ประติมากรรมน้ำแข็ง
ใครก็ตามที่รับชมเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้ ก่อนถึงนาทีที่ 77 ทุกคนต่างต้องยกนิ้วกับสามคะแนนอันแสนง่ายดายของ ลิเวอร์พูล ทั้งนั้น
จนกระทั่ง...
กระทั่ง!
กระทั่ง!
เรื่องราวสยดสยองชวนขนหัวลุกเหมือนดูหนังลองของภาค 2 ยังไงยังงั้น
จุดโทษที่ไม่น่าเป็นจุดโทษได้เกิดขึ้น
ผมยอมรับตามตรงที่หน้าจอทีวี เมื่อเห็นนิ้วของ เคร็ก พอว์สัน ชี้ไปในเขตโทษหงส์แดง
"ไอ้แมร่แหยดดด"
นั่นคือคำที่สบถออกมาแบบไม่ได้ตั้งใจ
ภาพตรงหน้ามันเป็นการเข้าแท็คเกิ้ลที่บางเบาเหลือเกิน และ โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน ก็จงใจล้มหัวคะมำราวกับโดนรถสิบล้อวิ่งชนจนหัวทิ่มดิน ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นจุดโทษได้ ทั้งๆ ที่รูปเกมโดยรวมในขณะนั้น เอฟเวอร์ตัน เหมือนคนเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายกำลังจะสิ้นใจตาย
ลอฟเรนกลายเป็นแพะในศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้
แต่พอเห็นภาพช้าจากจังหวะรีเพลย์ ก็พอเข้าใจได้ เพราะมือของ เดยัน ลอฟเรน มันออกมาชัดเจนขนาดนั้น เรียกว่าเสียค่าโง่เลยทีเดียว
เหล่าแฟนหงส์ต่างถกเถียงว่าเป็นจุดโทษได้ยังไงกัน ไอ้จารย์ตาถั่วรึเปล่า
แต่ถ้าว่ากันแบบไม่มีอคติ มันก็สมควรที่จะเป็นจังหวะฟาวล์เกินกว่า 50% อย่างแน่นอน คนที่เล่นบอล 11 สนามใหญ่ในการแข่งขันจริงๆ คงเข้าใจ เพราะไม่ว่าคุณจะชนแบบไหน แค่มีมือหรือแขนยกขึ้นมาผลัก มันก็เป็นการฟาวล์แล้ว
เหล่าพวกบรรดากูรูชื่อดังหลายคนรวมถึง เจมี่ คาร์ราเกอร์ ก็ยืนยันว่าลูกนั้นเป็นจุดโทษแน่ แต่สิ่งที่ไม่เข้าใจก็คือทำไม ลอฟเรน จะต้องไปเข้าปะทะแบบโฉ่งฉ่างขนาดนั้นกับคนที่กำลังหันหลังให้ปากประตู
เมื่อดูจากสถิติยิ่งเจ็บช้ำ ทั้ง 90 นาที ทอฟฟี่มีโอกาสยิงตรงกรอบแค่สองครั้ง ครองบอลแค่ 21% เรียกได้ว่ามีบอลมึงเตะทิ้งเตะขว้างกันอย่างเดียวเลย
หนึ่งในลูกตรงกรอบนั้นเกิดขึ้นจากครึ่งแรกที่ กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน ยิงยังกะฉี่แมวให้ ซิมง มิโญเลต์ รับเข้าซองง่ายๆ ส่วนอีกลูกก็นั่นแหละครับ จุดโทษของ เวย์น รูนี่ย์
แม้หงส์แดงจะยิงตรงกรอบเพียง 3 หนเท่านั้น ซึ่งไม่ได้มากกว่าอะไรเลย แต่เมื่อดูจากรูปเกม รวมถึงโอกาสทั้งหมด มันควรจะต้อง 2-0 หรือ 3-0 ไปก่อนไหม ไม่ใช่แบ่งแต้มในตอนจบแบบนี้
ประตูของซาลาห์เกือบพาทีมคว้าสามแต้ม
ปัญหาคืออะไร
???
มันก็มีหลายข้อที่ยังหาคำตอบไม่ได้
แต่ดูเหมือนช่วงที่นำอยู่หนึ่งลูก บรรดานักเตะ ลิเวอร์พูล หลายคนเล่นแบบชะล่าใจ ซึ่งมันไม่ควรเกิดขึ้นในเกมการแข่งขันระดับสูง
โอกาสยิงของหงส์แดงเยอะแยะมากมายเลย โดยเฉพาะในช่วงท้ายครึ่งแรกจาก ซาดิโอ มาเน่
เจอกับตาแล้วซึ้งใจจริงๆ กระชากบอลหลุดเดี่ยวมา เพื่อนว่างอยู่ทางขวา 3 คน พี่แกกลับเลือกยิงเองด้วยเท้าซ้ายที่ไม่ถนัด แล้วไง บอลหลุดเสาออกไปแบบไม่ได้ลุ้น
มาเน่เป็นอีกคนที่โดนแฟนหงส์ต่อว่าอย่างหนัก
หรือจะในช่วงครึ่งหลังที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ถูกเปลี่ยนตัวลงมา ดาวเตะบราซิเลี่ยนก็มีโอกาสพาบอลสวยๆ เข้าเขตโทษคู่แข่ง แต่กลับก้มหน้าก้มตาเลี้ยงแบบน่าตบกบาลจนเสียบอลง่ายๆ
ส่วน ลอฟเรน ความผิดพลาดเดียวของเขานำมาซึ่งการเสียประตูสำคัญ บางทีก็คิดในใจว่าควรแล้วหรือยังที่จะหาใครสักคนมาแทนที่หมอนี่เสียที
แฟนๆ บางคนหันไปโทษการจัดทัพของ เจอร์เก้น คล็อปป์
ทว่ามันก็ไม่น่าเกี่ยวกับการพัก ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และ ฟีร์มีโน่ เพราะด้วยรูปเกมที่ออกมาจากการมี เจมส์ มิลเนอร์, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน หรือ โดมินิก โซลันกี้ เป็นตัวจริง มันก็ถูกต้องทุกอย่าง ผิดแค่เพียงสกอร์ในตอนจบ และแต้มที่ได้รับเท่านั้น
คล็อปป์โดนติงเรื่องโรเตชั่นอีกแล้ว
ก็อย่างที่บอก มันอาจอยู่ที่ความนิ่งของสภาพจิตใจ หรือความเอาจริงเอาจัง กระทั่งสมาธิของเหล่านักเตะระหว่างเกม
ตรงนี้มันมีให้เห็นมาเยอะแล้วไม่ใช่กับแค่นัดนี้
เริ่มจากนัดเปิดหัวซีซั่น นำวัตฟอร์ดจนน่าชนะก็ดันเสมอ, นำนิวคาสเซิ่ลก็โดนตีเสมอ, นำเซบีย่าถึงสามลูกยังอุตส่าห์โดนตีเสมอ, นำเชลซีก็โดนตีเสมอ และล่าสุดกับทอฟฟี่ที่แทบไร้ทางสู้ก็ยังโดนตีเสมอ
อันที่จริง การเสมอในศึกหนักอย่างเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้ไม่ใช่เรื่องผิด
แต่ที่ต้องผิดหวังกันสุดขีดก็เพราะฟอร์มการเล่นแบบนี้ อย่างน้อยๆ มันต้องชนะจากการซัลโวอันสุดสวยของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สถานเดียว นี่มันดีแทบจะดีที่สุดนัดนึงของซีซั่นนี้เลยนะ
จากผลงานอันหรูหราในเกมนั่นแหละที่ทำให้เดอะ ค็อปทำใจยาก ถึงยากมาก
มันก็เหมือนกับรูปปั้นประติมากรรมน้ำแข็ง
ยิ่งเริ่มต้นดีเท่าไหร่
ยิ่งจบด้วยร้ายเท่านั้น...
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT