:::     :::

แก่แล้วไง...

วันอาทิตย์ที่ 01 พฤศจิกายน 2563 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
6,785
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ตามแง่ของวิทยาศาสตร์มีการคำนวนว่าอายุ 27 ปี คือจุดสูงสุดของนักฟุตบอลอาชีพ ซึ่งจะต้องวิ่งอย่างน้อย 12 กิโลเมตรในทุกๆ เกม

    แต่การมาถึงของ ติอาโก้ ซิลวา มันก็พิสูจน์ว่านักเตะอายุ 36 ปี ก็ยังเล่นในเกมหนัก และรวดเร็วในพรีเมียร์ลีกได้อย่างสบาย

    ซิลวา ย้ายจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง มายังถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ในซัมเมอร์นี้ พร้อมกับโปรไฟล์สุดหรูแชมป์ลีก 7 สมัย กับทั้งที่ฝรั่งเศส และอิตาลี กับ เอซี มิลาน

    นับตั้งแต่ที่เขามาแบบไร้ค่าตัว เขาก็ใช้ประสบการณ์อันโชกโชน พร้อมกับความแข็งแกร่งด้านร่างกายสร้างอิทธิพลด้านบวกให้กับแนวรับอันไม่แน่นอนของ เชลซี แบบช้าๆ

    แต่ปราการหลังชาวบราซิเลี่ยนก็ไม่ใช่แข้งที่ถูกเรียกว่าแก่เกินแกงคนแรกในการต่อสู้กับพวกนักเตะอายุน้อยๆ ในพรีเมียร์ลีก

    เราได้หยิบยก 'Golden Oldies' สำหรับนักเตะที่อายุเกิน 32 ปีขึ้นไป แต่กลับสร้างอิทธิพลได้มากที่สุดในเวทีพรีเมียร์ลีกจนเรียกได้ว่านักเตะอายุน้อยๆ บางคนยังต้องอาย

ซามูเอล เอโต้

เกิด : 10 มีนาคม 1981

อันจิ มาคัชคาล่า มา เชลซี (29 สิงหาคม 2013)

ค่าตัว : ฟรี

    ดาวเตะชาวแคเมอรูนถือเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของโลกลูกหนัง และเขาก็เป็นสมาชิกของแข้งอายุเยอะที่ประสบความสำเร็จในพรีเมียร์ลีก

    เอโต้ ย้ายจาก อันจิ มาคัชคาล่า มายัง เชลซี บนวัย 32 ปี แบบไร้ค่าตัว ขณะที่ ซูเลย์มาน เคริมอฟ เจ้าของทีมในลีกรัสเซียพยายามที่จะลดค่าแรงอันมหาศาลของเขา หลังจากที่กลายเป็นเศรษฐีถังแตกในโลกฟุตบอล

    ดาวยิงชื่อดังรายนี้ยิงไป 130 ประตู จาก 199 นัดที่ลงเล่นให้กับ บาร์เซโลน่า และ 55 ลูก จาก 102 เกมที่ อินเตอร์ มิลาน โชเซ่ มูรินโญ่ นำเขามายังลอนดอนเพื่อผนึกกำลังกับ เฟร์นานโด ตอร์เรส และ เดมบา บา ซึ่งสาเหตุที่ มูรินโญ่ หันหา เอโต้ ก็เพราะกุนซือชาวโปรตุเกสผิดหวังจากฟอร์มการถล่มประตูที่ไม่เป็นดังหวังจากทั้ง 2 กองหน้า

    เอโต้ ยิงประตูได้ในการลงตัวจริงนัดถัดมาในพรีเมียร์ลีก กับ สเปอร์ส และกระโจนเข้าหามุมธงเพื่อทำการฉลอง

    แม้จะไม่มีคำพูดชื่นชมที่ชัดเจนจากเจ้านายของเขา แต่ เอโต้ ก็ลงเล่นไป 35 นัด และยิงไป 12 ประตู ช่วยให้ สิงห์บลูส์ จบอันดับ 3 ในพรีเมียร์ลีก อีกทั้งยังไปถึงแชมเปี้ยนส์ลีก รอบตัดเชือก หลังแพ้ให้กับ แอต. มาดริด โดยจากนั้นก็ย้ายไปยัง เอฟเวอร์ตัน ในฤดูกาลถัดไป

เอสเตบัน กัมบิอัสโซ่

เกิด : 18 สิงหาคม 1980

อินเตอร์ มา เลสเตอร์ (28 สิงหาคม 2014)

ค่าตัว : ฟรี

    มิดฟิลด์มากประสบการณ์ชาวอาร์เจนไตน์เล่นในพรีเมียร์ลีก แค่หนึ่งปี และไม่ได้มีรางวัลอะไรติดมือ แต่การมาของเขา และอิทธิพลที่ทิ้งไว้นั้นไม่อาจลบไปจากหนึ่งหน้าสำคัญของสโมสร

    กัมบิอัสโซ่ มายังอังกฤษในปี 2014 ด้วยวัย 34 ปี แต่ก็ผลักดันให้ทัพจิ้งจอกรอดพ้นการตกชั้น มันเป็นรากฐานสำคัญจนนำ เลสเตอร์ ไปถึงแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลถัดมา

    เส้นทางของ กัมบิอัสโซ่ ถือว่าน่าสนใจก่อนที่เขาจะมายังอีสต์ มิดแลนด์ส โดยเคยเล่นกับ ริเวอร์เพลท, เรอัล มาดริด และ อินเตอร์ ซึ่งไม่ได้เสนอสัญญาใหม่ให้เขาหลังผ่านฤดูกาลที่ 10 โดยลงเล่นไป 451 นัด ยิงไป 51 ประตูที่ซาน ซิโร่

    เลสเตอร์ ที่ตอนนั้นเพิ่งเลื่อนชั้นมาต้องหวังพึ่งพาประสบการณ์ของเขาในช่วงที่สโมสรรั้งบ๊วยของตารางพรีเมียร์ลีก มาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนเมษายน แต่ กัมบิอัสโซ่ และผองเพื่อนก็พาทีมเอาชนะได้ 7 จาก 9 นัดสุดท้ายจนรอดตายอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเขาก็ลงเล่นไป 33 นัด โดย 31 เกมเกิดขึ้นในลีก ยิงได้ 5 ประตู

แฟร้งค์ แลมพาร์ด

เกิด :
20 มิถุนายน 1978

นิวยอร์ก ซิตี้ มา แมนฯ ซิตี้ (3 สิงหาคม 2014)

ค่าตัว : ยืมตัว

    ใครจะกล้าจินตนาการว่า แลมพาร์ด จะเป็นนักเตะทีมอื่นนอกจาก เชลซี ในช่วงเวลากว่าทศวรรษ หลังจากสร้างชื่อให้ตัวเองด้วยการเป็นมิดฟิลด์แบบบ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ และจบสกอร์ได้อย่างเฉียบขาดทั้งใน และนอกเขตโทษในสีเสื้อ สิงห์บลูส์

    หลังจาก เชลซี รวม แลมพาร์ด ไว้ในรายชื่อที่จะปล่อยออกจากทีมในซัมเมอร์ ปี 2014 เขาได้เซ็นสัญญากับ นิวยอร์ก ซิตี้ ในเดือนกรกฎาคม

    ข้อตกลงดังกล่าวได้รับการประกาศในนิวยอร์ก โดยเวลาต่อมาเขาก็ย้ายมายัง แมนฯ ซิตี้ แบบยืตัวจนกว่าเมเจอร์ลีก จะออกสตาร์ทฤดูกาล แต่จากนั้นสัญญาของเขาก็ถูกยืดไปจนกระทั่งซีซั่นในพรีเมียร์ลีก หมดลง

    แม้ แลมพาร์ด จะอายุ 35 ปีแล้ว แต่เขาก็ยังคงเปล่งประกายในช่วง 1 ปีที่ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดี้ยม โดยเขายิงไป 8 ประตู (6 ลูกในพรีเมียร์ลีก) จาก 40 นัดที่ลงเล่นภายใต้การคุมทัพของ มานูเอล เปเยกรินี่

    ประตูที่ถูกพูดถึงอย่างมากคือลูกแรกของ แลมพาร์ด ที่ยิงตีเสมอ เชลซี ในช่วงท้ายเกม แต่สุดท้ายแล้วสโมสรเก่าของเขาจากลอนดอนก็ก้าวไปคว้าแชมป์ลีก ขณะที่ เรือใบ จบอันดับ 2

จานลูก้า วิอัลลี่

เกิด : 9 กรกฎาคม 1964

ยูเวนตุส มา เชลซี (1 กรกฎาคม 1996)

ค่าตัว : ฟรี

    ตามความจริง วิอัลลี่ ไม่ควรเข้ามาอยู่ในลิสต์รายชื่อนี้ เขาเหลืออีก 8 วันกว่าจะอายุครบ 32 ปี ในตอนที่ย้ายมาจาก ยูเวนตุส ที่เขายิงไป 53 ประตู จาก 145 นัดที่ลงสนาม โดยเซ็นสัญญากับ เชลซี เมื่อปี 1996

    อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ของ วิอัลลี่ กับ เชลซี นั้นก็ยืดยาวถึง 4 ปี ซึ่งเขาก็เป็นหนึ่งใน 3 จากแข้งอิตาเลี่ยนที่ย้ายมา สิงห์บลูส์ ในซีซั่นนั้นภายใต้การคุมทัพของ รุด กุลลิท ซึ่งรับบทนักเตะ-ผู้จัดการทีม

    อีก 2 คนที่เหลือก็คือ จานฟรังโก้ โซล่า และ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ โดย วิอัลลี่ ถือเป็นกองหน้าสารพัดประโยชน์ เขาทำไป 40 ประตู จาก 88 นัดตลอด 3 ฤดูกาล ช่วยให้ สิงห์บลูส์ คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ แต่โอกาสลงสนามตลอด 18 เดือนแรกของเขาค่อนข้างจำกัดเพราะไปมีเรื่องมีราวกับผู้จัดการทีม

    หลังจาก กุลลิท ถูกไล่ออกในช่วงต้นปี 1998 วิอัลลี่ ถูกแต่งตั้งให้คุมทัพอย่างน่าประหลาดใจ และเขาก็พาทีมคว้าแชมป์ลีก คัพ และคัพ วินเนอร์ส คัพ จนกลายเป็นกุนซืออายุน้อยที่สุดที่เคยชนะเลิศการแข่งขันรายการของยูฟ่าในเวลานั้น

เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์

เกิด : 29 ตุลาคม 1970

ฟูแล่ม มา แมนฯ ยูไนเต็ด (1 กรกฎาคม 2005)

ค่าตัว : 3.6 ล้านปอนด์

    มือกาวชาวดัตช์ไม่ได้แก่เกินไปเลยสำหรับตำแหน่งผู้รักษาประตูบนวัย 34 ปี เมื่อเขาย้ายจาก ฟูแล่ม มายัง แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 2005

    อย่างไรก็ตาม คงมีน้อยคนที่จะเชื่อว่าเขายังคงอยู่บนจุดสุดยอดในอาชีพที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้ถึง 6 ฤดูกาล โดยลงเล่นไป 266 นัด เก็บคลีนชีตไป 139 เกม และไม่เสียประตูเกินครึ่งจากจำนวนแมตช์ที่ลงสนาม

    อันที่จริง ผีแดง แสดงความสนใจที่จะคว้าตัวเขามาตั้งแต่ปี 1999 แล้ว ในตอนที่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ย้ายออกจาก อาแจ็กซ์ แต่มันก็สายเกินไป เนื่องจากเขาเดินทางไปยังตูรินแล้ว และเพิ่งจะตกลงสัญญาส่วนตัวกับ ยูเวนตุส ได้

    หลังจากใช้เวลา 4 ปี กับ ฟูแล่ม เขาก็ถูก ยูไนเต็ด ตามจีบอีกครั้ง ซึ่งหนนี้เป็นการติดต่อจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เอง

    เขาเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลไม่กี่คนที่คว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกได้ 2 ครั้งกับ 2 เกมที่แตกต่างกัน (อาแจ็กซ์ ปี 1995 และ แมนฯ ยูไนเต็ด ปี 2008)

    เขาคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ไป 26 ครั้ง รวมถึงแชมป์พรีเมียร์ลีก กับ ผีแดง อีก 4 สมัย

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช

เกิด : 3 ตุลาคม 1981

เปแอสเช มา แมนฯ ยูไนเต็ด (1 กรกฎาคม 2016)

ค่าตัว : ฟรี

    อิบราฮิโมวิช คือ 'คิง ออฟ โอลดี้ส์' อย่างแท้จริง

    หัวหอกชาวสวีเดนไม่เพียงแค่เอาประสบการณ์ของตัวเองมายกระดับทีม แต่ยังช่วยบรรดาเพื่อนร่วมทีมโดยรอบด้วย ในปี 2016 บนวัย 34 ปี อิบราฮิโมวิช ลงเล่นเกมสุดท้ายให้ เปแอสเช หลังจากนั้นเขาก็ประกาศอำลาทีม

    ตำนานรายนี้ย้ายไปยังโรงละครแห่งความฝัน เพื่อคอยหนุนบรรดาดาวรุ่งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด และสร้างแรงขับเคลื่อนให้กับพวกกองหน้าเด็กๆ ในเวลานั้นอย่าง อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และ มาร์คัส แรชฟอร์ด

    อิบราฮิโมวิช ที่ยิงถล่มทลายมากับ อินเตอร์, บาร์เซโลน่า, เอซี มิลาน และ เปแอสเช ทำไปได้ถึง 28 ลูก จาก 46 นัดที่ลงเล่นในปี 2016-17 โดยช่วยให้ ผีแดง คว้าแชมป์อีเอฟแอล คัพ และยูโรปา ลีก

    ช่วงท้ายซีซั่น เขาได้รับบาดเจ็บหนัก ซึ่งถือเป็นการจำกัดโอกาสลงเล่นของเขาในฤดูกาลถัดมา โดยลงสนามเพียง 7 นัด และยิงได้แค่ลูกเดียว ก่อนที่จะยกเลิกสัญญาด้วยความยินยอมพร้อมใจ

    ตอนนี้เขากลับมาลุยลีกยุโรปอีกครั้งด้วยวัย 39 ปี และยังคงเป็นตัวความหวังในแดนหน้าของ มิลาน เมื่อซัดไปแล้ว 6 ประตูในเซเรีย อา ฤดูกาลนี้

ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา

เกิด : 11 มีนาคม 1978

กาลาตาซาราย มา เชลซี (24 กรกฎาคม 2014)

ค่าตัว : ฟรี

    ดร็อกบา กลับคืนรัง เชลซี เป็นคำรบที่สองในปี 2014 ด้วยวัย 34 ปี

    กองหน้าบ้าพลังชาวไอวอรี่โคสต์มีอิทธิพลอย่างมากในช่วงแรกกับทีม โดยยิงได้ถึง 157 ประตู จาก 341 นัด เขาระเบิดฟอร์มจน สิงห์บลูส์ ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในยุค 200 ซึ่งรวมถึงแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 4 สมัย, ลีก คัพ 3 สมัย และเขียนชื่อตัวเองในหน้าประวัติศาสตร์ เมื่อยิงจุดโทษในนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2012 กับ บาเยิร์น

    กองหน้าตัวเป้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็ว และความคล่องตัว ย้ายออกจากถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อสัญญาของเขาหมดลงในปี 2012 เขาไปเล่นในลีกจีนกับ เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว และ กาลาตาซาราย

    เขากลับมาอย่างกล้าหาญสำหรับคนที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ เชลซี

    แต่ ดร็อกบา ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง และเขาก็ยังคงทำให้คำว่าตำนานเดินหน้าต่อไป เมื่อยิง 7 ประตู จาก 40 เกม ช่วยให้ สิงห์บลูส์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และลีก คัพ

    ในเกมสุดท้าย ดร็อกบา ออกสตาร์ทด้วยการเป็นกัปตันทีมนัดพบ ซันเดอร์แลนด์ ทว่าเขาบาดเจ็บหลังจากเกมผ่านไป 30 นาที

แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์

เกิด : 25 ธันวาคม 1964

โคเวนทรี มา ลิเวอร์พูล (1 กรกฎาคม 2000)

ค่าตัว : ฟรี

    'ลุงแม็ค' ย้ายจาก โคเวนทรี มายัง ลิเวอร์พูล ด้วยกฎบอสแมนในวัย 35 ปี เมื่อปี 2000 หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ เลสเตอร์, ลีดส์ ยูไนเต็ด และทีมช้างกระทืบโรง

    เขาใช้เวลาเพียง 2 ฤดูกาลในเมอร์ซี่ย์ไซด์ แต่ก็มีบทบาทที่สำคัญในการนำแชมป์กลับมาสู่ถิ่นแอนฟิลด์ เมื่อช่วยให้ทีมคว้าถ้วยลีก คัพ, ยูฟ่า คัพ และเอฟเอ คัพ ในซีซั่นแรกของตัวเอง เชราร์ อุลลิเย่ร์ ผู้จัดการทีมในเวลานั้นอธิบายว่าดาวเตะชาวสกอตแลนด์คือแรงบัลดาลใจสำหรับฤดูกาลแห่งความสำเร็จ

    แฟนๆ ของ หงส์แดง ยังคงจำกันได้ดี จากฟรีคิกระยะ 44 หลา ที่เขายิงใส่ เอฟเวอร์ตัน ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บที่กูดิสัน พาร์ค เพื่อให้ทีมตีเสมอ 2-2

    ฤดูกาลที่สองของเขาส่วนใหญ่จะอยู่ที่ม้านั่งสำรอง แต่เขาก็เป็นที่ยอมรับอย่างสูงจากเดอะ ค็อป จนมีเพลงของตัวเอง จนเมื่อเวลาของเขากับ ลิเวอร์พูล จบลง เขาก็กลับไปยัง โคเวนทรี

แกเร็ธ แบร์รี่

เกิด : 23 กุมภาพันธ์ 1981

แมนฯ ซิตี้ มา เอฟเวอร์ตัน (8 กรกฎาคม 2014)

ค่าตัว : ฟรี

    แบร์รี่ อาจไม่ได้เป็นอะไรที่หวือหวาเหมือน กุลลิท, เอโต้ หรือกระทั่ง กัมบิอัสโซ่

    อย่างไรก็ตาม มิดฟิลด์ร่างใหญ่ก็มีสถิติลงสนามถึง 653 เกมในพรีเมียร์ลีก ให้กับ แอสตัน วิลล่า, แมนฯ ซิตี้, เอฟเวอร์ตัน และ เวสต์บรอมวิช

    ตอนที่ แบร์รี่ ย้ายจาก เรือใบ ไป ทอฟฟี่ แบบยืมตัวในปี 2013 เขามีอายุ 32 ปี ซึ่้งเขาก็ย้ายแบบถาวรในฤดูกาลถัดมา เขาถือเป็นคนสำคัญของ เอฟเวอร์ตัน โดยลงสนามไป 155 นัด จาก 5 ฤดูกาล และได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทีมในปี 2016

รุด กุลลิท

เกิด : 1 กันยายน 1962

ซามพ์โดเรีย มา เชลซี (1 กรกฎาคม 1995)

ค่าตัว : ฟรี

    เมื่อ เกล็นน์ ฮ็อดเดิ้ล นำอดีตเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ และสุดยอดแข้งชาวดัตช์อย่าง กุลลิท มายัง เชลซี ในปี 1995 มันทำให้โลกฟุตบอลต้องตกตะลึง เนื่องจาก สิงห์บลูส์ ไม่เคยมีนักเตะชื่อเสียงระดับโลกมายังถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ มาก่อน

    กุลลิท ค้าแข้งในเซเรีย อา 8 ปี กับ เอซี มิลาน และ ซามพ์โดเรีย โดยที่นั่นเขาทำไป 83 ประตู จากการลงเล่น 236 นัด คว้าแชมป์ลีกได้ 3 สมัย และยูโรเปี้ยน คัพ อีก 2 ครั้ง

    เขาอยู่ในระดับแนวหน้าของบรรดาแข้งต่างแดน เช่นเดียวกับ เดนนิส เบิร์กแคมป์, ดาวิด ชิโนล่า และ จูนินโญ่ ที่ต้องพิสูจน์ตัวเองในลีกอังกฤษที่เน้นหนักเรื่องความหนักหน่วงของเกม อันที่จริง กุลลิท ไม่ได้เลือก เชลซี แต่เขาเลือก ฮ็อดเดิ้ล ที่ขายฝันให้เขาในการปั้นทีมจากกลางตารางให้ไปถึงระดับท็อปของลีกอังกฤษ

    กุลลิท ในฤดูกาลแรก เขาเริ่มต้นในตำแหน่งสวีปเปอร์ ก่อนจะย้ายมาเป็นมิดฟิลด์ ซึ่งทำไป 6 ประตู จาก 40 นัด แต่อิทธิพลของเขาในสนามก็เริ่มหายไปในอีก 2 ฤดูกาลถัดมา หลังกลายเป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีม แทน ฮ็อดเดิ้ล โดยคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ปี 1997

    กุลลิท มักจะเล่าว่าช่วงเวลาของเขาที่ เชลซี เป็นช่วงดีที่สุดในการค้าแข้ง "มันคือสวรรค์ของผม" เขาบอกกับ บีบีซี ในวันครบรอบ 25 ปี ที่เขาเซ็นสัญญา


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด