เก่งให้ตายก็ได้แค่พระรอง!
มันก็เหมือนกับการประกาศความยิ่งใหญ่ของใครสักคน ดังเช่นที่เห็นจาก โรนัลโด้, ฟรานซ์ เบ็คเคนเบาเออร์, ซีเนดีน ซีดาน หรือ โรนัลดินโญ่
แม้ล่าสุด มันเหมือนจะเป็นการผูกขาดระหว่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลีโอเนล เมสซี่ ไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครก็ยังอยากขึ้นโพเดี้ยมรับรางวัลบัลลงดอร์อยู่ดี แต่นักเตะชั้นยอดระดับโลกบางคนก็ดันไม่เคยได้รางวัลนั้นทั้งที่พวกเขาก็คู่ควร
นี่คือการรวบรวม 11 นักเตะที่ดีพอจะคว้าบัลลงดอร์ แต่เต็มที่ก็ได้แค่ที่ 2 เท่านั้น
ผู้รักษาประตู
จานลุยจิ บุฟฟ่อน
คุณต่างก็รู้กันอยู่แล้วว่ามันยากแค่ไหนที่ผู้รักษาประตูสักคนจะคว้ารางวัลบัลลงดอร์มาครองได้ และที่ผ่านมาก็มีเพียง เลฟ ยาชิน ตำนานมือกาวรัสเซียเท่านั้น แต่ บุฟฟ่อน ก็ถือว่าใกล้เคียงกับตำแหน่งดังกล่าวมากที่สุด
เขาเข้าวินเป็นอันดับสองรองจาก ฟาบิโอ คันนาวาโร่ เมื่อปี 2006 โดยแชมเปี้ยนส์ลีกถือเป็นถ้วยรางวัลเดียวนอกจากบัลลงดอร์ที่ บุฟฟ่อน ยังไม่เคยได้มาก่อน
บุฟฟ่อน ลงเล่นไปมากกว่า 650 นัดให้กับ ยูเวนตุส โดยเขาคว้าแชมป์เซเรีย อา มาแล้ว 9 สมัย แถมยังมีโกลเด้นโกลฟในฟุตบอลโลก ปี 2006 และผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของฟีฟ่าในปี 2017
แบ็กขวา
พอล ไบรท์เนอร์
โอเค ใช่ เรารู้ว่า ไบรท์เนอร์ ไม่ได้เป็นแบ็กขวา และเล่นในตำแหน่งกองกลางในช่วงที่พีคของเขา แต่ตำนาน บาเยิร์น มิวนิค สามารถเล่นได้ทุกพื้นที่ในสนาม และอ็อปชั่นนั้นก็คือแบ็กขวาด้วย
ชาวเยอรมันส่วนใหญ่ก็มักจะยกย่องให้ ไบรท์เนอร์ เป็นกองหลังที่มีความสุดยอดมากที่สุดในประวัติศาสตร์จากจำนวน 113 ประตูที่ยิงได้ตลอดอาชีพค้าแข้ง และเป็นสมาชิกของสโมสรสำคัญ ซึ่งยิงได้ 2 ประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายด้วย
ไบรท์ตัน คว้าแชมป์บุนเดสลีกา มา 5 ครั้งกับทีม เสือใต้ ก่อนจะย้ายไป เรอัล มาดริด ในขณะเดียวกันก็คว้าแชมป์ยุโรปกับสโมสร ในปีเดียวกับที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกกับทีมชาติเยอรมันตะวันตกด้วย
เซนเตอร์แบ็ก
ฟรังโก้ บาเรซี่
เราควรรวม บาเรซี่ อยู่ในลิสต์เหล่านี้หรือไม่? แน่นอนว่าเขาคือไอค่อนของ เอซี มิลาน และได้รับการยกย่องจากโดยรอบว่าเป็นกองหลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล แต่เขาก็พลาดโอกาสคว้ารางวัลบัลลงดอร์ในปี 1989
เพื่อนร่วมทีมของเขาอย่าง มาร์โก แวน บาสเท่น ปาดหน้าเขาไปในครั้งนั้น แต่อันที่จริงแล้ว รางวัลดังกล่าวมันควรจะต้องจารึกชื่อของเขาอย่างน้อยก็สักครั้ง เมื่อลงสนามให้ มิลาน ไปถึง 719 นัดตลอดอาชีพค้าแข้ง
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อรวมกับการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 1982, รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำศตวรรษของ มิลาน และแฮตทริกถ้วยยุโรปในถิ่นซาน ซิโร่ เรียกได้ว่าผลงานช่างเข้าตากรรมการเหลือเกิน
เซนเตอรร์แบ็ก
บ็อบบี้ มัวร์
นี่คือหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทีมชาติอังกฤษ โดย มัวร์ เป็นกัปตันทัพสิงโตชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ปี 1966 และก็พบว่าตัวเองกลายเป็นอันดับสองของผลโหวตบัลลงดอร์หลังจากทัวร์นาเมนต์นั้น
ปีนั้น มัวร์ มีฟอร์มการเล่นที่โดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกเข้าปะทะที่เรียกได้ว่าเจ๋งตลอดกาลใส่ เปเล่ ซึ่งต่อมาให้เครดิตเขาว่าเป็นกองหลังยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยเผชิญหน้าด้วย และมีเพียง แกร์ด มุลเลอร์ ที่เอาชนะเขาคว้ารางวัลโกลเด้นบอลมาครองได้
สถิติรับใช้ชาติ 108 นัดของเขาถือว่าเยอะที่สุดอยู่ยงคงกระพันมาจนกระทั่งปี 2009 และ เวสต์แฮม ก็จัดการรีไทร์เสื้อหมายเลข 6 เมื่อเป็นเกียรติแก่เขาที่รับใช้สโมสรเวสต์ลอนดอนมาเป็นเวลา 16 ปี
แบ็กซ้าย
โรแบร์โต้ คาร์ลอส
มันเป็นเรื่องยากหากพูดถึงรางวัลส่วนบุคคลกับนักเตะตำแหน่งกองหลัง และแบ็กซ้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของใครหลายคนก็มาถึงจุดพีคในปี 2002
แต่เพื่อนร่วมทีมของเขาอย่าง โรนัลโด้ เป็นคนที่ได้รับโอกาสนั้น กระนั้น คาร์ลอส ก็ยังคู่ควรกับการฉลองความสำเร็จ หลังพาบราซิลคว้าแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 5 และยังมีถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก กับ เรอัล มาดริด อีกด้วย
เท้าซ้ายอันทรงพลังของเขาคืออาวุธที่ร้ายกาจที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนัง ซึ่งคงไม่มีลืมประตูที่ทำใส่ ฝรั่งเศส แน่ และเขาก็ยิงไปที่จำนวน 113 ประตูในฐานะกองหลัง
กองกลาง
อันเดรส อิเนียสต้า
อิเนียสต้า เกือบที่จะผงาดคว้ารางวัลบัลลงดอร์ในปีที่ บาร์เซโลน่า ประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่ก็ต้องเสียมันให้กับเพื่อนอย่าง ลีโอเนล เมสซี่ ด้วยการแพ้ผลโหวตเพียงแค่ 5% เท่านั้น
มิดฟิลด์จอมเทคนิกทำประตูได้ในนัดชิงฟุตบอลโลก และต่อมาก็ถูกยกให้เป็นแข้งยอดเยี่ยมประจำเวทียูโร 2012 ซึ่งเขาก็พาทีมชาติสเปนคว้าแชมป์ได้ทั้ง 2 ทัวร์นาเมนต์ และติดทีมยอดเยี่ยม ฟิฟโปร 9 สมัยติดอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ฟอร์มของเขากับ บาร์ซ่า นั้นถือเป็นตำนานอย่างแท้จริง เมื่อคว้าแชมป์ลา ลีกา ได้ถึง 9 สมัย และแชมเปี้ยนส์ลีกอีก 4 สมัย จากการลงเล่นไปกว่า 674 นัด
กองกลาง
แฟร้งค์ แลมพาร์ด
การเลือกนักเตะตำแหน่งนี้ถือว่าค่อนข้างยาก เพราะเหล่าผู้เล่นที่สามารถเล่นมิดฟิลด์ได้อย่าง โรแบร์โต้ บาจโต้ หรือ ซีเนดีน ซีดาน ก็ไปถึงบัลลงดอร์กันหมด
ใช่ แลมพาร์ด อาจไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับนักเตะอย่าง บาเรซี่ หรือ อิเนียสต้า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าตำนานพรีเมียร์ลีกไม่ได้เจ๋งอะไร กับสถิติพังประตูที่เป็นระดับโลกจากตำแหน่งมิดฟิลด์
สถิติของฮีโร่ เชลซี คือ 177 ประตูในลีกสูงสุดของอังกฤษ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งน่าเหลือเชื่อมากกับผู้เล่นกองกลาง และความจริงที่ว่าเรื่องราวน่าทึ่งของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่อิสตันบูล นั่นก็กลบกระแสของเขาไปส่วนหนึ่งด้วย
กองกลางตัวรุก
เดนนิส เบิร์กแคมป์
คุณคงคิดว่าการพลาดบัลลงดอร์ของ เบิร์กแคมป์ น่าจะเกิดขึ้นในช่วงที่เขาเล่นให้ อาร์เซน่อล แต่จริงๆ แล้วมันเกิดขึ้นในปีเดียวกับยุคที่เขาเล่นให้ อาแจ็กซ์ และย้ายไป อินเตอร์ มิลาน
บาจโจ้ ทำได้อย่างยอดเยี่ยมจนดาวเตะดัตช์แมนต้องหลบให้ แต่การขาดรางวัลส่วนบุคคลไปก็เป็นเรื่องน่าเสียดายของ เบิร์กแคมป์ ในฐานะหนึ่งในนักเตะที่มีพรสวรรค์ทางเทคนิกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนัง
เบิร์กแคมป์ เป็นส่วนสำคัญในทีมปืนใหญ่ยุคแชมป์ไร้พ่าย โดยคว้าถ้วยพรีเมียร์ลีก 2 ครั้ง และก็มีสถิติยิง 37 ประตู จาก 72 นัดในนามทีมชาติ
กองหน้าฝั่งขวา
เคนนี่ ดัลกลิช
นักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ ลิเวอร์พูล ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่สองรองใคร หากคนนั้นไม่ใช่ มิเชล พลาตินี่ ในวันที่ตำนานฝรั่งเศสกลายเป็นแรงบัลดาลใจในเวทียูโร จากการโหวตในปี 1983
คิง เคนนี่ อยู่ในกลุ่มท็อป 10 ดาวซัลโวของหงส์แดง กับจำนวน 169 ประตู พร้อมพาทีมฟาดแชมป์ลีกสูงสุด 6 สมัย และมีส่วนร่วมกับอีก 4 แชมป์ยุโรป จากทั้งหมด 6 ครั้งที่สโมสรทำได้
เช่นเดียวกันกับสงการลูกหนังวิสกี้ เขาสร้างชื่อจนกลายเป็นหนึ่งในตำนาน เซลติก และก็ถูกบรรจุชื่อเข้าไปอยู่ใน 'ฮอลล์ส ออฟ เฟรม' ทั้งในอังกฤษ และก็สกอตแลนด์ด้วย
กองหน้าตัวเป้า
เฟเรนซ์ ปุสกัส
แม้ว่าจะถูกแชร์เครดิตกับคู่หูอย่าง อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ ในแชมป์ยุโรป 2 ครั้งกับ เรอัล มาดริด แต่ความสำเร็จครั้งที่สองในปี 1960 ก็ดูดีพอสำหรับ ปุสกัส
ความจริง มันเป็นเรื่องยากที่จะเห็นว่าทำไม หลุยส์ ซัวเรซ จึงได้รับมอบโล่ประกาศมากกว่าดาวเตะฮังการีที่ซัดไป 4 ประตูในนัดชิงยูโรเปี้ยน คัพ และคว้ารางวัล ปิชิชี่ โทรฟี่ จากการยิง 25 ลูก ในปี 1959-60
อย่างไรก็ตาม ปุสกัส เองก็มีสถิติที่น่าทึ่งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการยิง 84 ประตู จาก 85 นัดที่ลงสนามให้ทีมชาติฮังการี, ยิง 242 ลูก จาก 262 เกมให้ ราชันชุดขาว และก็รางวัลโกลเด้นบอลในฟุตบอลโลกปี 1954
กองหน้าฝั่งซ้าย
เธียร์รี่ อองรี
เมื่อไม่นานมานี้ อองรี ได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก แต่ก็อธิบายลำบากเหมือนกันว่าทำไมเขาจึงไม่เคยได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดแข้งของโลก
ดาวซัลโวตลอดกาลของ อาร์เซน่อล มีสถิติคว้าดาวซัลโวลีกอังกฤษ 4 ครั้ง, ดาวซัลโวลีกยุโรป 2 ครั้งติด และรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฝรั่งเศส 4 ครั้ง
เมื่อรวมกับความสำเร็จที่รอคอยมาอย่างยาวนานคือแชมเปี้ยนส์ลีกที่ทำได้กับ บาร์เซโลน่า และตำแหน่งดาวซัลโวของทีมชาติฝรั่งเศสชุดแชมป์โลก ปี 1998 ก็น่าแปลกใจจริงๆ ที่เขาไม่เคยไปถึงตรงนั้น
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT