'แม็คโทมิเนย์' ที่ไม่ใช่แค่ 'แม็คซอส'
แต่เราก็ต้องยอมรับว่าทั้งสองรายหลีกหนีความคล้ายคลึงกันยากเหลือเกิน ทั้งสองก้าวขึ้นมาจากอะคาเดมี่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด สู่ทีมชุดใหญ่ ทั้งสองเล่นตรงกลางสนามเหมือนกัน และทั้งสองก็รับใช้ทีมชาติสกอตแลนด์เหมือนกัน
นอกจากนี้ ทั้งสองก็ต่างดิ้นรนพอสมควรกับการโน้มน้าวใจกองเชียร์เพื่อเป็นที่ยอมรับของสาวกผีแดง
สำหรับ เฟร็ทเชอร์ นั้นได้รับการปกป้องจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นส่วนใหญ่ในช่วงเวลาของเขาภายใต้การคุมทัพของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เนื่องจากเวลานั้นสื่อสังคมออนไลน์ยังไม่ได้แรงมากขนาดนี้
อย่าง เฟซบุ๊ค ก็ไม่ได้คลอบคลุมเราเหมือนทุกวันนี้จนกระทั่งปี 2004 โดยให้หลังปีนึง เฟล็ทเชอร์ ก็ทะลุขึ้นมาเปิดตัวกับทีมชุดแรก ขณะที่ผู้คนก็ยังไม่ได้ทวีตเดือดถึงเขาจนกระทั่งปี 2006
เวลานั้น ฟอรัม บีบีซี 606 คือพื้นที่สำหรับแฟนบอลที่กำลังมองหาช่องทางระบายความหัวร้อนผ่านแป้นคีย์บอร์ด แต่ถ้า เฟล็ทเชอร์ ไม่ได้ต่อสายโทรศัพท์เพื่อเล่นอินเตอร์เน็ตเป็นประจำแล้ว เขาก็คงไม่โดนคำวิจารณ์เหล่านั้นทำร้ายอะไรได้
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เฟล็ทเชอร์ จะถูกละเว้นจาก รอย คีน หรอกนะ อดีตมิดฟิลด์ขาโหดชาวไอริชถึงความสามารถของ เฟล็ทเชอร์ ผ่านช่องทางทีวีในบ้านเกิดของเขาหลังจากที่ ยูไนเต็ด แพ้ มิดเดิ้ลสโบรช์ 4-1
ทว่า เฟล็ทเชอร์ ก็ยักไหล่กับเสียงวิจารณ์ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และแชมเปี้ยนส์ลีก
นอกจากนี้ ดาวเตะซึ่งปัจจุบันอายุ 35 ปียังเคยมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมประจำปีของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2009-10 อีกด้วย โดยฟอร์มของเขาถึงขนาดเบียด แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่ยิงไป 22 ลูกในฐานะมิดฟิลด์ตัวกลางหลุดโผไปเลย
วกกลับมาที่ แม็คโทมิเนย์ แม้จะเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่เสียงวิจารณ์ต่อตัวเขานั้นทะยานเพิ่มไปเป็น 10 เท่าเพราะโลกโซเชียลมีเดียอันเร่าร้อน
หากมองให้ดีในยุคของ เฟล็ทเชอร์ เขายังมี พอล สโคลส์, นิคกี้ บัตต์, คีน, เดวิด เบ็คแฮม และ ไมเคิ่ล คาร์ริค รายล้อมอยู่รอบกาย ขณที่ แม็คโทมิเนย์ หันซ้ายหันขวาก็เจอแค่ เฟร็ด, อันเดรียส เปเรยร่า หรือกระทั่ง เนมานย่า มาติช
เช่นเดียวกับ เฟร็ทเชอร์ ที่มักจะตกเป็นเหยื่อของการถูกวิจารณ์ แต่ แม็คโทมิเนย์ ดูจะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นไฟในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
ที่ผ่านมา เราได้เห็นเหล่ากองเชียร์ของพวกอังกฤษติด 'มีม' ว่า 'McSauce' หรือ 'แม็คซอส' ให้ตัวเขาในทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นเหมือนการแซวแบบอารมณ์ประมาณอวยว่าไอ้นี่เก่งทั้งที่ใจจริงไม่ได้คิดอย่างนั้น มันหมายถึงการขาดความเชื่อมั่นในหมู่กองเชียร์ผีแดงบางคน
ทุกวันนี้ก็มี 'McDominant' หรือ เพิ่มขึ้นมาอีกในที่ติดแฮชแท็กของโลกโซเชียล แต่ไม่ว่าจะ 'แม็คซอส' หรือ 'แม็คโดมิแนนท์' แม็คโทมิเนย์ ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของทีมผีแดงทั้งในปัจจุบัน และอนาคตไปแล้ว
เรื่องนั้นมันชัดเจน เมื่อ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ไม่รอช้ารีบใส่ชื่อของดาวเตะวัย 22 ปีลงเล่นในเกมกับ สเปอร์ส เลยทั้งที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บมา ซึ่งบทสรุปก็คือเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นกลบรัศมีของคู่แข่งอย่าง แฮร์รี่ วิงค์ส, เดเล่ อัลลี่ และ มุสซ่า ซิสโซโก้ ไปเลย
ยิ่งไปกว่านั้นความสำคัญของเขาก็ถูกเผยออกมาอีกในเกมแมนเชสเตอร์ดาร์บี้ที่ผีแดงเป็นฝ่ายบุกชนะ แมนฯ ซิตี้ 2-0
กลายเป็นว่าตอนนี้ ยูไนเต็ด กลับคิดถึง แม็คโทมิเนย์ มากกว่า ปอล ป็อกบา เสียอีกในช่วงที่เจ็บข้อเท้าไปเหมือนกัน
ว่ากันว่าการปรากฎตัวของ แม็คโทมิเนย์ ในสนามทำให้ทุกคนรอบตัวต่างเล่นได้ดีขึ้นไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายของ เฟร็ด ที่เหมือนกลายเป็นคนละคนยามที่เขาได้จับคู่กับไอ้หนูเลือดวิสกี้รายนี้
หนุ่มชาวสกอตแลนด์ได้เข้ามาทำให้ตรงกลางสนามของ แมนฯ ยูไนเต็ด ดูสดชื่นมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการสร้างสรรค์ หรือตัดเกม
การเล่นของเขาอาจจะเหมือนกับการถูกตีกรอบ แต่เขาก็แสดงมันออกมาได้อย่างมั่นใจไม่ว่าจะเป็นคลาสของการจับบอล ผ่านบอล หรือการอ่านเกม
ต้องเข้าใจว่านี่ไม่ใช่ทีม วินเทจ ยูไนเต็ด ดังนั้นการที่แข้งวัย 22 ปีจะเอาชนะ เฟล็ทเชอร์ ที่คว้าได้ถึง 13 โทรฟี่ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นั้นยังแทบมองไม่เห็นทางข้างหน้า
แต่นั่นก็ไม่อาจหยุดย่างก้าวที่ยิ่งใหญ่ของ แม็คโทมิเนย์ ได้ และตอนนี้เขาก็ได้พิสูจน์แล้วว่ามีดีกว่าการเป็นแค่ไอ้ 'แม็คซอส' เยอะ
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT