เมื่อฟีร์มีโน่สไตล์กำเนิดขึ้น...
โลกเราได้สร้างตำแหน่งของ 'มากาเลเล่' ขึ้นมา โดยกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการลูกหนัง
แต่ความเฉลียวฉลาดที่ยากจะหาได้ของ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ หมายความว่าเราอาจต้องเพิ่มตำแหน่งของ 'ฟีร์มีโน่' เพิ่มขึ้นมาอีก
เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ นักเตะยอดเยี่ยมยุโรปแสดงความเชื่อมั่นด้วยการชื่นชมดาวเตะบราซิเลี่ยนว่าเป็นผู้เล่นดีที่สุดที่เขาเคยเล่นด้วย
เจอร์เก้น คล็อปป์ คนที่รู้จัก ฟีร์มีโน่ เป็นอย่างดีตั้งแต่สมัยที่เขาอยู่ ฮอฟเฟ่นไฮม์ แทบไม่อยากเชื่อว่า ลิเวอร์พูล จะสามารถเซ็นสัญญากับเขาด้วยค่าตัวเพียงแค่ 29 ล้านปอนด์ในเดือนมิถุนายน ปี 2015
"เมื่อตอนที่ผมเห็น ลิเวอร์พูล เซ็นสัญญากับเขา ผมได้แค่คิดว่า 'ลิเวอร์พูลเนี่ยนะ?" คล็อปป์ กล่าว
"พวกเขาไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดแบบเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ในตอนนั้น และสโมสรอื่นๆ ก็อาจจะยอมจ่ายมากกว่านี้เพื่อเขา ดังนั้นผมจึงคิดในทันทีว่า 'มันเป็นการซื้อที่สุดยอดสำหรับพวกเขาจริงๆ"
4 ปีถัดมา ฟีร์มีโน่ แทบจะกลายเป็นลมหายใจของหนึ่งในสโมสรที่ดีที่สุดในโลก
บทบาทของดาวเตะวัย 27 ปีในทีมนั้นได้กลายเป็นอะไรที่ลงตัว และเฉพาะเจาะจงในการทำให้เหล่ากองหลังงุนงงกับรูปแบบการเล่นของเขา
แต่ไม่ใช่ว่าเขามาถึงวันนี้พร้อมเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบหรอกนะ หากยังจำกันได้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เคยใช้งาน ฟีร์มีโน่ ในตำแหน่งวิงแบ็กฝั่งซ้ายกับหนึ่งในการคุมทีมช่วงท้ายๆ ของเขาในถิ่นแอนฟิลด์ ซึ่งนั่นถือเป็นอีกวันที่เมอร์ซี่ย์ไซด์มืดมนมาก
กับทุกวันนี้ดาวเตะทีมชาติบราซิลไม่เพียงแค่เป็นกองหน้าตัวเป้าเท่านั้น เขาอยู่ที่นั่น และทุกๆ ที่ด้วยเช่นกัน
วันที่ ฟีร์มีโน่ เป็น 'ฟอลส์ไนน์' ช่วงแรกๆ ซีซั่นนั้นแม้มันจะเป็นปีที่ฟุตบอลสมัยใหม่เริ่มแผ่ขยายเข้ามา แต่มันก็ยังค่อนข้างปิดกั้นเกินกว่าที่จะอธิบายถึงสิ่งที่เขาทำในวันนี้
เชส ฟาเบรกาส ที่ บาร์เซโลน่า เป็นคนต้นแบบ และเป็นคนแรกที่สวมบทบาทนั้นได้อย่างเพอร์เฟ็กท์
แต่ ฟีร์มีโน่ นั้นเป็นอะไรที่มากกว่านั้น เขาสามารถเป็นได้ทั้งหมายเลข 9, หมายเลข 10, หมายเลข 8 และทางเลือกริมเส้นก็ไหว บางครั้งก็ไปยังพื้นที่อื่นๆ อีกด้วย
เขาไม่ได้เป็นคนที่ได้รับการเชิดชูมากที่สุด หรือมีรางวัลติดตัวกลับบ้าน นั่นเพราะความสามารถของเขานั้นลึกซึ้งเกินกว่าที่ใครหลายคนจะเข้าใจ
ตัวอย่างก็เช่นเกมเมื่อวันเสาร์
คล็อปป์ เลือกที่จะพักอัญมณีที่มีค่าในนัดเผชิญหน้า นิวคาสเซิ่ล เนื่องจากตารางแข่งขันที่อัดแน่น ซึ่งก็มีทั้งเกมที่ไปแพ้ นาโปลี และสุดสัปดาห์นี้กับ เชลซี อีกด้วย
ดิว็อก โอริกี้ ถูกกระโดดถีบให้ออกสตาร์ทตัวจริง และ ซาดิโอ มาเน่ ก็ขยับเข้าไปยืนตรงกลางในแผง 3 แนวรุก ซึ่งกลายเป็นว่าเกมของหงส์แดงดูเฉื่อยชาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในซีซั่นนี้
โชคร้ายที่กลายเป็นดี เมื่อ โอริกี้ บาดเจ็บข้อเท้าจนต้องออกจากสนาม และเป็น ฟีร์มีโน่ ที่แทกมือลงมาแทนก่อนพักครึ่ง
ตลอดทั้ง 55 นาทีบนฟลอร์หญ้าในวันนั้น ฟีร์มีโน่ สร้างความหวาดกลัวให้กับหลังบ้าน และแดนกลางของสาลิกาดง พร้อมมีผลงานเป็น 2 ซูเปอร์แอสซิสต์ติดตัว
https://twitter.com/TheAnfieldWrap/status/1173619721377390599
ไม่เหมือนใคร, ประเมินค่าไม่ได้, เวิลด์คลาส นั่นคือคำอธิบายที่ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน มีต่อ บ็อบบี้ ฟีร์มีโน่
เวทมนต์ของเขาคือการเล่นระหว่างแนวเซนเตอร์แบ็ก กับตัวโฮลดิ้งมิดฟิลด์ ซึ่งค่อนข้างจะชินกับจังหวะวิ่งแบบดั้งเดิม หรือการดวลลูกกลางอากาศมากกว่า
การต่อสู้ และความท้าทายเหล่านั้นยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
กลายเป็นว่าพวกนั้นถูกตรึงกางเขนด้วยการเคลื่อนที่ของ ฟีร์มีโน่ ดังนั้นมันเลยสร้างที่ว่างให้กับทั้ง มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รวมถึงคนอื่นๆ ในการโจมตี
ตั้งแต่ที่ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ทำตัวเป็นลูกไม่รักดีหนีตามผู้ชายไปยัง บาร์เซโลน่า บ็อบบี้ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชาติของเขาได้กลายเป็นหัวเรือใหญ่สำหรับการสร้างสรรค์โอกาสในถิ่นแอนฟิลด์
ถ้าคุณรวม 2 แอสซิสต์ของเขาในยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ นัดชิงเข้าไปด้วย ตอนนี้ ฟีร์มีโน่ ทำไปแล้ว 5 แอสซิสต์ในฤดูกาลนี้ พร้อมกับสกอร์อีก 2 ลูก
แต่ด้วยสถิติด้านอื่นๆ ทำให้เขามีความพิเศษมากกว่าใคร
ฤดูกาลที่แล้ว ฟีร์มีโน่ เป็นนักเตะเพียงคนเดียวในพรีเมียร์ลีกที่มีการสร้างสรรค์โอกาส 50+ และชนะในการเข้าแท็คเกิ้ล 60+
เมื่อราว 10 ปีก่อนจนถึงปัจจุบัน บรรดาตัวรับหลายเขาคนพยายามเลียนแบบการเล่นบทบาท มาเกเลเล่ ในตำแหน่งของพวกเขา
แต่ในวันนี้ เราอาจต้องเพิ่ม 'บทบาทฟีร์มีโน่' เข้าไปอีกตำแหน่งในสารบัญฟุตบอลแล้วล่ะ
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT