'รูน'ยังไม่ตาย
เมื่อเวลาทำได้เพียงหมุนไปข้างหน้า บางทีมันได้นำเอาสิ่งต่างๆ หายตามไปด้วย
ฟอร์มของ เวย์น รูนี่ย์ ก็เช่นเดียวกัน
นับตั้งแต่ระเบิดพลังงานอันล้นเหลือพา แมนฯ ยูไนเต็ด ก้าวไปคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งล่าสุดได้เมื่อปี 2012-13 จากนั้นมาเขาก็แทบกลายเป็นตัวตลกในสายตาผู้คนทั่วไป
โดยเฉพาะในช่วง 2 ฤดูกาลก่อนหน้านี้ที่ รูนี่ย์ ฟอร์มตกจนน่าเกลียด จากกองหน้าจอมดีเดือดกลายเป็นนักเตะเชิงคลาสสิกที่ทำได้แค่เปิดบอลขวางสนามไปมา
ซัมเมอร์ที่แล้วมีใครเสียดายไหมที่ผีแดงโละอดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษไปให้กับ เอฟเวอร์ตัน แบบไร้ค่าตัว
เอาจริงๆ มันก็คงมี แต่น่าจะน้อยมากๆ
เพราะแฟนปีศาจแดงส่วนใหญ่นั้นมองว่าดาวเตะวัย 32 ปีหมดสภาพไปแล้ว
จุดสุดยอดที่เคยมีก็ได้ผ่านพ้นจางหายไปกับกาลเวลาหมดโดยสิ้นเชิง
แต่!!!
มันกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น
10 ประตูในพรีเมียร์ลีกจาก 16 เกมแรกในซีซั่นนี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าาน้ำยาของเขายังเข้มข้นเหมือนเดิม สถิติการลั่นไกของเขาไม่ได้เป็นรองดาวเตะค่าตัว 75 ล้านปอนด์ที่ผีแดงดึงไปแทนที่อย่าง โรเมลู ลูกากู เลย
แม้ผลงานของ เอฟเวอร์ตัน จะเพิ่งกระเตื้องขึ้นมาหลังจากช่วงต้นวนเวียนอยู่ในโซนหนีตกชั้นเพียงอย่างเดียว
แต่กับผลงานส่วนตัวของ รูนี่ย์ นั้นเรียกได้ว่าแรงระดับห้าดาว
อย่างที่บอกไปข้างต้น ไอ้หมูรูนที่ครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลอันดับสองในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกซัดไปแล้ว 10 ลูกจากการเล่นเพียง 16 เกม ซึ่งตัวเลขนี้มันมากกว่าที่ไอ้เวร เอ๊ย เวย์น ยิงได้จากการเล่นตลอดฤดูกาล 2 ปีก่อนเสียอีก
ย้อนกลับไปซีซั่นก่อน หมูรูนยิงได้เพียง 5 ประตูเท่านั้น ขณะที่ปี 2015-16 ก็ซัดได้เพียง 8 ลูกในลีก
และหากเขายังคงยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำแบบนี้เรื่อยๆ แน่นอนความมั่นใจที่มันหดหายไปจะคืนกลับมาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
หากใครมองว่าแค่นั้นเจ๋งแล้ว ต้องบอกว่าคิดใหม่
เพราะนอกจากจะกลับมายิงได้เยอะแบบวัวตายควายขวิดแล้ว เขาครองสถิติเป็นนักเตะที่เปลี่ยนโอกาสให้เป็นสกอร์ดีที่สุดใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปด้วย
พูดง่ายๆ ก็คือไม่ต้องการโอกาสมาก ขอเพียงลู่ทางอันน้อยนิด รูนี่ย์ พร้อมจัดบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้ง่ายๆ เลย
อัตราการเปลี่ยนโอกาสให้เป็นประตูในซีซั่นนี้ของเขาสูงถึง 37.5% มากกว่าใครทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ลีโอเนล เมสซี่, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เอดินสัน คาวานี่ หรือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยังต้องยอมให้เลย
หนึ่งในนั้นได้กลายเป็นประตูที่เรียกได้ว่าระดับโลกเลยทีเดียว
เมื่อ รูนี่ย์ บรรจงซัดบอลจากระยะ 60 หลาลอยเข้าไปตุงตาข่ายในเกมพบ เวสต์แฮม ซึ่งนั่นทำให้เขาคว้ารางวัลลูกยิงยอดเยี่ยมประจำเดือนพฤศจิกายนได้ด้วย
แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไอ้หมูรูนทำประตูใส่ขุนค้อนจากการยิงไกลมากขนาดนี้
ย้อนไปในปี 2014 เขาก็เคยยิงจากบริเวณเกือบกึ่งกลางสนามในช่วงที่อยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด จนทำให้ผีแดงเอาชนะเดอะ แฮมเมอร์ส มาแล้ว
ปัจจุบัน ทอฟฟี่ลงแข่งขันไปแล้ว 18 นัด เก็บไปได้ 25 แต้ม รั้งอันดับ 9 อยู่บนตารางพรีเมียร์ลีก โดยจากจำนวนนั้น รูนี่ย์ เป็นคนที่พังประตูชัยช่วยให้ เอฟเวอร์ตัน หวดมาได้ถึง 10 คะแนน
จำแนก 2 ลูกมาจากการยิงจุดโทษ ซึ่งหนึ่งในนั้นมาจากเกมบุกไปเสมอ ลิเวอร์พูล 1-1 ถึงสนาม แอนฟิลด์ ในนัดเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ กองหน้าชาวเมืองผู้ดีก็ยิงประตูโทนช่วยทีมดับ นิวคาสเซิ่ล 1-0 เมื่อวันพุธที่ 13 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นลูกที่ 5 จาก 4 เกมหลังสุด นอกจากนี้ย้อนไปเกมชนะ ฮัดเดอร์สฟิลด์ 2-0 เขาก็ยังทำแอสซิสต์ได้ด้วย
แต่ทั้งหมดทั้งมวลมันก็มาจากโอกาสลงเล่นที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในการกลับคืนถิ่นกูดิสัน พาร์ค คำรบสอง
ในฤดูกาลสุดท้ายกับผีแดง อดีตกัปตันทีม แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสลงเล่นในลีกเพียง 25 นัดเท่านั้น และคิดเป็นจำนวนได้ 1,538 นาที
ผิดกับฤดูกาลนี้ ที่ รูนี่ย์ วาดลวดลายบนฟลอร์หญ้าไปแล้วถึง 16 จาก 18 เกม เรียกได้ว่าพลาดแค่ 2 นัดเท่านั้นเอง และกินเวลาไปถึง 1,245 นาทีแล้ว
เมื่อเทียบกับทั้งหมดในซีซั่นก่อน ปีนี้ รูนี่ย์ ลงเล่นจากจำนวนนั้นไปถึง 75% แล้ว
นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาสำคัญเพียงใดกับ เอฟเวอร์ตัน
แม้ตั้งแต่ที่ แซม อัลลาร์ไดซ์ เข้ามารับหน้าที่กุนซือใหญ่ หัวหอกวัย 32 ปีจะถูกถอยให้ไปยืนเป็นมิดฟิลด์โดยสมบูรณ์แบบไปแล้ว
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความเฉียบคม เฉียบขาดต่างๆ ที่เขาเคยมีลดทอนลงไปเลย
กับสิ่งที่หลายคนสบประมาทว่า รูนี่ย์ คนเก่าได้ตายไปแล้ว
ตอนนี้เขาเหมือนถูกชุบชีวิตให้กลับมาเกิดใหม่แล้วอีกครั้ง
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT