:::     :::

'ชุดขาว'ไม่ขาวเหมือนเดิม

วันพฤหัสบดีที่ 02 พฤศจิกายน 2560 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
2,607
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นับตั้งแต่ที่ ซีเนดีน ซีดาน เข้ามารับเผือกร้อนต่อจาก ราฟาเอล เบนิเตซ เมื่อช่วงต้นปี 2016

    เรอัล มาดริด ก็สถาปนาตัวเองเป็นสโมสรอันดับหนึ่งของโลก แบบไร้ใครเทียบ

    แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยสส์ ลีก 2 สมัยติดต่อกัน

    แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2 สมัย

    แชมป์ลา ลีกา

    แชมป์ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า

    แชมป์สโมสรโลก

    แต่พอฤดูกาลใหม่ผลัดใบเข้าซีซั่น 2017-18 อะไรๆ ก็ดูผิดเพี้ยนไป

    การเสมอกับทีมรองบ่อนอย่าง บาเลนเซีย และ เลบันเต้ อาจมองว่าเป็นอุบัติเหตุลูกหนังที่เกิดขึ้นได้

    ทว่าความพ่ายแพ้ต่อ เรอัล เบติส หรือกระทั่งน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์อย่าง คิโรน่า จะเรียกว่าเป็นวิกฤติก็คงไม่ผิดนัก

    จากที่ตัวเองต้องเป็นผู้ท้าชิงแย่งแชมป์ลีกกับ บาร์เซโลน่า กลายเป็นว่าตอนนี้โดนจ่าฝูงทิ้งห่างไปไกลถึง 8 คะแนนเข้าให้แล้ว

    มันยิ่งตอกย้ำไปอีกกับการพังพินาศนัดล่าสุดต่อ สเปอร์ส ในศึกแชมเปี้ยนส์ลีก

    มันทำพวกเขาเสียสถิติไร้พ่ายในรอบแบ่งกลุ่มที่รักษามายาวนานถึง 30 นัดนับตั้งแต่ตุลาคม ปี 2012 โน่นเลยทีเดียว

    ทีนี้เลยเกิดคำถามมากมายว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้ยอดทีมอย่างราชันชุดขาวต้องประสบพบเจอกับวิกฤติร้ายแรงเช่นนี้

    จุดแรกเลยอาจเป็นในเรื่องของการเสริมทัพ เพราะอย่างที่ทราบ ทีมของกุนซือเฟร้นช์แมนต้องเสีย อัลบาโร่ โมราต้า, ฮาเมส โรดริเกซ, เปเป้ และ ดานิโล่ ที่พร้อมเป็นอะไหล่ชั้นดียามตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินไปในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

ตัวทีเด็ดอย่างฮาเมสกับโมราต้าถูกขายออกไป

    และการดึงดาวรุ่งอย่าง ดานี่ เซบาโยส กับ เตโอ แอร์กน็องเดซ เหมือนจะยังไม่สามารถตอบโจทย์ได้เลย

    แม้ทั้งสองคนอาจเป็นอนาคตที่สดใสในรั้งซานติอาโก เบร์นาเบว ทว่าเวลานี้ เรอัล มาดริด ยังขาดตัวทดแทนในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ, แบ็กขวา และที่สำคัญเลยกองหน้าตัวจบสกอร์

    มันจึงเลยเถิดไปถึงทีเด็ดทีขาดในช่วงท้ายเกมที่ไม่หลงเหลืออยู่เลย

    หากมองไปยังซีซั่นก่อน แม้จะมีบางนัดที่ทัพราชันเล่นต่ำกว่ามาตรฐาน แต่พวกเขาก็มักจะมีทีเด็ดจากเหล่าซูเปอร์ซับให้เห็นในช่วงท้ายอยู่บ่อยครั้ง

    นับรวมก็ 9 หนเลยทีเดียวที่ทีมของ ซีดาน สามารถเก็บแต้มได้จากการยิงในช่วง 10 นาทีสุดท้ายน

    เมื่อเทียบกับปีนี้ มีเพียงเกมเดียวเท่านั้นที่ เรอัล มาดริด คว้าชัยในช่วงท้ายเกม จากการยิงของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ให้ทีมเอาชนะ เคตาเฟ่ แต่ก็เคยโดน เรอัล เบติส ยิงจนพังคาบ้านในนาทีที่ 93 มาแล้ว

    เมื่อพูดถึง โรนัลโด้ แล้ว ก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าสตาร์ทีมชาติโปรตุเกสฟอร์มตกอย่างน่าใจหาย

    จากสถิติ 8 ซีซั่นที่ผ่านมากับ เรอัล โรนัลโด้ยิงในลา ลีกา จากการเล่น 10 นัดแรกได้ที่ 5, 11, 10, 11, 8, 17, 8 และ 5 ตามลำดับ

    แต่ในซีซั่นนี้ ดาวเตะเลือดฝอยทองเพิ่งยิงในลีกได้เพียงประตูเดียวเท่านั้น ทว่าส่วนหนึ่งก็มาจากการติดโทษแบนในช่วง 5 เกมแรกด้วย

โรนัลโด้ฟอร์มตกอย่างน่าใจหาย

    ค่าเฉลี่ยชี้ชัดว่า โรนัลโด้ เปลี่ยนโอกาสทั้งหมดให้เป็นประตูได้เพียงแค่ 2.5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หลังซัดเพียงเม็ดเดียวจากสับไกถึง 40 ครั้ง ซึ่งถือว่าแย่ที่สุดในบรรดานักเตะที่ยิงประตูได้แล้วของ 5 ลีกใหญ่ยุโรปเลยทีเดียว

    นอกจากแนวรุกที่ฝืดจัดแล้ว หลังบ้านของพวกเขาก็ยังมีปัญหาด้วย โดยปีนี้เสียไปแล้วถึง 9 ลูกจาก 10 นัดในลีก ต่างจาก บาร์เซโลน่า ที่เพิ่งโดนเจาะตาข่ายไปแค่ 3 ดอกเท่านั้น

    นอกจากจะเสียเยอะแล้ว ทีเด็ดการเติมเกมจากแนวรับมาช่วยทำประตูยังน้อยลงไปอีกต่างหาก หลังปีก่อน เซร์คิโอ รามอส แค่คนเดียวก็ลั่นสกอร์ได้ถึง 7 ลูกแล้ว

แนวรับไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิม

    และปัญหาใหญ่ที่สุดก็น่าจะมาจากการขาดหายไปของเหล่าตัวหลักที่ทั้งเจ็บ และแบนพร้อมๆ กัน

    ที่ยังพักอยู่ตอนนี้มีแต่เหล่าสตาร์ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น แกเร็ธ เบล, มาเตโอ โควาซิช, ราฟาแอล วาราน, ดานี่ การ์บาฆาล และ เกย์ลอร์ นาวาส

เบลรักษาอาการบาดเจ็บมากกว่าลงเล่นเสียอีก

    ก่อนหน้านี้ก็เป็นพวก คาริม เบนเซม่า, มาร์เซโล่ และ เตโอ แอร์กน็องเดซ ที่เพิ่งจะหายกลับมา

    ทั้งหมดทั้งมวลอาจเป็นปัญหาที่มัดรวมก้อนจนทำให้ เรอัล มาดริด ต้องพบกับวิกฤติหนักอยู่ในตอนนี้

    และหากยังไม่สามารถแก้ลำหาจุดเปลี่ยนไปในทางที่ดีได้

    ที่จะวิกฤติที่สุดเห็นจะเป็นเก้าอี้ของซีดานเอง



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด