พุกกี้ (ที่ไม่ต้องมี) ชาลาล่า
5 ประตู จาก 4 เกมแรก ซึ่งรวมถึงแฮตทริกในเกมที่พบ นิวคาสเซิ่ล ทำให้ดาวยิง นอริช รั้งดาวซัลโวอันดับ 2 ของชาร์ตเหนือกว่านักเตะอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และเป็นรองเพียง เซร์คิโอ อเกวโร่ คนเดียวเท่านั้น
แต่บางทีมันอาจไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์จนเกินไป...
กองหน้าทีมชาติฟินแลนด์ถล่มตาข่ายได้ถึง 29 ลูกในแชมเปี้ยนชิพฤดูกาลที่แล้วจนพานกขมิ้นเหลืองอ่อนคว้าแชมป์ลีกพร้อมเลื่อนชั้นได้สำเร็จ
แต่แน่นอน นั่นคือการแข่งขันในระดับแชมเปี้ยนชิพ แต่คำถามก็คือเขาจะยังประสบความสำเร็จแบบนั้นบนเวทีพรีเมียร์ลีกเหรอ
???
การก้าวไปอีกสเต็ปที่ยิ่งใหญ่เป็นอะไรที่ยากมากสำหรับพวกดาวยิงในแชมเปี้ยนชิพ
ยกตัวอย่างเช่น มาเตย์ วิดร้า กองหน้าชาวเช็ก เขายิงระเบิดระเบ้อจาก 3 ซีซั่นที่เล่นในแชมเปี้ยนชิพ โดยแบ่งเป็น 2 ฤดูกาลกับ วัตฟอร์ด และ ดาร์บี้ ในปี 2017-18 ทว่าบนพรีเมียร์ลีก เขายิงได้รวมเพียงแค่ 4 ประตูเท่านั้น
มันเป็นไปทำนองเดียวกันกับทั้ง อันเดร เกรย์, แพทริก แบมฟอร์ด และ ดไวท์ เกย์ล
ทุกอย่างมันบ่งชี้ว่า พุกกี้ ก็น่าจะเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบากไม่แพ้กัน ยิ่งเมื่อพิจารณาจากอดีตที่เขาเคยค้าแข้งในลีกสูงสุดทั่วยุโรปมาก่อนด้วย
ย้อนกลับไป 10 ปีก่อน พุกกี้ ในวัย 18 ปี หอบผ้าหอบผ่อนมายัง เซบีย่า ยักษ์ใหญ่ในลา ลีกา แต่เขาก็มีโอกาสลงสนามเพียงเกมเดียวเท่านั้นจาก 2 ปีที่นั่น ก่อนที่จะซมซานกลับบ้านเกิดไปอยู่กับ เอชเจเค
นอกจากนี้ เขาก็ยังหนักไปทางล้มเหลวในบุนเดสลีการะหว่าง 2 ปีที่อยู่กับ ชาลเก้ ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว พุกกี้ ต้องอยู่ภายใต้ร่มเงาของ คลาส-แยน ฮุนเตลาร์ และตำนานชาวสแปนิชอย่าง ราอูล กอนซาเลซ
ถัดมาก็กับ เซลติก กับลีกระดับสกอตแลนด์นั้นไม่น่าจะเป็นอะไรที่ยากเกินไป ทว่าเขาก็ทำได้เพียง 7 ประตูจากการอยู่ที่นั่นแค่ฤดูกาลเดียว ทั้งที่ยอดทีมเมืองขี้เมาครองแชมป์ลีกได้อย่างยิ่งใหญ่ในปี 2013-14
แต่!!!
พุกกี้ ก็ทิ้งความล้มเหลวทั้งหมดของเขาไว้เบื้องหลัง พร้อมกับเหมือนได้ชีวิตใหม่กับ นอริช ภายใต้การคุมทัพของ ดาเนียล ฟาร์เค่ ซึ่งเป็นคนที่รู้วิธีการดึงศักยภาพของเขาออกมามากที่สุดแล้ว
หลังจากแรกเริ่มเดิมทีด้วยการเป็นกองหน้าตัวต่ำคอยสนับสนุน จอร์แดน โร้ดส์ หัวหอกตัวเป้าในช่วงต้นซีซั่นก่อน นายใหญ่ชาวเยอรมันก็จัดการย้าย พุกกี้ ไปยืนตัวสูง หลังจากที่ทีมแพ้ เวสต์บรอมวิช, เชฟฯ ยูไนเต็ด และ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในช่วงสัปดาห์แรกๆ
บทบาทใหม่ของเขากลายเป็นความสำเร็จชิ้นโตในทันที และมันก็เหมือนกับการผสมผสานความสามารถของเขาให้ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ในเกมไม่ว่าจะเป็นความขยัน หรือสายตามองหาประตูที่เฉียบคม
เมื่อถึงช่วงคริสต์มาส เขากดไปได้ทั้งสิ้น 13 ลูก และจบแชมเปี้ยนชิพด้วยการเป็นดาวซัลโวสูงสุด พร้อมคว้าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีด้วย
แต่แม้จะเปิดตัวในพรีเมียร์ลีกได้อย่างร้อนแรง มันก็ยากต่อการคาดหวังว่าเขาจะยืนระยะยาวๆ ไปตลอดรอดฝั่งเลยรึเปล่า
???
ก็อาจจะนะ ทว่าก็มีตัวอย่างดีๆ มากมายเหมือนกันของกองหน้าที่ดังมาจากแชมเปี้ยนชิพแล้วประเดิมพรีเมียร์ลีกด้วยความสำเร็จเลยในทันที
อย่างเช่น เควิน ฟิลลิปส์ เขายิงได้ 23 ลูกให้ ซันเดอร์แลนด์ ในซีซั่นที่คว้าแชมป์ลีกรองปี 1998-99 จนเลื่อนชั้น ซึ่งนั่นทำให้เจ้าตัวถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ด้วย ก่อนที่ฤดูกาล 1999-00 ในลีกสูงสุดปีแรก เขาไม่เพียงแค่คว้าดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก แต่ยังไปไกลถึงดาวซัลโวยุโรปด้วยที่จำนวน 30 ประตู
มันก็เหมือนกันหากจะพูดถึง แอนดี้ จอห์นสัน หัวหอก คริสตัล พาเลซ ที่ก้าวขึ้นมาเล่นพรีเมียร์ลีกในปี 2004-05 และยิงไป 21 ลูก เป็นอันดับสองรองจาก เธียร์รี่ อองรี คนเดียว
แน่นอน ยังมีคนอื่นๆ อีก ซึ่งก็อาจจะรวม ชาร์ลี ออสติน ที่ทำไป 18 ประตูให้ ควีนส์ปาร์ค ในปี 2014-15 โดยนั่นคือฤดูกาลแรกของเขาในลีกสูงสุด หลังจากปีก่อนหน้านั้นกระหน่ำ 17 ลูกในแชมเปี้ยนชิพ
นอกจากนี้ ชื่อของ ริคกี้ แลมเบิร์ต, แกรนท์ โฮลท์, เกล็นน์ มาร์รี่ย์ และ โอเดียน อิกาโล่ ก็ถือว่าเป็นนักเตะจากแชมเปี้ยนชิพที่ขึ้นมาแล้วแจ้งเกิดในพรีเมียร์ลีกเลยได้เหมือนกัน
ความจริงก็คือ มีกองหน้ามากมายที่ พุกกี้ สามารถใช้เป็นแรงบัลดาลใจให้ตัวเองได้
แม้จะยังเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นซึ่งกองหน้าฟินแลนด์อาจจะเป็นยังไงต่อก็ได้ แต่ในตอนจบเราอาจมีเซอร์ไพรส์กับจำนวนประตูของเขา
ปุ๊กกี้ คนอื่นอาจดังจากเพลง ชาลาล่า แต่ พุกกี้ คนนี้ไม่ต้องร้อง ชาลาล่า ก็ดังได้
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT