7 สัปดาห์ของทูเคิ่ล 'ใครเกิด-ใครดับ'
กุนซือชาวเยอรมันเริ่มต้นได้อย่างสมบูรณ์แบบกับสโมสรเวสต์ลอนดอน โดยพาทีมชนะ 6 เสมอ 4 จาก 10 นัดในพรีเมียร์ลีก แถมยังแหย่เท้าเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก ไปแล้วข้างหนึ่งด้วย
แม้จะทำได้เพียงเสมอกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด แบบไร้สกอร์ในเกมลีกนัดล่าสุด ทว่าถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เคยแพ้ใครเลยนับตั้งแต่มาจับงานที่อังกฤษ
ตั้งแต่คุมทีมเกมแรกนัดพบ วูล์ฟส์ เมื่อวันที่ 27 มกราคม ทูเคิ่ล มักจะเลือกใช้งานระบบ 3-4-2-1 ซึ่งมันทำให้ สิงห์บลูส์ กลายเป็นทีมที่เล่นได้ชัวร์ยามครองบอล และมีเกมรับที่แข็งแกร่ง
แม้จะยังมีปัญหาอยู่บ้างในเรื่องของการผลิตสกอร์ แต่ ทูเคิ่ล ก็สามารถพาทีมคว้าชัยเหนือ สเปอร์ส, แอต. มาดริด, ลิเวอร์พูล, เอฟเวอร์ตัน และเสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด
นอกจากนี้ เขายังดูเหมือนว่าสามารถจับทางกับกลุ่มนักเตะที่มีอย่างจำกัดได้รวดเร็วไม่ว่าจะเป็นการผสมผสานเกมรับ และในแผงมิดฟิลด์จนนำไปสู่ผลการแข่งขันที่ดี ก่อนที่เขาจะสามารถหาทีมของตัวเองแบบจริงๆ จังๆ ในช่วงซัมเมอร์ต่อไป
นักเตะที่เหมือนจะเป็นดาวดับอย่าง มาร์กอส อลอนโซ่ และ อันเดรียส คริสเตนเซ่น กลับมาเบ่งบานในยุคของ ทูเคิ่ล อย่างไม่น่าเชื่อ แต่มันก็กลายเป็นเรื่องยากสำหรับคนอีกกลุ่ม อาทิ แทมมี่ อบราฮัม, เบน ชิลเวลล์ และ คริสเตียน พูลิซิช
จาก 7 สัปดาห์ที่ผ่านมา เราจะมาเช็กกันหน่อยว่าใครคือผู้ชนะ และผู้แพ้ที่ชัดเจนที่สุดภายใต้การทำงานของผู้จัดการทีมของคนใหม่ของ เชลซี
ผู้ชนะ
อันเดรียส คริสเตนเซ่น
หนึ่งในจุดเด่นของ เชลซี ภายใต้การคุมทัพของ ทูเคิ่ล ก็คือเกมรับ และเขาก็เก็บคลีนชีตได้ถึง 10 จาก 12 นัดตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง
หนึ่งในคนที่โดดเด่นที่สุดก็คือ คริสเตนเซ่น ซึ่งเข้าๆ ออกๆ ทีมในสมัยของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด แต่ตอนนี้เขาถือเป็นแกนหลักของนายใหญ่คนใหม่แล้ว
ความจริงก็คือ ดาวเตะทีมชาติเดนมาร์กลงตัวจริงในยุค ทูเคิ่ล เชลซี เก็บคลีนชีตได้เกือบทุกเกม พลาดแค่นัดเดียวเท่านั้น
ฟอร์มของเขาช่างน่าประทับใจจนมีรายงานออกมาในสัปดาห์นี้ว่า สิงห์บลูส์ เตรียมที่จะเปิดการเจรจาเรื่องสัญญาฉบับใหม่เพื่อมอบสถานะตัวจริงให้กับเจ้าตัว และเป็นการปัดความสนใจที่อาจเกิดขึ้นจากทีมอื่นด้วย
มาร์กอส อลอนโซ่
ดาวเตะชาวสเปนเคยมีช่วงเวลาที่น่าประทับใจอย่างมากกับทีม และจากนั้นอนาคตของเขากับสโมสรก็กลายเป็นที่สงสัย
ฟอร์มของ อลอนโซ่ สามารถตอบสนองความต้องการของกุนซือได้อย่างแท้จริง เพราะแข้งชาวสเปนรู้ดีว่าจะทำยังไงให้ทำผลงานดีที่สุดกับบทบาทวิงแบ็กซ้ายในระบบ 3-4-2-1
ด้วยการเล่นเกมรับในบางครั้ง อลอนโซ่ สามารถเพิ่มอ็อปชั่นในเกมรุกทางริมเส้น และก็ดันสูงมาจากแนวลึกได้
เขาทำประตูในชัยชนะครั้งแรกของ ทูเคิ่ล คือเกมกับ เบิร์นลี่ย์ เมื่อ 31 มกราคม และก็ยังดูจะมีบทบาทสำคัญกับทีมมากกว่าราคาอันมหาศาลของ เบน ชิลเวลล์ ด้วย
จอร์จินโญ่
ดาวเตะทีมชาติอิตาลีมายังถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ในซัมเมอร์ ปี 2018 และกลายเป็นแกนหลักตรงกลางสนามของ 'ซาร์รี่บอล' ทันที หลังเคยร่วมงานกับ เมาริซิโอ ซาร์รี่ มาก่อนแล้วกับ นาโปลี
เขาถูกใช้งานในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวต่ำที่สุดในระบบ 4-3-3 ของ ซาร์รี่ โดยหน้าที่ของ จอร์จินโย่ คือรับบอลจากกองหลัง และเปิดเกมรุกจากแนวลึก ซึ่งเหมือนกับเป็นสมองของทีม
บทบาทของเขาดูจะถูกปรับแต่งโดย แลมพาร์ด แต่ตอนนี้ สิงห์บลูส์ ได้กลายเป็นทีมที่เน้นการครองบอล และเล่นไม่ได้ผลีผลามอะไรในการเจอทีมที่เล่นแบบเพรสซิ่งในตอนที่พวกเขาครองบอลอยู่
จอร์จินโญ่ กลายเป็นคนที่เพอร์เฟ็คท์อย่างที่ ทูเคิ่ล ต้องการในตำแหน่งมิดฟิลด์ของเขา และรายงานที่ว่า ยูเวนตุส ต้องการตัวเขาก็คงจบลงไปเลย นอกจากการเล่นที่เข้าระบบอย่างมากแล้ว เขายังมีทีเด็ดจากการยิงจุดโทษอย่างลูกที่สองในเกมก่อนกับ เอฟเวอร์ตัน
คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย
ด้วยอาการบาดเจ็บ และฟอร์มที่จางหายไปทำให้ ฮัดสัน-โอดอย ต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากภายใต้การคุมทีมของ แลมพาร์ด ในซีซั่นก่อน และเขาก็ยังไม่สามารถจะเอาชนะในการแย่งชิงตำแหน่งตัวจริงมาถึงฤดูกาลนี้ด้วย
แต่ ทูเคิ่ล ก็ใช้งานเขาในตำแหน่งวิงแบ็กขวาในหลายครั้ง ซึ่งผลก็มักออกมาดี
แม้จะมีการเปลี่ยนตัวแบบซ้ำๆ ของเขาในเกมกับ เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อเดือนก่อน แต่ ฮัดสัน-โอดอย ก็ตอบสนองกับคำวิจารณ์ของกุนซือ และได้ลงตัวจริงในนัดเอาชนะ แอต. มาดริด รวมถึงเกมใหญ่อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด และ เอฟเวอร์ตัน ด้วย
ในอนาคตข้างหน้า มันไม่แน่ว่าคุณจะได้เห็นเขากลับมาเล่นในตำแหน่งตัวรุกตามที่เติบโตมาเหมือนเดิมหรือไม่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาก็มีความสุขกับการได้ลงสนามแบบจริงๆ จังๆ หลังดูจะไม่มีอนาคตเท่าไหร่ในช่วงก่อนหน้านี้นะ
โรมัน อบราโมวิช
นี่คือคนที่ได้รับชัยชนะตัวจริง
มันเหมือนระเบิดครั้งใหญ่กับการไล่ แลมพาร์ด ออก เนื่องด้วยความผูกพันของเขากับสโมสร และเหล่าแฟนบอล หลังจากอนุมัติเงินก้อนโตให้จับจ่ายในช่วงซัมเมอร์
แต่อย่างที่เราเคยเห็นกันมาหลายครั้งนั่นแหละ อบราโมวิช จะทำหากรู้ว่าสิ่งต่างๆ มันไม่ดี และเขาก็เป็นคนที่เด็ดขาด และก็ต้องการให้ทีมกลับไปสู่การชิงชัยในกลุ่มท็อปโฟร์ด้วย
อย่างที่เห็นในตอนนี้ ไม่เพียงแค่ เชลซี จะมองไปยังการจบในกลุ่มโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกเท่านั้น พวกเขายังสามารถทะยานไปไกลได้กว่า นั่นมาจากการตัดสินใจของเจ้าของทีมชาวรัสเซียที่เลือกเขี่ย แลมพาร์ด ทิ้ง และแทนที่เขาด้วย ทูเคิ่ล
ผู้แพ้
เบน ชิลเวลล์
มันอาจจะดูรุนแรงไปเสียหน่อยกับตำแหน่งผู้แพ้ แต่ ชิลเวลล์ นั้นถูก แลมพาร์ด มองว่าเป็นคนที่จะเข้ามาจัดการกับปัญหาในตำแหน่งแบ็กซ้าย โดยทุ่มเงินซื้อมาจาก เลสเตอร์ ด้วยค่าตัวถึง 45 ล้านปอนดื
เขาเริ่มต้นซีซั่นด้วยอาการบาดเจ็บ แต่เมื่อฟิตกลับมา เขาก็เป็นเบอร์หนึ่งในตำแหน่งนั้นทันที โดยยิง 2 ประตู และทำอีก 4 แอสซิสตืในพรีเมียร์ลีก
แต่การเปลี่ยนไปเล่นระบบสามเซนเตอร์แบ็กนั้น ทำให้ ชิลเวลล์ ดูจะไม่เหมาะสักเท่าไหร่ ซึ่ง อลอนโซ่ กลายเป็นตัวเลือกเบอร์ 1 แทน และแบ็กซ้ายทีมชาติอังกฤษก็เป็นตัวจริงแค่ 5 จาก 10 เกมลีกของ ทูเคิ่ล เท่านั้น แถมยังเป็นแค่ตัวสำรองในเกมสำคัญที่ชนะ แอต. มาดริด ในเลกแรกด้วย
ตอนนี้ต้องบอกเลยว่าฟอร์มของ อลอนโซ่ นำหน้าเขาไปแล้ว และ ชิลเวลล์ ก็ต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งที่ไม่ได้รับการการันตีอีกต่อไป
คริสเตียน พูลิซิช
พูลิซิช เป็นหนึ่งในนักเตะที่ใครหลายคนคิดว่าจะต้องดังทะลุขีดสุดแน่หลังจากการมาของ ทูเคิ่ล ซึ่งเป็นคนมอบโอกาสประเดิมทีมชุดใหญ่ให้เขาที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
แต่ดาวเตะทีมชาติอเมริกากลับได้ลงเล่นตัวจริงเพียงแค่ 2 นัดเท่านั้น ตั้งแต่ที่ ทูเคิ่ล มาถึง ก็คือเกมเอฟเอ คัพ ที่เอาชนะ บาร์นส์ลี่ย์ 1-0 และก็ล่าสุดที่เสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด ไร้สกอร์ รวมถึงอีก 6 นัดที่มีชื่อบนม้านั่งสำรองในเกมลีก
ทูเคิ่ล ยอมรับว่าเขาไม่ได้ให้ความยุติธรรมกับ พูลิซิช สักเท่าไหร่ เขาดูจะชอบ ฮาคิม ซิเย็ค ทางด้วยขวามากกว่า ขณะที่ ทิโม แวร์เนอร์ ก็เล่นระหว่างทางกราบซ้ายกับกองหน้าตัวเป้า
กระนั้น พูลิซิช ก็ยังกล่าวว่า "ผมไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจากสิ่งดีๆ เกี่ยวกับตัวเขา" ดังนั้นก็ยังคงมีโอกาสสำหรับ พูลิซิช อยู่
แทมมี่ อบราฮัม
อบราฮัม คือหนึ่งในเรื่องราวที่ประสบความสำเร็จมากมายในฤดูกาลแรกของ แลมพาร์ด เมื่อสโมสรต้องมองมายังเด็กๆ ในทีมจากคำสั่งห้ามซื้อนักเตะใหม่จากฟีฟ่า
ดาวเตะวัย 23 ปี มีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมในซีซั่นก่อน เมื่อยิงไป 10 ประตู จาก 13 เกมแรกในลีก ก่อนที่ฟอร์มจะดร็อปลงไปจนกระทั่งการแข่งขันจบสิ้น
เขาได้รับโอกาสมากมายก่อนที่ แลมพาร์ด จะโดนไล่ออก แต่ก็ยิงได้เพียง 6 ประตูในลีก ก่อนที่ ทูเคิ่ล จะเข้ามารับช่วงต่อ และเขาก็แทบไม่ได้ลงสนามเลย
อบราฮัม ไม่ได้อยู่ในทีมตลอด 4 เกมหลังสุด โดย โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ และ แวร์เนอร์ นั้นสถานะดีกว่าเขา และล่าสุด ไค ฮาแวร์ตซ์ ก็อุตส่าห์ถูกดันไปเล่นเป็นเบอร์ 9 อีก มีความเป็นไปได้เลยทีเดียวที่เขาจะย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์
เคิร์ท ซูม่า
เมื่อไม่นานมานี้ ในช่วงก่อนคริสต์มาส ซูม่า ถือเป็นดาวเด่นสำหรับเกมรับของ เชลซี ยุค แลมพาร์ด โดยจับคู่กับ ติอาโก้ ซิลวา อย่างแข็งแกร่ง
ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บ และการถูกปล่อยยืมทำให้ ซูม่า ไม่สามารถเป็นขาประจำของทีมจนกระทั่งฤดูกาลที่แล้ว แต่ในยุคของ แลมพาร์ด เขาก็กลายมาเป็นตัวเลือกแรกของสโมสร
ทว่าความดีทั้งหมดดูเหมือนจะโดนยกเลิกไปในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาในยุคของ ทูเคิ่ล โดย ซูม่า มีโอกาสลงสนามในลีกเพียง 2 เกมเท่านั้นจนถึงตอนนี้
สิ่งที่แย่กว่าก็คือ ทูเคิ่ล เปลี่ยนระบบมาใช้สามเซนเตอร์แบ็ก โดยมี คริสเตนเซ่น, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า และ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ยึดตัวจริงอยู่แล้ว แม้ ซูม่า จะมีโอกาสได้สร้างความประทับใจในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน เมื่อวันจันทร์ก่อน แต่มันจะเพียงพอที่จะทำให้เขากลับมาเป็นตัวหลักเหมือนเดิมหรือไม่ ตรงนี้สิน่าสงสัย?
เอแมร์ซอน
ถ้า ชิลเวลล์ ถือเป็นผู้สอบตกในตำแหน่งวิงแบ็กซ้ายแล้ว เอแมร์ซอน ล่ะ จะไปอยู่ตรงไหน?
ดาวเตะชาวอิตาลีได้รับการหนุนหลังสำหรับการเป็นตัวเลือกแบบโรเตชั่นมาโดยตลอด แต่ไม่เคยทำได้ดีพอที่จะเป็นตัวเลือกแรกในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์
แต่ ทูเคิ่ล ก็ปรับใช้งานเขาในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กฝั่งซ้ายในเกมที่ชนะ บาร์นส์ลี่ย์ ซึ่งเขาก็เหมือนว่าจะทำได้ดีด้วย
ด้วยความที่เขาสามารถเล่นได้ทั้งสองตำแหน่งคือสาเหตุที่เขามีชื่ออยู่บนม้านั่งสำรองตลอด แต่เวลาลงสนามแค่ 688 นาที ก็น่าจะทำให้เขาต้องคิดย้ายทีมจริงๆ จังๆ แล้วในช่วงซัมเมอร์นี้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT