็อปปี้การเซ็นสัญญา เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ จากหงส์แดง
เสียงเร่าร้องที่ตะโกนว่า 'บุก บุก บุกสิวะ!" ดังจากสเตรทฟอร์ด เอนด์ ในช่วงไม่กี่ฤดูกาลที่ผ่านมาภายใต้การคุมทัพของ โชเซ่ มูรินโญ่ และ หลุยส์ ฟาน กัล
แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันมากที่สุดก็คือการผ่าตัดเกมรับที่นำมาเป็นอันดับหนึ่งในช่วงซัมเมอร์นี้
เงินจำนวน 700 ล้านปอนด์ถูกจับจ่ายใช้สอยไปในช่วง 7 ซีซั่นที่ผ่านมา โดยมีเพียง 120 ล้านปอนด์ที่เป็นการเสริมหลังบ้าน
ยกตัวอย่างในเกมเยือน บาร์เซโลน่า ในแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งเวลานั้นถือเป็นเกมใหญ่ที่สุดในฤดูกาลของพวกเขา ทีมผีแดงมี 3 แนวรับที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่ปี 2011
แอชลี่ย์ ยัง, ฟิล โจนส์ และ คริส สมอลลิ่ง ทั้งหมดได้ออกสตาร์ทตัวจริงในเกมที่คัมป์ นู และเวลานี้สาวกผีแดงคงร่วมมือกันสวดภาวนาให้ทั้ง 3 ไม่ได้เสนอหน้าอยู่กับทีมต่อไปในปีหน้า
ดาวเตะค่าตัว 30 ล้านปอนด์อย่าง เอริก ไบยี่ ไม่มีส่วนร่วมกับทีมในนัดนั้น ส่วน วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ ก็ลงเล่นในตำแหน่งแบ็กขวาจากการเลือกของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ลีโอเนส เมสซี่ เล่นสบายเหมือนบอลผู้ใหญ่เตะกับเด็ก
ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด กระเด็นตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีก หันไปมองหงส์แดงนั้นพวกเขาทะลุไปถึงถ้วยแชมป์
อย่าอายเลยถ้าต้องพูดว่าโมเดลการทำธุรกิจของ ลิเวอร์พูล เป็นสิ่งที่ เอ็ด วู้ดเวิร์ด และเหล่าบอร์ดบริหารแห่งถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด น่าเอาเป็นแบบอย่าง
เจอร์เก้น คล็อปป์ เห็นข้อบกพร่องของเกมรับ (และผู้รักษาประตู) อันแสนสาหัส ก่อนที่จะทุบคลังใช้เงินเกือบ 141 ล้านปอนด์ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ทำไม แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่หัดทำอะไรที่มันง่ายๆ แบบนั้นบ้างล่ะ
???
เวลานี้ ทั้ง มัทไธส์ เดอ ลิกท์ และ กาลิดู กูลิบาลี่ ต่างเป็นนักเตะที่อยู่ในตลาดซื้อขาย และทีมผีแดงอาจต้องเสียเงินพอๆ กับราคาของ ฟาน ไดค์ หากต้องการใครคนใดคนหนึ่งมา
คุณลองนึกภาพของนักเตะทั้งสองรายนี้กลายเป็นกองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลกโดยการเซ็นสัญญาของ แมนฯ ยูไนเต็ด ดูสิ มันจะฟินกันสักแค่ไหน
แน่นอน มองถึงแง่ของอนาคตทีมอาจพูดได้ว่าใครจะอยากย้ายมา แต่เรื่องเงินก็ไม่เข้าใครออกใครหรอก
กูลิบาลี่ อาจค่าตัวแพงเกินไปหน่อย แต่เขาก็ได้รับการยอมรับจากเวทีเซเรีย อา อย่างสูง พร้อมกับการเล่นอันหนักหน่วง และสมบูรณ์แบบในสีเสื้อเนเปิ้ลส์
ก่อนหน้านี้ ทั้ง เชลซี และ แมนฯ ซิตี้ ต่างก็เคยแสดงถึงความสนใจต่อดาวเตะเซเนกัลรายนี้ โดยสิงห์บลูส์นี่แหละเคยโดน นาโปลี บอกปัดข้อเสนอ 60 ล้านปอนด์มาแล้วเมื่อช่วงซัมเมอร์ก่อน
และสำหรับทีมผีแดงที่อุตส่าห์จ่ายเงินตั้ง 50 ล้านปอนด์เพื่อซื้อนักเตะแบบ เฟร็ด มาเมื่อหน้าร้อนที่แล้ว ดังนั้นกะอีแค่ราคาที่ นาโปลี ตั้งไว้ซึ่งอาจจะโอเวอร์ไปหน่อย ทำไมพวกเขาจะไม่มีปัญญาจ่าย
ในส่วนของ เดอ ลิกท์ เอง เขาเป็นหนึ่งในแข้งเนื้อหอมที่สุดในตลาดซัมเมอร์นี้ หลังโชว์ฟอร์มเด่นจนพา อาแจ็กซ์ ไปได้ถึงรอบตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ลีก
กัปตันวัยทีนเอจอาจกำลังมองถึงการตามเพื่อนของเขาอย่าง เฟรงกี้ เดอ ย็อง ไปยัง บาร์เซโลน่า แต่จนถึงเวลานี้ที่ว่าชัวร์ๆ ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า แถมเอเยนต์ของ มิโน่ ไรโอล่า ก็หน้าเงินขอส่วนกินต่างก้อนใหญ่จนยักษ์กาตาลันเริ่มเอือมระอาแล้ว
มันจึงยังมีความเป็นไปได้ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถสอดแทรกในดีลนี้ด้วยการใช้เงินฟาดหัวเอาไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของค่าตัว ค่าเหนื่อย หรือว่าค่าเอเยนต์
คิดไปแล้วก็น่าตลก เพราะนี่แทบจะเป็นครั้งแรกเลยที่ทีมอย่างผีแดงถูกทั่วโลกตั้งคำถามว่ายังมีความดึงดูดนักเตะให้อยากมาเล่นด้วยหรือไม่
???
นับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อำลาทีมไป พวกเขาก็ยังสามารถดูดนักเตะอย่าง ปอล ป็อกบา และ อเล็กซิส ซานเชซ มายังถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้
แต่การที่เวลานี้พวกเขาไม่ได้ไปแม้กระทั่งถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก แถม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ยังพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 ปีติดต่อกันอีก มันยิ่งทำให้สถานะของพวกเขาในเมืองแมนเชสเตอร์ดูด้อยไปใหญ่
นี่ขนาดเป็นแค่การเปรียบเทียบในเมืองแมนเชสเตอร์นะ...
นอกจากนี้ หลุยส์ ฟาน กัล อดีตบิ๊กบอสของพวกเขาก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออะไรเลย ด้วยการกระซิบผ่านสื่อว่าไป บาร์ซ่า กับเรือใบอนาคตของ เดอ ลิกท์ จะรุ่งกว่าเยอะ
เป๊ป อาจกำลังมองหาผู้ที่จะมาทดแทน แว็งซ็องต์ ก็องปานี ไม่ว่าจะเป็นฐานะนักเตะ และกัปตัน ซึ่งจากแคนดิเดตที่มีในเวลานี้ก็ไม่น่าจะเห็นใครพุ่งทะยานเหนือน้ำได้มากกว่า เดอ ลิกท์
ดังนั้นมันจึงเป็นงานยากสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่จะได้ตัวหนึ่งในกองหลังระดับโลกมาร่วมทีม
แต่ยังไงก็ตาม พวกเขาก็ต้องพยายามที่จะหาหนทางทำยังไงก็ได้ให้มีโอกาสคว้าแนวรับระดับท็อปแม้จะต้องเป็นการทุบคลังซึ่งอาจต้องทำลายสถิติของหงส์แดงกับ ฟาน ไดค์
คุณจะไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เลยว่าทำไม แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องออกแรงเยอะกว่าทีมอื่น และอาจต้องใช้เงินเยอะกว่าทีมอื่น
สิ่งเหล่านี้มันสะสมมาจากการดำเนินนโยบาย พร้อมกับธุรกิจที่ผิดพลาดในหลายปีหลัง
และหาก แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมองไม่เห็นถึงความผิดพลาด และรีบแก้ไขสิ่งเหล่านั้นในซัมเมอร์นี้
พวกคุณก็จะต้องทนทุกข์ทรมานกับทั้ง ฟิล โจนส์ และ คริส สมอลลิ่ง ต่อไปในฤดูกาลหน้าเหมือนเดิมอีกนั่นแหละ
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT