:::     :::

จากฝันร้ายของ ฟาบินโญ่ ในวันนั้น...

วันพุธที่ 28 สิงหาคม 2562 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
8,887
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ฟาบินโญ่ มีหลายฉายามากที่เมอร์ซี่ย์ไซด์

    'เอล มอนสโตร'

    'เดอะ ไลท์เฮาส์'

    'แฟ้บบี้ ลอง เลกส์'

    แต่สำหรับเด็กหงส์นั้นคงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าชั่วโมงนี้มิดฟิลด์ชาวบราซิเลี่ยนได้กลายเป็นหนึ่งในฮีโร่ของถิ่นแอนฟิลด์ไปเรียบร้อยแล้ว

    นี่คือกองกลางที่มีส่วนสำคัญในการพาทีมติดเครื่องช่วงครึ่งซีซั่นหลังจน ลิเวอร์พูล ทะยานคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก รวมถึงเก็บไป 97 แต้มในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อน

    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พวกเขาคว้าชัยเหนือ อาร์เซน่อล ได้ ซึ่งในเกมนั้นเราได้เห็นถึงฟอร์มอันสุดยอดของ ฟาบินโญ่ อีกครั้งในแผงมิดฟิลด์ที่ทั้งหนักแน่น และดุเด็ดเผ็ดร้อน

    ย้อนกลับไปเมื่อ 10 เดือนก่อน ใครจะเชื่อว่า ฟาบินโญ่ จะมาไกลถึงตรงนี้ได้ เขามีโอกาสลงเล่นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกเพียง 2 นัดเท่านั้น หลังย้ายมาร่วมทีม ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือประสบการณ์ฝันร้ายในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

    "นั่นเป็นค่ำคืนที่ผมเข้าใจถึงสปีดบอลในพรีเมียร์ลีก และความใส่ใจในแต่ละรายละเอียดที่จำเป็น" ดาวเตะเมืองแซมบ้ากล่าวไว้ในอีกไม่กี่เดือนต่อมา

    สำหรับเกมคืนนั้นในเดือนพฤศจิกายน เขาทั้งดูเชื่องช้า ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน และถูกกลบรัศมีโดย ลูกัส ตอร์เรยร่า

    บางคนเริ่มลงความเห็นว่านี่อาจเป็นดีลที่น่าผิดหวังสำหรับหงส์แดงแล้ว

    แต่ด้วยบุคลิค และสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง แทนที่เขาจะเสียความมั่นใจ และปล่อยตัวเองให้ลอยเคว้งในอากาศ ฟาบินโญ่ กลับใช้บทเรียนในเกมนั้นเป็นประสบการณ์ และจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้

    ในอีก 9 เดือนนับจากนั้น เขาพาตัวเองเป็นแกนหลักในการเผชิญหน้ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี และแน่นอนกับ บาร์เซโลน่า

    เจอร์เก้น คล็อปป์ สร้างแบรนด์ของตัวเขาเองในถิ่นแอนฟิลด์ด้วยภาพจำในเรื่องของ 'อารมณ์ ความรู้สึก'

    ทุกทีมระดับท็อปต่างต้องการมีนักเตะอย่าง ฟาบินโญ่ เอาไว้ในครอบครอง แต่สถิติการผ่านบอลของเขานั้นมีดีกว่าที่ใครหลายคนคิดว่าเป็นได้แค่ตัวตัดเกม

    จาก 90 นาทีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ฟาบินโญ่ มีสถิติผ่านบอลแม่นยำถึง 93%, ผ่านบอลสำคัญ 4 ครั้ง รวมถึงยังแอสซิสต์กับประตูที่ 3 ของทีม แถมยังชนะในการแย่งบอลถึง 6 ครั้งอีกด้วย

    สมัยยังเล่นให้ โมนาโก ความสามารถของเขานั้นก็ไม่ได้เป็นความลับอะไรอยู่แล้ว ดังนั้นมันจึงยิ่งมีความคุ้มค่าไปอีก เมื่อ โชเซ่ มูรินโญ่ เลือกใช้งาน เนมานย่า มาติช มากกว่าการพยายามดึงตัวเขามายัง แมนฯ ยูไนเต็ด

    ความกล้าหาญ และเชี่ยวชาญที่เพิ่มขึ้นของ ฟาบินโญ่ ทำให้ คล็อปป์ ที่เคยวางระบบ 4-2-3-1 ยามที่เขาลงสนามกลับไปเล่นระบบเก่งอย่าง 4-3-3 ซึ่งจะมีตัวโฮลดิ้งในตำแหน่งมิดฟิลด์เพียงแค่คนเดียวแบบไม่ต้องกลัวอะไร

    สิ่งนั้นทำให้เราได้เห็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ปล่อยของออกมาอย่างเต็มที่จนเหมือนสัตว์ร้ายที่เสริมเขี้ยวเล็บต่างไปจากเดิมที่ทำแค่เพียงเล่นเกมรับแปะบอลไปมาอย่างสิ้นเชิง

    ขณะเดียวกัน เขาก็เหมือนจะได้ประโยชน์จากการว่างเว้นในช่วงซัมเมอร์อย่างเต็มที่ หลังจากหลุดโผทีมชาติบราซิลชุดทำศึกโกปา อเมริกา อย่างน่าเซอร์ไพรส์

    มันเหมือนเป็นข่าวร้ายสำหรับหงส์แดง แต่เป็นข่าวดีของตัวนักเตะเหมือนกัน เมื่อเขาถูกเรียกตัวกลับไปติดทีมชาติอีกครั้งในโปรแกรมเดือนหน้านี้

    ฟาบินโญ่ ได้ยกระดับตัวเองขึ้นจากหลุมดำได้อย่างสุดยอดไม่ว่าจะเป็นการดวลกับนักเตะอย่าง ลีโอเนล เมสซี่ หรือ เอแด็น อาซาร์ จนกลายเป็นที่ชื่นชอบ และรักจากแฟนๆ อย่างรวดเร็ว พร้อมทิ้งฝันร้ายเมื่อเดือนพฤศจิกายนลงถังขยะไปหมดสิ้น

    หลังจากถูกส่งตัวเข้าสู่ชั่วโมงที่มืดมิดที่สุดในเกมกับปืนใหญ่ เขาก็เจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ในตอนจบ

    ใครจะไปเชื่อ 10 เดือนนับจากที่ถูกตราหน้าว่า 'ล้มเหลว'

    เวลานี้ ฟาบินโญ่ ไม่เพียงแต่เป็นกองกลางดีที่สุดของทีม แต่นี่คือหนึ่งในชื่อแรกที่จะอยู่ในทีมชีตแบบขาดหายไปไม่ได้แล้ว

    พูดง่ายๆ ก็คือ ขาดเธอเหมือนขาดใจ

    พาสต้า


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด