ก่อนจะมี แซร์ช นาบรี้ ในวันนี้
โทนี่ พูลิส ถือว่าพวกเขาเป็นตัวเลือกที่ดีกว่านักเตะที่ชื่อ แซร์ช นาบรี้ ในระหว่างที่เขาค้าแข้งอยู่กับ เวสต์บรอมวิช ในพรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2015-16
เมื่อมองถึงผลงานร้อนแรงเมื่อเร็วๆ นี้กับ 4 ประตูในแชมเปี้ยนส์ลีกเกมปาดคอไก่ พอมองย้อนกลับไปมันเลยทำให้เกิดคำถามถึงการตัดสินใจของ พูลิส ในเวลานั้นที่ส่งดาวรุ่งชาวเยอรมันลงเล่นเพียงเกมเดียว ก่อนกระโดดถีบส่งเขาคืนกลับ อาร์เซน่อล ที่ยืมตัวมา
แต่ยิ่งคุณคิดถึงมันมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมองว่า พูลิส มีตาหามีแววไม่มากขึ้นเท่านั้น
เอาจริงๆ มันอาจไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้
นาบรี้ ย้ายมาร่วมทัพเดอะ แบ็กกี้ส์ ซึ่งจบด้วยอันดับที่ 13 ในฤดูกาลก่อน ด้วยการเป็น 9 แต้มเหนือโซนตกชั้น แถมตลอดซีซั่นนั้นยังมีการใช้งานผู้จัดการทีมถึง 3 คนด้วยกัน
เมื่อพิจารณาถึงความวุ่นวายในการบริหารจัดการของทีมในขวบปีก่อนหน้านั้น คำว่าเสถียรภาพคงเป็นสิ่งหลักที่อยู่ในหัวของ พูลิส สำหรับการคุมทีมแบบเต็มซีซั่นครั้งแรก
ด้วยเหตุนี้แหละ ทำให้ความเชื่อมั่นในตัวดาวเตะวัย 20 ปี ซึ่งเคยลงเล่นในพรีเมียร์ลีกไป 10 นัดในช่วงก่อนหน้านั้นไม่เกิดขึ้น
กับ 10 เกมแรกในพรีเมียร์ลีกซีซั่น 2015-16 นาบรี้ ต้องพบว่าตัวเองถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรองเพียงแค่เกมเดียว ขณะที่ เวสต์บรอมวิช ก็รั้งอยู่อันดับ 8 ของตาราง
เวลานั้น เดอะ แบ็กกี้ส์ ใช้แผนการเล่น 4-4-2 หรือบางทีก็ 4-3-3 ซึ่งขึ้นอยู่กับ พูลิส ว่ารู้สึกว่าใครควรจะได้ออกสตาร์ทตัวจริงทางฝั่งขวามากกว่ากันระหว่าง เคร็ก การ์ดเนอร์, แม็คมานามาน และ แซสเซอญง ขณะที่ นาบรี้ นั้นไม่ได้อยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ
ผลักเวลาให้เดินหน้าไปถึงเดือนมกราคมปีนั้น นาบรี้ ถูกส่งตัวคืน อาร์เซน่อล ในตอนที่ เวสต์บรอมวิช รั้งอันดับ 12 ซึ่งค่อนข้างสบายกับสถานการณ์หนีตกชั้น
มันอาจฟังดูเหมือน พูลิส เป็นฆาตกรสำหรับการแจ้งเกิดของดาวรุ่งรายนี้ แต่เอาเข้าจริงเขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับการพัฒนาแข้งอนาคตไกลของปืนใหญ่ในขณะที่ยืมตัว สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็คือจะทำอย่างไรให้ต้นสังกัดอยู่รอดปลอดภัยในพรีเมียร์ลีกต่อไป
หาก นาบรี้ ในตอนนั้นเล่นด้วยฟอร์มปัจจุบันของเขาในเวลานี้ เชื่อขนมกินได้เลยว่า พูลิส ก็น่าจะสร้างทีมโดยมีเขาเป็นศูนย์กลางอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ความจริงอันง่ายดายก็คือ นาบรี้ ยังคงเป็นเด็กที่ไร้ประสบการณ์ในลีกสูงสุด
พูลิส เองก็ไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่ในตลาดซื้อขายนักเตะ ดังนั้นบางคนก็อาจจะเชื่อว่าเขาเองก็ไม่ได้มีความมั่นใจในตัวของ นาบรี้ สักเท่าไหร่
ในซัมเมอร์นั้น นักเตะอย่าง ซาโลมอน รอนดอน, จอนนี่ อีแวนส์ และ แม็คคลีน ก็ถูกดึงตัวเข้ามาพร้อมกับปีกชาวเยอรมัน ด้วยชื่อชั้น และประสบการณ์จึงไม่แปลกที่คนอื่นๆ จะเป็นกำลังสำคัญของ เวสต์บรอมวิช จนพาทีมจบอันดับ 14 ในตารางคะแนน
มันช่างต่างจากชีวิตของ นาบรี้ เสียเหลือเกิน ดาวเตะรายนี้ถูกส่งตัวคืนเดอะ กันเนอร์ส แบบไร้เยื่อใย และกลายเป็นว่าอนาคตของเขาในเส้นทางค้าแข้งทำท่าจะไม่สวยสักเท่าไหร่ในครึ่งหลังของซีซั่นนั้น
อย่างไรก็ตาม โอกาสก็ยังมี เมื่อ นาบรี้ ย้ายไปร่วมทีม แวร์เดอร์ เบรเมน หลังเขาประสบความสำเร็จอย่างสูงในฟุตบอลโอลิมปิก 2016 นั่นแหละที่เราได้เริ่มเห็นนักเตะซึ่งสร้างฝันร้ายให้กับ สเปอร์ส ในอีก 3 ปีถัดมา
ดังนั้นหากคุณจะมองหาคนผิดที่ นาบรี้ แจ้งเกิดไม่ได้ในเวลานั้น อาแซน เวนเกอร์ ก็มีส่วนด้วย เพราะเขาได้ตัดสินใจปล่อยยืมหนึ่งในดาวรุ่งอนาคตไกลไปยังสโมสรที่ไม่มีอะไรเข้ากันได้สักอย่างเลย
ทว่าเมื่อมองให้ลึกลงไปอีกชั้นก็อย่างไปโทษ เวนเกอร์ เลย เราต้องยอมรับว่าฟุตบอลสมัยนี้คือธุรกิจ
มันไม่เหมือนเกม ฟุตบอล เมเนเจอร์ ที่คุณจะให้ใครลงเล่นก็ได้โดยไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT