ตื่นเถอะ!...เซาธ์เกต

    สำหรับแฟนบอลหลายคนที่อาจไม่ได้สนใจการแข่งขันฟุตบอลโลกเพราะความชิน และชา ในช่วง 15 เดือนที่แล้ว เซาธ์เกต ได้เรียกศรัทธาของทัพสิงโตกลับมาอีกครั้ง

    ความพ่ายแพ้ในรอบตัดเชือก แม้มันจะทำให้พวกเขาไปไม่ถึงดวงดาว แต่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และนับแต่นั้น เซาธ์เกต และทีมชาติอังกฤษก็เหมือนจะมีแต่ช่วงขาขึ้น

    แน่นอนปัจจัยความรู้สึกดีๆ ได้โถมเข้าหากองเชียร์อีกครั้ง

    กระนั้น ด้วยผลงาน และฟอร์มการเล่นในนัดล่าสุดกลับนำพาความน่ากังวลกลับมายังทัพสิงโต และเป็นครั้งแรกที่ความสงสัยเริ่มคืบคลานเข้ามา

    อันที่จริง เมื่อมองไปยังทีมอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน อังกฤษก็เหมือนกับคนที่น่าจะเดินเล่นในสวนหญ้าของเวทียูโร 2020 รอบคัดเลือก

    คู่ต่อสู้ใกล้เคียงที่สุดของพวกเขาก็คือ สาธารณรัฐเช็ก ซึ่งก็ยังไม่ถึงกับดีเท่าไหร่ และเต็มไปด้วยเด็กหน้าใหม่ รวมถึง โคโซโว ที่ยกระดับความแข็งแกร่งขึ้นมา

    แต่ทีมของ เซาธ์เกต ก็ต้องพบกับโลกของความเป็นจริงในการแข่งขันตลอด 2 นัดหลังสุด โดยเฉพาะกับเกมที่แพ้ เช็ก 1-2 ในกรุงปราก เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้นถือเป็นการหยุดสถิติไร้พ่ายในรอบคัดเลือกตลอด 10 ปีเลยทีเดียว

    เซาธ์เกต ได้รับการยกย่องในเรื่องของความมุ่งมั่นต่อการสร้างแข้งเจนใหม่ขึ้นมา ประสบการณ์ของเขากับพวกเด็กๆ ถือเป็นปัจจัยที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจน

    การเลือกทีมของเขาตลอด 2 เกมหลังในรอบคัดเลือกไม่ว่าจะเป็นนัดชนะ โคโซโว 5-3 หรือเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มันทำให้ใครหลายคนเริ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

    แนวรับอันยอดเยี่ยมทั้งหมดนั้นสร้างขึ้นจากความแข็งแกร่ง และความเข้าใจกันของคู่พาร์ทเนอร์ ซึ่งนั่นอาจชี้ให้เห็นถึงการจับคู่ที่เขาพยายามปั้นให้ ไมเคิ่ล คีน เป็นตัวหลักร่วมกับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์

    แต่ คีน ดูจะต้องดิ้นรนมาตลอดตั้งแต่เปิดฤดูกาลกับ เอฟเวอร์ตัน และแผลของเขาก็ถูกเปิดอย่างชัดเจนในการลงเล่นให้ทัพสิงโตตลอดทั้ง 2 นัด

    เขาเป็นคนพลาดที่ส่งบอลให้เข้าเท้านักเตะโคโซโวจนกระทั่งเสียประตูตั้งแต่นาทีแรกที่เซนต์ แมรี่ส์ และจากนั้นก็ผิดพลาดในการประกบ ซเดเน็ค ออนดราเซ็ค กองหน้า เช็ก ที่โผล่มายิงประตูชัยในช่วงท้ายเกม

    ก่อนหน้านี้ถ้าใครยังจำกันได้ เซาธ์เกต ได้ย้ำนักย้ำหนาว่านักเตะของเขาจะต้องมีฟอร์มการเล่นที่ดีในระดับสโมสรเพื่อที่จะต่อสู้กับตำแหน่งในทีมชาติ นั่นจึงไม่แปลกที่ โจ โกเมซ จะต้องกลายเป็นขาประจำบนม้านั่งสำรอง

    แต่แข้งตัวเข้มที่ เซาธ์เกต ขีดเส้นใต้เอาไว้บางคนก็ไม่เห็นว่าจะเป็นไปตามมาตรฐาน และ คีน เองก็ดูจะไม่ได้เป็นไปตามนั้น

    นอกจากนี้ เซาธ์เกต เองก็เหมือนกับคนที่กลืนน้ำลายตัวเองกับการเลือกใช้งานฟูลแบ็กของเขา

    แดนนี่ โรส ถือเป็นตัวอย่างที่ดี เขาไม่ได้มีฟอร์มที่เจิดจรัสกับ สเปอร์ส ในช่วงหลังเลย แต่ก็ยังได้รับการการันตีให้เป็นตัวเลือกเหนือ เบน ชิลเวลล์ ทางกราบซ้าย

    ส่วนอีกฝั่งหนึ่งก็ดูจะเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากกว่า และการดื้อแพ่งกับ คีแรน ทริปเปียร์ ดูจะเป็นอะไรที่ผิดพลาดอีกครั้ง

    เทรนท์-อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ คือผู้เล่นที่สร้างสรรค์โอกาสมากที่สุดของสโมสรซึ่งกำลังคว้าชัยมา 17 นัดติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก รวมถึงพ่วงดีกรีแชมป์ยุโรป

    แบ็กขวาจากหงส์แดงทำไป 19 แอสซิสต์ในตำแหน่งนี้ตั้งแต่ที่ออกสตาร์ทฤดูกาลที่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่สามารถทำแบบนั้นได้กับการเล่นให้ประเทศบ้านเกิด

    นอกจากเรื่องของ เทรนท์ แล้ว เซาธ์เกต ก็ยังเลือกมิดฟิลด์ได้ค่อนข้างน่าหงุดหงิด

    อาการป่วยของ เจมส์ แมดดิสัน ทำให้เขาพลาดอยู่ในทีมชุดเผชิญหน้ากับ เช็ก และยังคงต้องรอโอกาสประเดิมทีมชาติชุดใหญ่นัดแรกต่อไป

    ทว่าการที่ แมดดิสัน ถูกปฏิเสธการลงสนามในเกมก่อนหน้านี้ก็เป็นเรื่องที่ยากเกินจะเข้าใจได้เหมือนกัน

    จากสถิติ ไม่มีนักเตะคนไหนที่สร้างสรรค์โอกาสได้มากกว่า แมดดิสัน อีกแล้วในพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ออกสตาร์ทซีซั่นก่อน

    ในขณะที่กลุ่มก้อนคล้ายๆ กันอย่างพวก เจดอน ซานโช่, เมสัน เมาท์ และ ดีแคลน ไรซ์ กลับถูกโยนลงไปวาดลวดลายเกือบจะทันที ทว่า แมดดิสัน กลับต้องรอต่อไป

    โชคดีของ เซาธ์เกต ที่เรื่องจริงจาก เช็ก อาจเป็นการทำให้พวกเขาตื่นจากฝัน ซึ่งนั่นน่าจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการ

    แน่นอน ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ก็คงไม่ได้ขวางทางที่อังกฤษจะเอาตัวเองไปอยู่ในยูโร 2020 แต่หากพวกเขาต้องการที่จะสร้างความประทับใจอย่างแท้จริงแล้วล่ะก็ เซาธ์เกต ควรต้องเริ่มค้นหาความลงตัวที่ถูกต้องในสนามให้ได้

    ดีไม่ดี มันอาจเริ่มต้นในเกมกับ บัลแกเรีย คืนวันจันทร์นี้เลย

    พาสต้า