หงส์แดงยุคใหม่
แต่บรรดาเดอะ ค็อปทั่วโลกเหมือนกับได้ของขวัญชิ้นโตกันล่วงหน้าแล้ว
เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กำลังจะเปิดตัวเป็นนักเตะใหม่ของ ลิเวอร์พูล ในวันที่ 1 มกราคมนี้
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะมันได้เกิดขึ้นจริง
หลังทราบข่าว ผมเองพยายามเอามือตบหน้าตัวเองอยู่ฉาด สองฉาด
เฮ้ย... มันจริงเหรอวะเนี่ย!
ที่น่าตกใจสุดขีดก็คงเหมือนกับคนอื่นๆ นั่นคือค่าตัว 75 ล้านปอนด์ ในประวัติศาสตร์ชาติฟุตบอลตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเจอกองหลังที่ไหนราคาแพงระยับขนาดนี้มาก่อน
แค่เห็นข่าวตอนซัมเมอร์ที่ว่าหงส์แดงพร้อมทุ่มแหลก 60 ล้านปอนด์ล่าตัว วีวีดี ก็แทบขำหงายท้องตึงแล้ว แต่สุดท้ายบวกเพิ่มไปอีก 15 ล้านปอนด์ครับพี่น้อง
ส่วนที่น่าตกใจต่อมา ทีมอย่าง ลิเวอร์พูล กล้าทุ่มเงินขนาดนี้ด้วยเหรอ
???
ที่ผ่านมาเราได้เห็น แมนฯ ซิตี้, เชลซี, แมนฯ ยูไนเต็ด และช่วงหลังๆ ก็ อาร์เซน่อล ที่กล้าจ่ายเงินราคา 40-50 ล้านปอนด์ขึ้นแบบไม่ต้องไปคิดอะไรมาก
สำหรับทีมสีแดงแห่งลุ่มน้ำเมอร์ซี่ย์ แค่จะให้ทำลายสถิติ 35 ล้านปอนด์ของ แอนดี้ แคร์โรลล์ ก็ลำบากแล้ว ขนาด โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ฟอร์มกระฉูดทะลุสามโลกยังไม่ได้ถูกบันทึกว่าทำลายราคานั้นเลย
แต่ถึงตอนนี้ ฟาน ไดค์ กลายเป็นกองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลกไปแล้ว พร้อมด้วยการที่หงส์แดงเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์
ทีนี้ปัญหามันเลยเกิดขึ้นมาว่า "คุ้มเหรอวะ"
คุ้มไม่คุ้มค่อยว่ากันอีก เพราะกาลเวลาจะเป็นตัวให้คำตอบเอง
แต่ถามว่าจุดเด่นของเซนเตอร์ฮาล์ฟดัตช์แมนคืออะไร ตอบง่ายๆ คือสิ่งที่ ลิเวอร์พูล ไม่มีนั่นเอง
เขาแข็งแกร่งในลูกกลางอากาศ เล่นบอลบนพื้นได้ดี แถมยืนตำแหน่งได้นิ่ง การสกัดก็ไม่วืดวาด โฉ่งฉ่าง แถมยังเพิ่มเติมด้วยทีเด็ดฟรีคิกอันแม่นยำ แม้ช่วงหลังๆ จะไม่ค่อยได้โชว์เท่าไหร่ก็เถอะ
ด้วยส่วนสูง 6 ฟุต 4 นิ้ว ทำให้หลายคนอาจคิดว่าเขาเชื่องช้า แต่เอาเข้าจริงคือไม่เลย
ฟาน ไดค์ เป็นพวกที่เล่นบอลบนพื้นได้ดีกว่าลูกหัวที่เหมือนเป็นของติดตัวมาแต่เกิดเสียอีก นับได้ง่ายๆ จาก 7 ประตูที่เขาทำได้ทั้งหมดในสีเสื้อ เซาธ์แฮมป์ตัน มีลูกโหม่งเกิดขึ้นแค่ 2 ประตูเท่านั้น ที่เหลือเป็นการใช้เท้าล้วนๆ
ขนาด เจมี่ คาร์ราเกอร์ ตำนานแข้งหงส์แดงที่ผันตัวไปรับบทผู้วิเคราะห์ปากจัดยังกล่าวชื่นชมดาวเตะใหม่ของอดีตต้นสังกัดว่า "ลูกกลางอากาศดีกว่าผม เร็วกว่าผม นิ่งกว่าผม ไม่ทำประตูตัวเองด้วยนะ!"
ด้านตัวนักเตะเองก็เป็นปลื้มสุดขีดที่ฝันสลายเมื่อ 6 เดือนก่อนหน้านี้กลายเป็นจริงเสียที "ผมยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติมากที่กำลังจะกลายเป็นนักเตะของลิเวอร์พูล"
"วันนี้มันเป็นวันที่น่าภูมิใจสำหรับผมและครอบครัวที่ได้ย้ายมาอยู่กับหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก"
"ผมไม่อยากรอที่จะสวมใส่เสื้อสีแดงอันทรงเกียรติเป็นครั้งแรกต่อหน้าเดอะ ค็อป และจะพยายามให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมจะสามารถทำได้เพื่อช่วยให้สโมสรประสบความสำเร็จ"
ด้าน คล็อปป์ ก็ได้พูดถึงลูกทีมคนใหม่ด้วยเหมือนกัน "ผมนึกภาพออกเลย ผู้คนต้องร้อง ว้าว!!! แพงอะไรเบอร์นั้นวะเนี่ย"
"ผมว่าแฟนลิเวอร์พูลควรลืมเรื่องราคาไปเหอะ เรามาพูดแค่เรื่องตัวผู้เล่น และเขาจะนำอะไรมาสู่ทีมได้บ้างดีกว่า"
"เขามีทั้งคุณภาพ คาแร็คเตอร์ และใจ แค่นี้ก็ทำให้เราแฮปปี้แล้ว"
เอาเป็นว่าเรื่องคุ้มอย่าเพิ่งไปถกเถียงกันเลย จบไปก่อน!
ที่น่าสนใจกว่านั้นคือการก้าวกระโดดขึ้นไปอีกขั้นของสโมสร ลิเวอร์พูล ต่างหาก
ต้องยอมรับว่าปัจจุบัน พวกเราไม่ใช่ทีมเบอร์หนึ่งของเกาะอังกฤษอีกต่อไปแล้ว แถมถ้าเทียบความน่าสนใจก็ไม่ได้ติดหนึ่งในสี่เสียด้วยซ้ำ
ถ้าต้องลองไปแย่งนักเตะกับพวก แมนฯ ซิตี้, แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี หรือ อาร์เซน่อล ฟันธงร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าแห้วแดรกส์
แต่มันเกิดขึ้นแล้วในรายการ ฟาน ไดค์
ใครๆ ก็รู้ว่าเซนเตอร์ฮาล์ฟเนื้อหอมคนนี้ได้รับความสนใจจากทั้งสิงห์บลูส์และเรือใบ แต่สุดท้ายกลับเป็นหงส์แดงที่เข้าวิน
หลายคนชี้เป้าไปยัง เจอร์เก้น คล็อปป์
นี่คือส่วนสำคัญที่นำเสน่ห์ดึงดูดกลับมายัง ลิเวอร์พูล อีกครั้ง
ฟาน ไดค์ เองก็เคยเผยกลายๆ ว่าอยากร่วมงานกับกุนซือชาวเยอรมันมากเลยเลือกวางหัวใจไว้ที่แอนฟิลด์ ดีกว่าไปนอนสบายเอาตีนก่ายหน้าผากกับ อันโตนิโอ คอนเต้ และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
แต่จะว่าไปนี่ก็ไม่ใช่คนแรก เพราะก่อนหน้านี้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ก็เคยบอกปัดเงินก้อนโตที่ เชลซี เสนอให้เพื่อมารับค่าเหนื่อยอันน้อยนิดที่แอนฟิลด์แทน
เมื่อสามารถตีต่อแรงดึงดูดมาจากเหล่ายักษ์ใหญ่ในลีกเดียวกันได้แล้ว
ขั้นต่อไปคือเงินต้องถึง และครั้งนี้กลุ่มเจ้าของเฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป น่าจะได้ใจเดอะ ค็อป ไปไม่มากก็น้อย หลังเคยถูกโจมตีว่าเหนียวหนึบหนับราวตังเมในการใช้จ่ายเงิน
ในกรณีของ ซาลาห์ ขอให้เป็นข้อยกเว้น เพราะเงิน 30 กว่าล้านปอนด์ที่ลงทุนไปราวกับสามล้อถูกหวยดีๆ นี่เอง
แต่กับช่วงซัมเมอร์จนถึงตอนนี้ที่ทุ่มไปกับ ดิ อ็อกซ์ 35 ล้านปอนด์, นาบี เกอิต้า ที่ 60 กว่าล้านปอนด์ และล่าสุดกับ ฟาน ไดค์ ที่ 75 ล้านปอนด์นั้นบ่งบอกว่า หงส์แดงก็เป็นอีกทีมที่พร้อมจะทุ่มแหลกแจกไม่อั้นเพื่อให้ได้ซึ่งนักเตะดีๆ มาร่วมทีมแล้วเหมือนกัน
หลายคนบอกเงินซื้อความสำเร็จไม่ได้ แต่ยุคนี้สมัยนี้มันเถียงไม่ออกหรอกว่าเงินเป็นปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่งไปแล้ว
แม้ช่วงที่เหลืออีกครึ่งซีซั่น เต็มที่ ลิเวอร์พูล คงลุ้นได้เพียงการทำอันดับไปเล่นบิ๊กเอียร์ในซีซั่นหน้าอีกครั้งเท่านั้น
แต่หลังจากดีลของ ฟาน ไดค์ มันได้สะท้อนให้เห็นว่าหงส์แดงยุคใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT