นี่ 'เสือใต้' หรือ 'กิ้งก่าคาเมเลี่ยน'
บ้างก็รู้จัก บ้างก็ไม่รู้จัก กิ้งก่าคาเมเลี่ยน ก็คือกิ้งก่าที่เปลี่ยนสีได้นั่นเอง และก็เป็นสัตว์เลี้ยงหน้าตาแปลกประหลาด และดูมีเสน่ห์
พวกมันสามารถปรับตัวให้ผสมผสานกับสภาพแวดล้อมเพื่อพลางตัวจากภัยอันตราย หรือบางทีก็ไว้ใช้หาอาหารอาทิ จิ้งหรีด,ตั้กแตน, แมลงหวี่, แมลงวัน, ผีเสื้อ รวมถึงพวกหนอนต่างๆ
ในอีกกรณีหนึ่ง การเปลี่ยนสีของพวกมันก็คือการแสดงความแข็งแกร่ง และความเหนือชั้น เมื่อถูกท้าทาย หรือแสดงความอยากในการผสมพันธ์
บาเยิร์น เองก็ไม่ต่างอะไรกับทีมกิ้งก่าคาเมเลี่ยน พวกเขาสามารถเปลี่ยนสีไปตามความจำเป็นเพื่อครองความยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลเยอรมัน และบดขยี้ความหวังแย่งแชมป์ของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อีกด้วย
หากกิ้งก่าคาเมเลี่ยนสามารถเปลี่ยนสีของพวกเขาเพื่อการปรับตัวแล้วล่ะก็ บาเยิร์น เองก็คือหัวหน้าหมู่ของกิ้งก่าเลยก็ว่าได้
จาก 11 ตัวจริงในทีมที่ ฮันซี่ ฟลิค บิ๊กบอสใหญ่ เสือใต้ เลือกใช้งานในฤดูกาลแรกของเขานับตั้งแต่เปลี่ยนสีตัวเองมาเป็นหัวหน้าใหญ่อย่างเต็มตัว เขาก็พลิกสถานการณ์ และกำลังพาทีมพุ่งชนแชมป์ลีกได้อีกสมัย ซึ่งทุกอย่างมันชัดเจนมาจากเกมชนะ เสือเหลือง 1-0
สตาร์ที่แจ้งเกิดขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจก็คือ อัลฟอนโซ่ เดวิส ที่เคยเล่นเป็นปีกมาโดยตลอด แต่เขาได้กลายเป็นแบ็กซ้ายอันดับหนึ่งในถิ่นอัลลิอันซ์ อารีน่า ไปแล้ว ทั้งที่ไม่เคยมีบทบาทเป็นตัวป้องกันเลยสมัยค้าแข้งอยู่กับ แวนคูเวอร์ ไวท์แคปส์
ปีกเด็กชาวแคนาดามีสถิติลงเล่นในเมเจอร์ลีกเพียง 65 นัด ก่อนที่จะย้ายมายังเวทียุโรป แต่ดาวเตะวัย 19 ปี กลับเปลี่ยนสีของเขาไปยังระดับท็อป ซึ่งหลายคนยกให้เขากลายเป็นหนึ่งในแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดในโลกไปแล้ว
ฝั่งตรงข้ามกับ เดวิส ก็คือ แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ ซึ่งแม้จะได้รับความสนใจจากทุกมุมโลกนับตั้งแต่หมดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2018 กับทีมชาติฝรั่งเศส แต่เขาก็ใช้เวลาเกือบทั้งหมดในอาชีพกับทีมระดับกลางอย่าง สตุ๊ตการ์ท
หลังย้ายมายัง บาเยิร์น ปาวาร์ ที่เป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟก็ต้องปรับตัวเองมาเล่นแบ็กขวาตัวหลักของ เสือใต้ ทว่านอกเหนือจากนั้น เขาก็ถูกใช้งานมาแล้วหมดทุกตำแหน่งในแผงแบ็กโฟร์ ไม่ว่าจะเป็นเซนเตอร์แบ็ก เมื่อปีที่แล้ว หรือตลอด 90 นาทีในตำแหน่งแบ็กซ้ายในเกมกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์
ส่วนระหว่างกลางของทั้ง เดวิส และ ปาวาร์ ก็มี ดาวิด อลาบา ยืนเป็นแกนหลักในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กทั้งที่เคยเป็นแบ็กซ้ายมาก่อน และก็แจ้งเกิดบนเวทีบุนเดสลีกาในตำแหน่งมิดฟิลด์สมัยที่ถูกยืมตัวไปอยู่กับ ฮอฟเฟ่นไฮม์
พวกเขาทั้งหมดยืนปักหลักตรงหน้า มานูเอล นอยเออร์ ซึ่งถูกยกย่องให้เป็นผู้รักษาประตูหมายเลข 10 ซึ่งสร้างสีสรรคได้อยู่เสมอนอกกรอบเขตโทษ
ไม่เพียงแค่แนวรับเท่านั้นที่เปลี่ยนสีเหมือนกิ้งก่าคาเมเลี่ยน
โยชัว คิมมิช ที่เพิ่งกลายเป็นฮีโร่กับลูกชิพนอกเขตโทษข้ามหัว โรมัน เบือร์กี้ อย่างเหนือชั้นก็เคยใช้เวลาส่วนใหญ่ของอาชีพกับ บาเยิร์นในตำแหน่งแบ็กขวา แม้ว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะใช้เวลาช่วงสั้นๆ ให้เขามาประจำการเป็นเซนเตอร์แบ็กในช่วงรั้งตำแหน่งนายใหญ่ของ บาเยิร์น
อดีตนักเตะ ไลป์ซิก ลงสนามไปแล้วถึง 210 นัดให้กับ เสือใต้ แต่มากกว่าครึ่งของจำนวนนั้นก็สลับกันระหว่างแบ็กขวา หรือเซนเตอร์แบ็ก
ทว่าทุกวันนี้ เลออน โกเร็ตซ์ก้า กับ คิมมิช กลายเป็นคู่พาร์ทเนอร์ในแผงมิดฟิลด์ ซึ่ง โกเร็ตซ์ก้า ที่วัยเพียง 25 ปี นั้นเคยลงเล่นมาแล้วถึง 6 ตำแหน่งไม่ว่าจะเป็นแบ็กซ้ายไปถึงมิดฟิลด์ตัวรุก ขณะค้าแข้งกับ โบคุ่ม, ชาลเก้ และปัจจุบันที่ บาเยิร์น
แต่หากให้พูดถึงกิ้งก่าคาเมเลี่ยนได้เหนือชั้นที่สุดก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก โธมัส มุลเลอร์ ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงบั้นปลายของอาชีพค้าแข้ง เขาคือไอคอนของวงการลูกหนังเยอรมัน โดยคว้าแชมป์มาแล้วไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลก, แชมเปี้ยนส์ลีก และแชมป์บุนเดสลีกาอีก 8 สมัย
ทว่าลองนึกดูสิว่าเขามีตำแหน่งไหนที่ตายตัวรึเปล่า?
มุลเลอร์ เล่นมาหมดแล้วไม่ว่าจะเป็นกองหน้าตัวเป้า, กองหน้าตัวต่ำ, ปีกขวา, ปีกซ้าย และกองกลางตัวรุกสำหรับทั้งระดับสโมสร และทีมชาติ
เมื่อ ฟลิค หันกลับมายังม้านั่งสำรอง เขามี ลูกัส แอร์กน็องเดซ ซึ่งยังตัดสินใจไม่ได้ว่าเขาต้องการที่จะให้แข้งรายนี้เล่นเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟ หรือแบ็กซ้าย ขณะที่ ฆาบี มาร์ติเนซ ซึ่งทุกวันนี้ยังอยู่กับ บาเยิร์น ก็ปรับตัวไปเรื่อยๆ กับตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก และมิดฟิลด์ตัวรับ
กับการที่นักเตะเกือบทั้งทีม บาเยิร์น เปรียบเสมือนกิ้งก่าคาเมเลี่ยนแบบนี้
ไม่แน่ในฤดูกาลหน้า เราอาจได้เห็น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และ แซร์ช นาบรี้ กลายเป็นหัวใจในแนวรับก็ได้
อันท้ายนี้หยอกๆ
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT