สิ่งที่เหนือกว่าคนอื่นของแลมพาร์ด
หลังจากจ่อมาร่วมเดือน ในที่สุด เชลซี ก็ได้แต่งตั้ง แฟร้งค์ แลมพาร์ด เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างเป็นทางการ และนั่นคงทำให้สาวกสิงห์บลูส์ตื่นเต้นไม่น้อย
นายใหญ่วัย 41 ปีเรียกได้ว่ากำลังมีก้าวกระโดดครั้งสำคัญในชีวิตผู้จัดการทีมในขณะที่ตัวเขาเองก็มุ่งมั่นกับตำแหน่งที่ดูเหมือนจะไร้ความแน่นอนอยู่ตลอดเวลาในช่วงเกือบ 10 ปีหลัง
เขาทำผลงานได้อย่างไม่น่าเชื่อกับ ดาร์บี้ เพียงขวบปีแรก และการกลับมาของ แลมพาร์ด นั้นได้รับการสนับสนุนจากสาวกสิงห์บลูส์อย่างล้นหลาม
นั่นคือสิ่งที่สโมสรไม่เคยมีเลยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
ในขณะที่หลายคนกำลังเติบโตขึ้น เชลซี มี แลมพาร์ด เป็นเหมือน คิง หรือไม่ก็พระเจ้า
ทุกคนยังจำภาพที่เขาพักอก และวอลเลย์ตูมเดียวใส่ บาเยิร์น มิวนิค จนมาถึงลูกยิงสุดคลาสสิกในเกมกับ บาร์เซโลน่า ที่คัมป์ นู ทุกอย่างที่ แลมพาร์ด ทำคือแรงบัลดาลใจของสาวกสิงห์บลูส์ทั้งนั้น
https://twitter.com/ChelseaChadder/status/1057557897004179456?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1057557897004179456%7Ctwgr%5E393039363b636f6e74726f6c&ref_url=https%3A%2F%2Fwww.dreamteamfc.com%2Fc%2Fnews-gossip%2F450746%2Ffrank-lampard-chelsea-manager-number-one%2F
ใช่ เชลซี อาจมี จอห์น เทอร์รี่ หรือแม้กระทั่ง ปีเตอร์ เช็ก และ จานฟรังโก้ โซล่า แต่ แลมพาร์ด นั้นโดดเด่นกว่าพวกเขา
เขาเป็นเหมือนยิ่งกว่าคำว่าตำนาน เขาคือ มิสเตอร์เชลซี จากคำที่ เทอร์รี่ เคยบอกไว้ "นี่คือนักเตะยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยเล่นให้สโมสรเชลซี"
แลมพาร์ด ทำให้ตัวเองกลายเป็นนักเตะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา
และเวลานี้เขากลับมาพร้อมกับเก้าอี้ที่ร้อนฉ่า
แน่นอนมันไม่ใช่ร้อนธรรมดา แต่ต้องบอกว่าโคตรร้อน ร้อนโคตรๆ
ความคิดเห็นทั่วไปจากภายนอก แทบทั้งหมดต่างมอง แลมพาร์ด ด้วยความเย้ยหยันก่อนที่เขาจะได้เริ่มลงมือทำงานเสียอีก
"เร็วเกินไป!"
"เต็มที่ก็คงแค่คริสต์มาส"
นั่นคือแฮชแท็กที่ร้อนแรงตามโลกโซเชียล เมื่อ แลมพาร์ด รีเทิร์นมาอยู่ในคราบสิงห์บลูส์อีกครั้งแบบเปลี่ยนบทบาท
แต่เอาจริงๆ ส่วนตัวแล้วผมก็ไม่ได้คิดว่าแฟน เชลซี คไหนจะคาดหวังให้เขานำแชมป์พรีเมียร์ลีกกลับมายังเวสต์ลอนดอนในฤดูกาลหน้านี้หรอกนะ พวกเขาคงแค่คิดว่า เฮ้!!! ในซีซั่นนี้มันคงสนุก และน่าตื่นเต้นมากกว่าครั้งที่ผ่านๆ มาก็เท่านั้นเอง
แม้การก้าวเข้ามาของ แลมพาร์ด ในครั้งนี้จะต้องเผชิญหน้ากับความคาดหวัง แต่มันก็ใช่ว่าจะเป็นหายนะหรืออะไรที่เลวร้าย
สิงห์บลูส์ใช้กุนซือไปแล้วมากถึง 14 คนนับตั้งแต่ปี 2003 และก็เป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอังกฤษจากช่วงระยะเวลาดังกล่าว
เมาริซิโอ ซาร์รี่ ถูกมองว่าเป็นความเสี่ยงแม้เขาจะนำถ้วยรางวัลมาสู่ทีมในท้ายที่สุดก็ตาม
แล้วมีเหตุผลไหนล่ะที่ แลมพาร์ด จะทำแบบนั้นบ้างไม่ได้
???
นั่นคือ ซาร์รี่ คนที่เหล่าแฟนบอลพากันร้องยี้แทบทุกครั้งเวลาเห็นหน้า
ทว่าเวลานี้ แฟนๆ ของ เชลซี กำลังมีผู้จัดการทีมที่รู้จักสโมสรนี้ดีกว่าคนอื่น
ชายผู้ซึ่งชนะทุกสิ่งทุกอย่างมาหมดแล้วกับทีม
เขา และ โจดี้ มอร์ริส อยู่ในทีมเยาวชนมานานหลายปี ดังนั้นจึงไม่มีใครที่จะเหมาะสมมากกว่าพวกเขาแล้วในการดึงเหล่าดาวรุ่งมากความสามารถขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ในขณะที่สโมสรกำลังติดโทษแบนห้ามซื้อนักเตะใหม่
แต่เหนือสิ่งอื่นใด แลมพาร์ด คือแฟนตัวยงของ เชลซี เองด้วย
มันจะมีความสดชื่นทุกครั้งแน่ เมื่อได้เห็นบรรดากองเชียร์ เชลซี เข้ามาทำงานเบื้องหลัง หรือนั่งแท่นกุนซือใหญ่ด้วยตัวเอง
แม้ อันโตนิโอ คอนเต้ จะเคยประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่กับสิงห์บลูส์ แต่มันก็ชัดเจนว่าเขาสูญเสียความรัก และแรงสนับสนุนจากในห้องแต่งตัว รวมถึงกองเชียร์ในฤดูกาลที่สองเท่านั้น
แม้แต่คนอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ยังไม่สามารถรักษาความรัก และศรัทธาในช่วงนั่งแท่นหนที่สองของเขาได้เลย ขณะที่ ซาร์รี่ นั้นไม่ต้องอะไรมาก น้อยคนนักที่จะพูดถึงด้านดีของเขา
สิ่งเหล่านั้นมันแตกต่างออกไป เมื่อกุนซือเปลี่ยนมือมาเป็น แลมพาร์ด แฟนๆ จะรู้สึกผูกพันกับทีมในแบบที่พวกเขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนนับตั้งแต่ยุคของ มูรินโญ่ ในปี 2004-05
ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรสำหรับชายที่ชื่อ แลมพาร์ด แต่เชื่อว่าสาวกสิงห์บลูส์ทุกคนต่างกำลังสนุกกับช่วงเวลาเช่นนี้
นี่อาจเป็นครั้งแรกเลยก็ได้ที่ เชลซี ทำให้แฟนๆ ของพวกเขามีความรู้สึกในเรื่องของแพสชั่นมากกว่าประโยชน์ในเชิงปฏิบัติ
แน่นอน กองเชียร์ เชลซี ก็คงหวังว่า แลมพาร์ด จะเป็นได้เหมือน ซีเนดีน ซีดาน ไม่ใช่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
ไม่ว่าอีก 3 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ชื่อของ แลมพาร์ด ก็จะเป็นนัมเบอร์วันในใจของสาวกสิงห์บลูส์ไม่เปลี่ยน
นี่แหละคือข้อได้เปรียบของ แลมพาร์ด ที่หลายคนมองข้ามไป
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT