:::     :::

แรงกดดันบนบ่าของ ยานิส ฮาจี้

วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
1,618
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ยานิส ฮาจี้ ต้องแบกรับความกดดัน และความหวังของทีมชาติโรมาเนียไว้บนบ่าของเขาในฐานะลูกชายนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศ

    ปัญหาก็คือเขาจะสามารถแบกรับทุกอย่างเอาไว้ได้หรือไม่

    ???

    ดาวเตะวัย 21 ปีประกาศตัวให้โลกได้รู้จักกับการที่พ่อของเขานั่งชมอยู่บนสแตนด์ในเกมยูโรปา ลีก รอบ 32 ทีม นัดแรก

    เรนเจอร์ส ตกเป็นฝ่ายตามหลัง 2-0 แต่ซูเปอร์สตาร์ผีดิบก็ทำ 2 ประตูอันยอดเยี่ยมให้สโมสรจากสกอตแลนด์พลิกสถานการณ์กลับมาชนะ บราก้า 3-2 โดยนัดสองก็เล่นกันไปแล้วในค่ำคืนวันพุธที่ผ่านมา

    สตีเว่น เจอร์ราร์ด กุนซือทัพไลท์ บลูส์ กล่าวว่า "พ่อของเขามาที่นี่ในค่ำคืนนั้น และผมก็มั่นใจว่าเขาต้องภูมิใจอย่างมากเลยทีเดียว"

    ฮาจี้ จูเนียร์ ถูกเซ็นสัญญายืมตัวมาจาก เกงค์ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังย้ายจาก วิโตรุล คอนสตานต้า มายังสโมสรลีกเบลเยียมด้วยค่าตัว 4 ล้านปอนด์ ตอนเดือนมิถุนายน ปี 2019

    ยานิส ซึ่งเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกลงเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่ของโรมาเนียไปแล้ว 10 นัด แต่มันก็ยังห่างไกลกับพ่อของเขาที่มีสถิติรับใช้ชาติถึง 125 เกมเลยทีเดียว

    หากย้อนกลับไปในยุค 1990 จอร์จี้ ฮาจี้ ถือเป็นหนึ่งในสตาร์ที่เฉิดฉายมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้

    หลังสร้างชื่อให้ตัวเองในบ้านเกิดกับ สเตอัว บูคาเรสต์ ไปแล้ว เขาก็ไปใช้เวลา 2 ปี กับ เรอัล มาดริด

    จากนั้นเขาก็ไปเล่นที่เซเรีย อา กับ เบรสชา ก่อนจะรีเทิร์นกลับมายังสเปนอีกครั้งกับ บาร์เซโลน่า และจบอาชีพค้าแข้งที่ยักษ์ใหญ่ลีกตุรกีอย่าง กาลาตาซาราย

    ทว่าผลงานระดับสโมสรของเขานั้นอาจไม่โดดเด่นเท่ากับฟอร์มที่ฉายออกมาในเวทีฟุตบอลโลก เมื่อ จอร์จี้ กลายเป็นที่รักของผู้ชมทั้งประเทศเมื่อได้เห็นเขาในทีวี

    เขาช่วยให้ โรมาเนีย ผ่านไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในศึกโกลด์ คัพ 94 ด้วยการเอาชนะ อาร์เจนตินา

    จากนั้น อีก 4 ปีถัดมาที่ฝรั่งเศส ทัพผีดิบก็อยู่ร่วมกลุ่มเดียวกับอังกฤษ ก่อนจะตกรอบ 16 ทีมในทัวร์นาเมนต์ที่น่าจดจำที่สุดสำหรับ ฮาจี้ และเหล่าผองเพื่อน ซึ่งพากันย้อมผมสีบลอนด์กันทั้งทีม

    เกือบ 2 ทศวรรษหลังจากที่เขารีไทร์ตัวเองจากอาชีพนักฟุตบอล ฮาจี้ ในวัย 55 ก็ยังคงรั้งดาวซัลโวสูงสุดของทีมชาติที่จำนวน 35 ประตู จาก 125 นัด

    เวลานี้ มันมาถึงยุคของลูกชายแสนรักแล้ว ยานิส ลืมตาดูโลกที่อิสตันบูลระหว่างที่พ่อของเขาค้าแข้งอยู่กับ กาลาตาซาราย

    ขณะที่ยังเด็ก ยานิส ได้เข้าไปอยู่ในอะคาเดมี่ฟุตบอลขนาดใหญ่ ซึ่งพ่อของเขาสร้างขึ้นด้วยราคากว่า 9 ล้านปอนด์เลยทีเดียว นั่นก็คือ จอร์จี้ ฮาจี้ ฟุตบอล อะคาเดมี่ ซึ่งมีนักเตะที่เข้าร่วมกว่า 300 คน และเป็นหนึ่งในอะคาเดมี่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรปด้วย

    นอกจากนี้ ฮาจี้ ซีเนียร์ ก็ยังเป็นเจ้าของทีม วิโตรุล คอนสตานต้า โดยจับมือกับเพื่อนซี้อย่าง จอร์จี้ โปเปสคู

    พรสวรรค์ของ ยานิส เป็นสิ่งที่ชัดเจน และเขาก็ก้าวกระโดดในเส้นทางค้าแข้งอย่างรวดเร็วในทีมอะคาเดมี่

    เขาเข้าร่วมทีม วิโตรุล และประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ครั้งแรกด้วยวัยแค่ 16 ปีเท่านั้น ขณะที่พ่อของเขาทำงานเป็นเทรนเนอร์ให้ทีม

    เมื่อเรือเล็กควรออกจากฝั่ง ในเดือนกรกฎาคม ปี 2016 ยานิส ย้ายไปร่วมทีม ฟิออเรนติน่า ในวัยเพียง 17 ปีด้วยค่าตัว 1.5 ล้านปอนด์ และลงสนามไป 2 นัดในเวทีเซเรีย อา

    อย่างไรก็ตาม เส้นทางมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เมื่อตลอดระยะเวลา 18 เดือนกับทัพวิโอล่าของ ยานิส นั้นถือว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ก่อนที่เขาจะกลับไปยัง วิโตรุล อีกครั้งในเดือนมกราคม ปี 2018

    เขาได้พบว่าฟุตบอลกลับมาเป็นที่รักของตัวเองอีกครั้ง และในเดือนกรกฎาคม ปี 2019 เขาเดินทางออกนอกประเทศอีกครั้งด้วยการย้ายไปร่วมทีม เกงค์ ในราคา 6.5 ล้านปอนด์

    กระทั่งปัจจุบันที่ ฮาจี้ จูเนียร์ ได้ย้ายมาอยู่กับ เรนเจอร์ส ด้วยสัญญายืมตัว 6 เดือน พร้อมอ็อปชั่นซื้อขาดในเดือนมกราคม ปี 2020

    ยานิส กล่าวว่า "การใช้นามสกุล ฮาจี้ บนเสื้อของคุณย่อมนำมาซึ่งความคาดหวัง และความกดดัน"

    "อต่ผมเกิดมาพร้อมกับความกดดันนี้อยู่แล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ใช่สิ่งที่สร้างปัญหาอะไรให้ผม"

    "เห็นได้ชัดว่าพ่อของผมเป็นแชมเปี้ยน และเขาก็เป็นคนที่คอยให้คำแนะนำผม แต่ถ้าให้ผมเลือกไอดอลเอง ผมเลือกที่จะชอบนักกีฬาชนิดอื่นอย่าง สตีเฟ่น เคอร์รี่"

    "ผมชอบเขามาก เพราะเขาโด่งดังใน เอ็นบีเอ แม่ว่าจะไม่มีใครเชื่อในตัวเขาก็ตาม เขาตัวเล็ก แต่ก็มีการทำงานอย่างหนัก และความทุ่มเทของเขาก็ทำให้กลายเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกได้"

    "แน่นอน ผมคุยกับเขา (จอร์จี้) ทั้งก่อน และหลังจบเกม มันเป็นความสัมพันธ์แบบพ่อ-ลูกตามปกติ ผมไม่ได้แค่พูดกับเขา แต่ยังเป็นทุกคนในครอบครัวด้วย"

    "เขาช่วยผมตั้งแต่ช่วงก่อนเกม และจากการที่เขาดูฟุตบอลมามาก เขาจึงรู้เกี่ยวกับคู่แข้งทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงช่วยผมด้วยเทคนิคนั้น แต่ส่วนใหญ่ผมก็รู้เองอยู่แล้วแหละว่าต้องทำอะไร"

    สำหรับนักเตะบางคน อย่างเช่น จอร์ดี้ ครัฟฟ์ นั้น ในอดีตก็พยายามที่จะเดินตามรอยเท้าพ่อของเขาให้ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่เป็นดังหวัง

    แต่ก็มีอีกหลายคนอาทิ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่เดินออกจากเงามืดของพ่อได้สำเร็จ

    ต้องดูว่า ยานิส ฮาจี้ จะเลือกเป็นแบบไหน...

    พาสต้า


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด