แคลวิน ฟิลลิปส์ 'ปีร์โล่ แห่งยอร์กเชียร์'
มิดฟิลด์ของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ได้รับการเสนอชื่อให้ไปอยู่ในทีมเดียวกับสตาร์อย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง และ แฮร์รี่ เคน ทั้งที่ยังไม่เคยเล่นในพรีเมียร์ลีกมาก่อน
การตัดสินใจนั้นทำให้แฟนๆ ของ แอสตัน วิลล่า เคือง เซาธ์เกต อยู่ไม่น้อย กับการเลือก ฟิลลิปส์ ก่อนคนรักอย่าง แจ็ค กรีลิช
ในเดือนมีนาคม ปี 2019 หลายคนเชียร์ให้ เซาธ์เกต เรียก กรีลิช ติดทีมชาติชุดใหญ่เสียที แต่กุนซือทัพสิงโตคำรามบอกว่าเพลย์เมกเกอร์ที่เกิดในเบอร์มิงแฮมจำต้องเล่นในพรีเมียร์ลีก ก่อนหากเขาอยากสวมหมวกทีมชาติ
แล้วมาทีนี้ ฟิลลิปส์ ถูกเรียกตัวมาได้อย่างไร ทั้งที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในลีกสูงสุดเลย
ทว่า นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ เซาธ์เกต ไม่ได้ทำอย่างที่เคยพูดกับบรรดานักเตะจากแชมเปี้ยนชิพ
เขาเคยเรียกตัว เมสัน เมาท์ ในเกมเนชั่นส์ ลีก ที่ อังกฤษ พบกับ โครเอเชีย และ สเปน ในปี 2018 หลังจากดาวรุ่ง เชลซี ทำผลงานได้น่าประทับใจกับ ดาร์บี้ ด้วยสัญญายืมตัว
เมาท์ เป็นตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนามทั้ง 2 นัดนั้น และก็ไม่ได้ประเดิมทีมชาติชุดใหญ่จนกระทั่งเกือบ 1 ปี ต่อมา ซึ่งเวลานั้นเขาก็เพิ่งจะลงเล่นให้ สิงห์บลูส์ เพียงไม่กี่เกม
เป็นไปได้ที่ เซาธ์เกต จะใช้วิธีเดียวกันนั้นกับ ฟิลลิปส์ ที่พยายามให้เขาได้ประสบการณ์กับทีมชาติ และการฝึกซ้อมเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประเดิมสนามในภายหลัง
อย่างนั้นก็ตาม ด้วยการเตรียมตัวสำหรับทัวร์นาเมนต์สำคัญนั้นมีโอกาสน้อยมากที่เหล่านักนอกทำเนียบจะมีโอกาสในยูโร ช่วงซัมเมอร์ ปี 2021
บางที เซาธ์เกต อาจเปลี่ยนใจของเขาเอง เพราะตัวเลือกในตำแหน่งกองกลางตัวรับที่ค่อนข้างน้อยจากสโมสรในพรีเมียร์ลีก
ฟอร์มในระดับนานาชาติของ ดีแคลน ไรซ์ เริ่มต้นได้อย่างน่าประทับใจ ขณะที่ เอริก ดายเออร์ ก็กลับไปเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟแล้วในช่วงรอบปีที่ผ่านมา
ฟาเบียน เดลฟ์, ลูอิส คุ๊ก และ แจ็ค คอร์ก ก็เป็นกองกลางเชิงรับมาตลอด 2-3 ปีหลังสุด โดยไม่ได้มีฟอร์มที่สม่ำเสมอในระดับที่ถูกเรียกตัวเข้ามาติดทีมชาติอย่างเป็นประจำ
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน อาจมีความสุขกับฤดูกาลดีที่สุดในอาชีพค้าแข้งในซีซั่น 2019-20 แต่ก็มีแนวโน้มที่เขาจะถูก เซาธ์เกต ใช้งานในตำแหน่งมิดฟิลด์ตรงกลางมากกว่าที่จะเป็นตัวรับ
อังกฤษ ดูจะมีปัญหากับผู้เล่นตำแหน่งกองกลางตัวรับที่ห้ามก่อความผิดพลาด มีความแข็งแกร่ง ควบคุมพื้น และเล่นบอลบนพื้นได้ดีมาระยะหนึ่งแล้ว
แม้แต่แฟนบอลที่เฝ้าติดตาม ฟิลลิปส์ มาอย่างใกล้ชิดก็ไม่ได้มองเขาอยู่ในนักเตะประเภทนั้น เมื่อย้อนกลับไป 2 ฤดูกาลที่แล้ว
ในปี 2017-18 เขาคือคนทำประตูสูงสุดอันดับ 3 ของทัพ ยูงทอง ในลีก โดยซัดไป 7 ลูก ตามหลังกองหน้าอย่าง เคมาร์ รูฟ และ ปิแอร์-มิเชล ลาซ็อกก้า
ภายใต้การคุมทีมของ โทมัส คริสเตียนเซ่น เขามักจะรับบทบาทกองกลางตัวรุก ซึ่งมักจะคอยซัพพอร์ตแถวบริเวณเส้นเขตโทษ ซึ่งก็คล้ายๆ กับสมัยที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยังเป็นนักเตะ
แฟนๆ ต่างหวังกับ ฟิลลิปส์ ในช่วงที่เขาเริ่มต้นแจ้งเกิดขึ้นมา เพราะเขาเป็นเด็กท้องถิ่นที่เชียร์สโมสรมาตั้งแต่เด็ก รวมถึงผ่านอะคาเดมี่ของทีมมาด้วย
นอกจากนี้ เขายังเกิดในวันเดียวกับตำนานของ ลีดส์ อย่าง เดวิด แบ็ตตี้ อีกด้วย ทำให้กองเชียร์ ยูงทอง มองว่านี่แหละคือผู้สืบทอดตำนานคนต่อไป
แต่เครื่องหมายคำถามทั้งหมดถูกลบทิ้งในวันที่ มาร์เซโล่ บีเอลซ่า เข้ามาทำงานที่เอลแลนด์ โร้ด
กุนซือที่ได้รับการนับถืออย่างมากมองไปยัง ฟิลลิปส์ และเลือกตำแหน่งที่ชัดเจนให้กับเขาในทันที
การพัฒนาอย่างมากของ ฟิลลิปส์ นั้นถือเป็นหนี้บุญคุณของ บีเอลซ่า
'เอล โลโก้' ได้เปลี่ยน ฟิลลิปส์ ให้เป็นกองกลางตัวรับ (หรือ รีกิสต้า) ในแผน 4-1-4-1 โดยสามารถปรับไปยืนแบ็กทรี เมื่อ ลีดส์ เปลี่ยนมาใช้ 3-3-1-3 อันเลื่องลือของ บีเอลซ่า ด้วย
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้ผลตั้งแต่เริ่มต้น
ฟิลลิปส์ กลายเป็นบอสใหญ่ของตำแหน่งกองกลางนับจากนั้นเป็นต้นมา โดยผสมผสานความหิวกระหายกับความคาดหวังได้อย่างสนิทใจ
และจากการที่ทีมของ บีเอลซ่า ขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของการครองบอล เขาจึงได้รับการฝึกฝนให้เป็นตัวคุมจังหวะในแนวลึก หรือที่เรียกว่า 'ดีพ-ไลอิ้ง เพลย์เมกเกอร์'
การค้นพบสูตรใหม่นี้ทำให้แฟนๆ ยูงทอง ได้แต่งเพลงเชียร์ให้เขา โดยยกย่องให้เป็น 'ปีร์โล่ แห่งยอร์กเชียร์'
ในการเปรียบเทียบนั้น ฟิลลิปส์ ยังต้องพัฒนาการเล่นลูกตั้งเตะ ซึ่ง ลีดส์ ยังทำได้ไม่ดีพอในแชมเปี้ยนชิพ
กระนั้น ด้วยข้อแม้ทั้งหมด มันก็พิสูจน์ได้ว่า ฟิลลิปส์ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในลีกรองของเมืองผู้ดี แต่การก้าวข้ามไปเล่นฟุตบอลระดับทีมชาติ หรือแม้แต่ในทัวร์นาเมนต์สำคัญนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่
บางที เซาธ์เกต อาจจำได้ว่า ฟิลลิปส์ ทำได้ดีแค่ไหนในช่วงครึ่งแรกที่เอมิเรตส์ เมื่อ ลีดส์ มาเยือน อาร์เซน่อล ในเอฟเอ คัพ รอบสาม
การเล่นได้อย่างแข็งแกร่งกลบรัศมีของดาวเตะที่เคยคว้าแชมป์โลกอย่าง เมซุต โอซิล ทำให้ ยูทอง เดินหน้าโจมตีใส่ ปืนใหญ่ ได้อย่างสนุกสนานเลย (แต่สุดท้ายก็ยังแพ้)
หลายสโมสรเชื่อมั่นว่า ฟิลลิปส์ จะสามารถพัฒนาศักยภาพของเขาไปสู่ระดับสูงที่สุดได้
แต่ ลีดส์ ก็บอกปัดความสนใจจากหลายทีมในลีกสูงสุดในช่วงซัมเมอร์ ปี 2019 ซึ่งรวมถึงข้อเสนอที่สูงถึง 25 ล้านปอนด์ด้วย เนื่องจาก บีเอลซ่า เชื่อว่าเขาจะเป็นส่วนสำคัญของทีมในการลุ้นเลื่อนชั้น
อดีตนายใหญ่ทีมชาติอาร์เจนตินาจัดการจับดาวเตะวัย 24 ปี ต่อสัญญา และนั่นบ่งบอกได้ว่ากองกลางรายนี้ไม่ได้มีไว้ขาย
ฟิลลิปส์ เซ็นสัญญายาว 5 ปี ในถิ่นเอลแลนด์ โร้ด ก่อนที่จะช่วยให้ ยูงทอง เลื่อนชั้นกลับมายังพรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2004
หลายคนคงยังงงกันว่า เซาธ์เกต ไปปิ๊งฟอร์ม ฟิลลิปส์ ตอนไหน
???
แต่ด้วยการที่เขาอาศัยอยู่ระหว่าง โอตลี่ย์ และฮาร์โรเกต ซึ่งแม้ไม่ได้อยู่ในศูนย์กลางของ ลีดส์ แต่ก็ใกล้กันมากพอ อาจเป็นไปได้ว่าเสียงชื่นชมจากยอร์กเชียร์ต่อตัว ฟิลลิปส์ นั้นค่อนข้างที่จะมีผลกับการตัดสินใจของ เซาธ์เกต
หากคุณกำลังรู้สึกว่าทีมตัวเองขาดกองกลางตัวรับที่มีคุณภาพ และทุกคนรอบข้างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเด็กในพื้นที่ของพวกเขาเก่งแค่ไหน เขาก็อาจจะเชื่อคำโฆษฌานั้นก็ได้
อย่างไรก็ตาม ตัวโค้ชเองก็คงให้ความสำคัญกับเรื่องฝีเท้ามากพอที่จะตัดสินใจอย่างมีจุดมุ่งหมายกับเรื่องสำคัญเช่นนี้
ตอนนี้ ฟิลลิปส์ ยังมีสิ่งที่ต้องพิสูจน์ตัวเอง
อย่างน้อยเขาก็ต้องแสดงให้เห็นว่าไม่ได้เก่งแต่ในแชมเปี้ยนชิพอย่างเดียว
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT