'ฝันร้าย' ของตลาดลา ลีกา

    ดิอาริโอ อาส ได้รายงานเมื่อวันอังคารว่าลีกสเปนมีการใช้งานโดยรวมน้อยลงกว่าเดิมถึง 65% โดยเทียบกับปีก่อนพวกเขาใช้เงินไป 1.3 พันล้านยูโร (1.1 พันล้านปอนด์) ขณะที่ซัมเมอร์นี้จ่ายไปเพียง 410 ล้านยูโร (372 ล้านปอนด์) เท่านั้น

    สิ่งที่เน้นย้ำได้ดีถึงเรื่องดังกล่าวก็คือการที่ เรอัล มาดริด ไม่ได้ซื้อนักเตะใหม่เลยแม้แต่คนเดียวเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี

    แต่เงินซื้อแข้งใหม่โดยรวมที่ลดลงไปมากกว่าที่คาดเอาไว้ และมากกว่าการตัดสินใจของ มาดริด ที่ไม่ซื้อใครเลย ก็คือสิ่งที่กองเชียร์ไม่พอใจวิธีการทางตลาดของ บาร์เซโลน่า, แอต. มาดริด และ บาเลนเซีย

    สำหรับแฟนบอล บาร์ซ่า พวกคงคิดว่า 'ลองดูซิว่าพวกแกจะคว้าแชมป์ได้ยังไง' เกิดอะไรขึ้นกับ เมมฟิส เดอปาย? หรือยังจำ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ กับ จอร์จินโย่ ไวนัลดุม ได้ไหม? และการที่ไม่ได้ตัว เอริก การ์เซีย มา แต่ทำไมถึงเลือกขายเซนเตอร์แบ็ก?

    พวกเขาอนุญาตให้ หลุยส์ ซัวเรซ และ ราฟินญ่า อัลกันตาร่า ย้ายทีม และก็ขาย อาร์ตูร์ เมโล่, อาร์ตูโร่ วิดาล, อีวาน ราคิติช และ เนลซอน เซเมโด้ ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาได้ขายความเชื่อมั่นของเหล่าสาวกของทีมออกไปด้วย

    ยักษ์กาตาลัน ประกาศภาวะขาดทุนถึง 97 ล้านยูโร (88 ล้านปอนด์) สำหรับฤดูกาลที่ผ่านมาไปเมื่อเช้าวันจันทร์ ซึ่งมันเหมือนเป็นการเตือนแฟนๆ ว่าการจำกัดงบในตลาดรอบนี้คือเรื่องที่เหมาะสม

    ทว่าเหล่ากองเชียร์ก็ยังพากันเกาหัวแกรกๆ ว่าแล้วทำไมพวกมึงถึงไม่เรียกค่าตัวเบื้องต้นของทั้ง ราฟินญ่า หรือ ซัวเรซ ล่ะ

    นอกจากนี้ พวกเขายังต้องพยายามทำความเข้าใจด้วยว่าทำไม บาร์ซ่า ถึงต้องปล่อยยืมปราการหลังตัวกลางอย่าง ฌอง-แกร์ก โตดิโบ ไปให้ เบนฟิก้า ด้วยค่าตัวเพียง 2 ล้านยูโร (1.8 ล้านปอนด์) แต่หลังจากนั้นมึงก็ไม่สามารถดึง เอริก การ์เซีย มาจาก แมนฯ ซิตี้ เพื่อทดแทนได้

    แถม มาร์ก้า ยังออกมาแฉล่าสุดว่าเหตุที่ บาร์ซ่า ชวด การ์เซีย ก็เพราะขี้เหนียวเงินโบนัสที่ เรือใบ ร้องขออีกแค่ 2 ล้านยูโรเท่านั้นเอง

    ไม่น่าแปลกใจที่ โรนัลด์ คูมัน จะหน้าแดงเป็นฟืนเป็นไฟกับเรื่องของเซนเตอร์แบ็กที่เจ้าตัวกังวลอยู่

    ด้าน แอต. มาดริด พวกเขาไม่เพียงไม่ซื้อใครในวันเส้นตาย แต่ยังอุตส่าห์เสีย โธมัส ปาร์เตย์ ให้กับ อาร์เซน่อล ที่บ้าเลือดทุ่มจ่ายค่าฉีกสัญญา 50 ล้านยูโร (45 ล้านปอนด์) จนทำให้แฟนบอลเดือดดาล

    บางคนก็โยนความผิดให้กับดาวเตะจากอะคาเดมี่ของ ตราหมี ที่เลือกย้ายทีมในช่วงท้ายแบบไม่เห็นใจต้นสังกัดเก่า บางคนก็โกรธสโมสรที่มัวชะล่าใจจนไม่สามารถหาใครเข้ามาทดแทนได้ทันเวลา

    แน่นอนว่า ตราหมี อาจมี ลูกัส ตอร์เรยร่า มารออยู่ที่กรุงมาดริดแล้วด้วยสัญญายืมตัวแบบลด แลก แจก แถม แต่เมื่อตัดสินจากข้อเท็จจริงที่ว่า ปาร์เตย์ ลงเล่นเต็ม 90 นาทีในช่วงสุดสัปดาห์ แอตเลติโก จึงเจอเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่กับการตัดสินใจของ ปืนโต ที่มาจ่ายค่าฉีกสัญญาเอาในวันสุดท้าย

    อย่างน้อย ตอนนี้พวกเขาก็มีเวลาอีก 1 เดือนในการหาตัวแทน เพราะการที่ ปาร์เตย์ ถูกฉีกสัญญาไปยัง อาร์เซน่อล ทำให้สโมสรจากเมืองหลวงไม่มีทางเลือกนอกจากจำยอมขายซึ่งเข้ากับกฎลา ลีกา ดังนั้นนักเตะที่ ตราหมี จะเซ็นสัญญานอกเส้นตายได้ต้องมาจากลีกสเปนเหมือนกันเท่านั้น

    มองไปยัง บาเลนเซีย นั้นอาการแย่กว่าใครเพื่อน และคราวนี้แฟนๆ ไม่ต้องเลือกข้างว่าจะโทษใคร คนเดียวที่พวกเขาหมายหัวคือ ปีเตอร์ ลิม เจ้าของทีมนั่นเอง

    ลิม จัดการขายเหล่าสตาร์ดังในช่วงซัมเมอร์นี้ ไม่ว่าจะเป็น โรดรีโก้ โมเรโน่ ที่ย้ายไป ลีดส์ ยูไนเต็ด, ดานี่ ปาเรโฆ และ ฟร็องซิส โกเกอแล็ง ไป บียาร์เรอัล และ เฟร์ราน ตอร์เรส ก็ย้ายไป แมนฯ ซิตี้

    กลายเป็นว่าพวกเขาดันไม่กระตือรือร้นที่จะเดินหน้าซื้อใครเข้ามาทดแทน จนตอนนี้ ฆาบี กราเซีย เทรนเนอร์เริ่มที่จะไม่แฮปปี้ และคิดเรื่องลาออกทิ้งทีมไว้กลางทางเลย

    หากให้เลือกผู้ชนะในตลาดลา ลีกา รอบนี้ ก็คงไม่พ้น เซบีย่า พวกเขาไม่เพียงแค่รั้ง ชูลส์ กุนเด้ เซนเตอร์แบ็กเนื้อหอมเอาไว้ได้ แต่ก็ยังสามารถเสริมความแข็งแกร่งด้วยการมาของ คาริม เรกิก กองหลังชาวดัตช์จาก แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ในราคา 2 ล้านยูโร (1.8 ล้านปอนด์) และปีกจาก อัลค์มาร์ อย่าง อุสซาม่า อิดริสซี่ ที่ราคา 12 ล้านยูโร (10 ล้านปอนด์)

    บางที นี่อาจเป็นฤดูกาลดีที่สุดที่พวกเขาจะท้าทายท็อปทรีของลีกกระทิงดุได้

    มองตามความจริง ทั้ง ราชันชุดขาว และ บาร์ซ่า ยังคงมีขุมกำลังที่ยอดเยี่ยม ซึ่งทีมแรกนั้นดูจะมีความสุขกับการโกยเงินเข้าคลัง 89 ล้านยูโร (80 ล้านปอนด์) สำหรับการย้ายของ เซร์คิโอ เรกีลอน ไปยัง สเปอร์ส และการปล่อย อาชราฟ ฮาคิมี่ ไป อินเตอร์ 70 ล้านยูโร (63 ล้านปอนด์) นั่นทำให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายในแง่ของการลดเพดานรายจ่าย

    แม้จะยังมีตลาดในเดือนมกราคมให้เหล่าสโมสรได้ปรับเสิรมเติมแต่ง แต่ตามบัญชีการเงินที่ บาร์ซ่า แจ้งออกมาในวันจันทร์นั้น สิ่งต่างๆ คงไม่ง่ายอีกต่อไปแล้ว

    ยิ่งจากการที่แฟนบอลไม่สามารถเข้าสนามคัมป์ นู ได้ในอนาคตอันใกล้ตามแผนงานที่คาดการณ์รายได้เอาไว้ 791 ล้านยูโร (718 ล้านปอนด์) เมื่อพิจารณาถึงรายจ่ายรวมซีซั่นก่อน 959 ล้านยูโร (871 ล้านปอนด์) มันจึงเน้นย้ำว่าพวกเขาอาจต้องรัดเข็มขัดต่อไป

    เรอัล มาดริด และ แอต. มาดริด ก็คงอยู่ในตำแหน่งเดียวกันที่เฝ้ามองพรีเมียร์ลีก ด้วยความอิจฉา และหวังให้ทั้ง เรกีลอน และ ปาร์เตย์ ทำได้ไม่ดีนักกับฤดูกาลแรกที่อังกฤษ

    พาสต้า