การเดิมพันครั้งสำคัญของมอยส์
กลับมาคราวนี้ไม่รู้จะสร้างความสั่นสะท้านอะไรให้กับวงการลูกหนังอีก
อย่างไรก็ทราบกัน นับตั้งย้ายตูดออกจากถิ่นกูดิสัน พาร์ค กราฟชีวิตของ เดวิด มอยส์ มีแต่ดิ่งลงเหว
แถมเหวนั้นมันเป็นเหวลึกเลยเสียด้วย
สร้างชื่อขึ้นมากับเอฟเวอร์ตัน
เริ่มจากพา แมนฯ ยูไนเต็ด ชวดไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1995 และจบในตำแหน่งนอก 3 อันดับแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกโน่นเลย
ไม่แปลกที่ มอยส์ จะโดนผีแดงเด้งออกจากตำแหน่งกุนซือตั้งแต่ยังไม่ปิดซีซั่น
จากนั้น ก็ระหกระเหินไปใช้ชีวิตอยู่ในสเปน กับ เรอัล โซเซียดาด โดยความทรงจำที่ดีหนึ่งเดียวเลยคือการพาทีมเอาชนะ บาร์เซโลน่า 1-0 จากนั้นไม่มีอะไรให้จำจนโดนไล่ออกอีกครั้งหลังทำงานได้ปีเดียว
ที่ชัดเจนสุดเลยก็คือผลงานในการคุมทีม ซันเดอร์แลนด์
อย่างที่ทราบ แม้แมวดำจะเป็นพวกหนีตกชั้นเกือบทุกฤดูกาลอยู่แล้ว ทว่าก็เอาตัวรอดมาได้ทุกปี กระทั่งมาถึงมือ มอยส์ ที่ทำแบบตกยาวๆ ไม่ต้องฟื้นกันเลย
ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงกับทีมผีแดง
หลังจากจบฤดูกาล กุนซือเลือดสกอตติชก็โบกมือลาสเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ พร้อมหายหน้าหายไปจากวงการลูกหนังอยู่พักใหญ่
และเรื่องที่หลายคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
เวสต์แฮม ออกสตาร์ทซีซั่นห่วยแตกจน สลาเวน บิลิช ต้องสังเวยตำแหน่งผู้จัดการทีม
ไม่นานเท่าไหร่ ชื่อของ มอยส์ กลับมาพัวพันกับทั้ง เดวิด โกลด์ และ เดวิด ซัลลิแวน
ห่วยต่อเนื่องจนโดนโซเซียดาดไล่ออก
ในที่สุด เขาก็กลับมาผงาดในโลกลูกหนังอีกครั้งในฐานะกุนซือเดอะ แฮมเมอร์ส
มีใครยังเชื่อมือ มอยส์ อยู่ไหม...
ทุกฝ่ายประสานเสียงกันชัดเจน
"ไม่"
ขนาดกระแสกองเชียร์ขุนค้อนในเมืองผู้ดียังไม่เชื่อใจเลย เว้นเพียงบอร์ดบริหาร เวสต์แฮม ที่ต้องการกุนซือคนนี้จนตัวสั่น
ต้องติดตามดู ว่าช่วงเวลา 6 เดือนจากนี้ มอยส์ จะสามารถหาจุดเปลี่ยนให้เดอะ แฮมเมอร์ส ได้รึเปล่า เนื่องจากปัจจุบันทีมก็หล่นไปอยู่ในโซนตกชั้นแล้ว พร้อมกับปัญหามากมายให้ต้องสะสาง
มันมีหลายจุดสำคัญมากที่ มอยส์ จะต้องลงมือแก้ไข
แมวดำคือเหยื่อล่าสุดที่มอยส์พาตกชั้น
เกมรับอันอ่อนยวบคือสิ่งแรกที่ต้องรีบลงมือทำอย่างไวที่สุด หลังเวสต์แฮมกลายเป็นทีมที่เสียประตูมากสุดในลีกถึง 23 ลูก บิลิช ยืนกรานใช้ระบบกองหลัง 3 ตัวในหลายสัปดาห์หลัง แต่ขุนค้อนไม่มีนักเตะที่เหมาะสมกับระบบดังกล่าวเลย
นอกจากนี้ เหล่านักเตะที่ซื้อกันมาแพงแสนแพงก็โชว์ฟอร์มได้ไม่สมราคา อาทิ มาร์โค อาร์เนาโตวิช ที่ทำผลงานอย่างโดดเด่นกับ สโต๊ค แต่ฟอร์มตกอย่างน่าใจหายตั้งแต่ย้ายเข้าสู่ถิ่นลอนดอน สเตเดี้ยม
มันอาจเพราะค่าตัวเป็นสถิติสโมสร 25 ล้านปอนด์เมื่อซัมเมอร์ทำให้ดาวเตะออสเตรียกดดันกับการทนแบกความคาดหวังมากเกินไป
ต้องดูว่าจบซีซั่นแล้วจะยังยิ้มแบบนี้ไหวรึเปล่า
เขาโดนไล่ออกในเกมนัด 2 ที่พบกับ เซาธ์แฮมป์ตัน และฟอร์มดำดิ่งนับตั้งแต่นั้น เขาแม้กระทั่งถูกส่งเสียงโห่ในเกมเปิดรังแพ้ ไบรท์ตัน เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
อีกคนก็เป็น ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ 'ชิชาริโต้' ที่ยังทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย
เขาได้รับการคาดหวังค่อนข้างสูงตอนย้ายมาซบเวสต์แฮม แต่ บิลิช ล้มเหลวในการดึงฟอร์มที่ดีที่สุดของ ชิชาริโต้ ออกมา
ตั้งแต่ย้ายมาจาก เลเวอร์คูเซ่น ด้วยค่าตัว 16 ล้านปอนด์ เขายังไม่เจอฟอร์มเก่งและการจะให้เขายิงประตูนั้น เขาจำเป็นต้องถูกส่งลงสนามมากขึ้น
นอกจากแข้งใหม่แล้ว นักเตะเก่าซึ่งเคยเป็นคีย์แมนสำคัญอย่าง มาร์ค โนเบิ้ล ก็ฟอร์มตกสุดขีด
แล้วแบบนี้ เขาคู่ควรกับตำแหน่งตัวจริงหรือไม่? หรือบางที มอยส์ ควรเลือกใช้งานเขาตอนที่สามารถสร้างผลกระทบสำคัญต่อทีมในเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
สุดท้าย เรื่องที่สำคัญ และต้องรีบทำอย่างที่สุดคือการเรียกความเชื่อมั่นของทีมให้กลับมา
กุนซือชาวสกอตจำเป็นต้องดึงความเชื่อมั่นกลับมาสู่ทีมซึ่งเก็บชัยชนะเพียง 2 นัด จาก 11 เกมแรกในลีก
สมัยช่วงปลายของบิลิช เขามักเกิดความกลัวว่าจะโดนปลดหากทีมจะต้องแพ้หรือเสมอ ดังนั้น มอยส์ ต้องเรียกคืนความเชื่อมั่นที่เขาเคยมีกับ เอฟเวอร์ตัน และถ่ายทอดมันให้กับนักเตะโดยด่วน
ถ้าทำได้ทั้งหมดที่ว่ามา และขุนค้อนอยู่รอดปลอดภัยตามเป้า
มอยส์ คงจะกู้ชื่อเสียงเก่าๆ ของเขากลับคืนมาได้อีกครั้ง
แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ
มอยส์ ก็ยังคงจะเป็นตัวตลกในสายตาแฟนบอลต่อไป
ส่วน เวสต์แฮม ก็คงตลกไม่ออกกับการต้องไปเริ่มต้นใหม่ในแชมเปี้ยนชิพ
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT