กุนซือที่เจ๋งกว่า เป๊ป!
แม้มันจะกลายเป็นเรื่องฮือฮาสำหรับวงการลูกหนัง แต่ นาเกลส์มันน์ ก็คิดถึงแค่เรื่องของฟุตบอลเท่านั้น
เขาจะหยิบปากกา และกระดาษติดตัวไปยังห้องน้ำในตอนเช้าเผื่อว่าจะมีแนวคิดใหม่ๆ เกิดขึ้น และเขาก็จำเป็นจะต้องจดบันทึกไว้เพื่อใช้ในการซ้อมวันนั้นๆ ด้วย
เขาต้องการให้นักเตะของเขาคิดถึงเรื่องของฟุตบอล
ก่อนการซ้อม เขามักจะให้ทีมของเขาจดว่าการฝึกสอนครั้งนี้เกี่ยวกับอะไร เพื่อกระตุ้นให้พวกเขามองหาวิธีการพัฒนาตัวเอง
"ผมมักจะครอบงำนักเตะของผมอย่างตั้งใจ" นาเกลส์มันน์ กล่าวในปี 2016 หลังจากได้รับการแต่งตั้งให้คุมทีม ฮอฟเฟ่นไฮม์ จนกลายเป็นโค้ชอายุน้อยที่สุดของบุนเดสลีกา
"ถ้าผมให้สิ่งเหล่านี้สัก 10 อย่างต่อวัน และพวกเขาเรียนรู้สัก 4 อย่าง ผมก็จะมีความสุขมากกว่าการที่ผมยึดมั่นกับทฤษฎีเพื่อเป้าหมายสูงสุด 5 อย่างต่อวัน และพวกเขาจำได้แค่ 2 อย่าง"
แนวทางของ นาเกลส์มันน์ คือการผสมผสานระหว่างการฝึกสอน และแรงจูงใจ ซึ่งเขาบอกว่า 35-40% นั้นคือเรื่องของแท็คติก และอีก 60-65% คือความเป็นผู้นำ
เรื่องทางสังคมของการจัดการทีมฟุตบอลเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาถูกแต่งตั้งครั้งแรก เมื่อเขาต้องเข้าไปในห้องแต่งตัวที่มีนักเตะหลายคนแก่กว่าเขา
การที่เขาถูกดันให้คุมทีมลีกใหญ่อย่าง ฮอฟเฟ่นไฮม์ ด้วยวัยเพียง 28 ปี ทำให้เขาถูกกล่าวถึงจากสื่อในเวลานั้นว่า นาเกลส์มันน์ เป็นเพียงการประชาสัมพันธ์เท่านั้น
5 ปีถัดมา บาเยิร์น มิวนิค ตกลงจ่ายเงินทุบสถิติ 25 ล้านยูโร (22 ล้านปอนด์) เพื่อจะได้ตัวเขามาเป็นเทรนเนอร์คนใหม่ แน่นอนเรื่องตลกเหล่านั้นหายไปนานแล้ว
หลังได้รับการแต่งตั้งจาก ฮอฟเฟ่นไฮม์ ที่รั้งรองบ๊วยของตารางบุนเดสลีกา นาเกลส์มันน์ ได้ทำการเปลี่ยนแปลงทีมที่กำลังออกทะเลไปไกลให้กลับเข้าฝั่ง โดยบอกให้ผู้เล่นเลิกแท็คเกิ้ลซะ และมองหาวิธีการแย่งบอลคืนแบบรวมกันเพรสซิ่ง และดักช่องจ่ายของทีมคู่แข่ง
เขารู้สึกว่าการเข้าแท็คเกิ้ลแย่ๆ ไม่เพียงแค่นำไปสู่การเสียฟาวล์เท่านั้น แต่มันยังทำให้นักเตะไม่สามารถนำบอลกลับมาครอง และไม่สามารถโต้กลับได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
นี่คือสิ่งที่เขาปลูกฝังในสนามซ้อม ซึ่งอยู่ไกลจากรูปแบบที่เฉพาะเจาะจง เนื่องจากเขารู้สึกว่าการสอนแบบเจาะจงมากเกินไปจะไม่ให้ผลลัพธ์ที่ดี
"ผมไม่ได้คิดถึงระบบที่เป็นอัตโนมัติมากนัก เพราะพวกเขาจะคิดว่ามันจะเป็นสถานการณ์แบบเดิมอยู่เสมอ มันไม่ได้ผลเสมอไปหรอก"
"แต่นั่นไม่เข้ากับความเป็นจริงกับนักเตะทั้ง 22 คนในสนาม หากคู่แข่งอยู่ห่างออกไปทางซ้ายเพียงครึ่งเมตร นักเตะก็จะไม่รู้แล้วว่าเขาต้องทำอะไร"
ผลการแข่งขันนั้นเกิดขึ้นทันทีที่ ฮอฟเฟ่นไฮม์ เนื่องจากพวกเขาเอาชนะได้ 7 จาก 14 เกมที่เหลือในลีกจนสโมสรรอดพ้นการตกชั้นจากเวทีบุนเดสลีกา
"ผมจะไม่มีวันลืมว่า เควิน โฟลลันด์ เข้ามาหาผมด้วยแววตาที่เปล่งประกาย หลังจากการซ้อมครั้งแรกกับ ยูเลี่ยน และพูดว่า 'เราจะอยู่รอดในลีกต่อไปแน่!" ลุทซ์ ฟานเนนสตีล หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ และแมวมองของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ กล่าวผ่าน ดาโซน
ในฤดูกาลถัดมา ปี 2016-17 ผลงานก็ยังคงดำเนินต่อไปในแบบเดียวกัน โดย ฮอฟเฟ่นไฮม์ โชว์ฟอร์มได้เหนือความคาดหมาย เมื่อผ่านเข้าไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก ได้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
ความเป็นผู้นำของ นาเกลส์มันน์ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของพวกเขา แต่ความเป็นผู้นำทางแท็คติกของเขาก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน
เมื่อ นาเกลส์มันน์ มาถึง เขาขอให้ติดตั้งวิดีโอวอลล์ไว้ข้างสนามซ้อมเพื่อให้นักเตะสามารถรับชมไฮไลท์ และคลิปต่างๆ เพื่อช่วยในการทำความเข้าใจจุดมุ่งหมายของโค้ช รวมถึงจุดแข็ง จุดอ่อนของพวกเขาเองด้วย
หลังถูกบังคับให้ต้องเลิกเล่นบนวัยเพียง 20 ปี นาเกลส์มันน์ ได้รับปริญญาด้านวิทยาศาสตร์กีฬา และทำงานเป็นแมวมองให้กับ โธมัส ทูเคิ่ล ที่คุมทีม เอาก์สบวร์ก
จากนั้นเขาก็ใช้เวลากับการเป็นโค้ชทีมเยาวชนที่ 1860 มิวนิค ซึ่งเขาเคยเล่นเป็นกองหลังที่นั่นในสมัยวัยรุ่นก่อนจะย้ายไป ฮอฟเฟ่นไฮม์ ในปี 2010
ความสำเร็จกับทีม ซึ่งรวมถึงแชมป์ลีกระดับยู-19 ทำให้ บาเยิร์น ตามจีบเขาเพื่อไปอยู่ในทีมฝึกสอนเป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองเห็นโอกาสที่ดีกว่า นาเกลส์มันน์ จึงตอบปฏเสธทีมที่เขาตามเชียร์มาตั้งแต่เด็ก และการเดิมพันครั้งนั้นก็เป็นเรื่องถูกต้อง เมื่อเขาถูกดันขึ้นไปคุมทีมชุดใหญ่ในเวลาไม่นาน
การขึ้นไปฉายแสงอย่างรวดเร็วของเขาที่ ฮอฟเฟ่นไฮม์ หมายความว่าหลายทีมต่างพร้อมใจโทรจีบเขา และไม่น่าแปลกใจเลยที่ ไลป์ซิก จะแต่งตั้งเขาในช่วงซัมเมอร์ ปี 2019
ไลป์ซิก เคยเป็นทีมระดับท็อปโฟร์มาก่อนที่ นาเกลส์มันน์ จะเข้ามาคุมทัพ แต่เขาก็ผลักดันทีมที่กลับไปอยู่ในระดับสูงได้อีกครั้ง
มันก็เหมือนที่เคยเกิดขึ้นที่ ฮอฟเฟ่นไฮม์ นักเตะสามารถยกระดับตัวเองภายใต้แท็คติกของเขา โดย ทิโม แวร์เนอร์ สามารถท้าทายรางวัลดาวซัลโวจาก โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และสุดท้ายทีมที่ได้รับกำไรถึง 400 เปอร์เซ็นต์จากที่ลงทุนไป เมื่อจัดการขายเขาให้กับ เชลซี
แวร์เนอร์ เองกลับทำผลงานได้น่าผิดหวังที่เวสต์ลอนดอน เมื่อเขาออกไปเล่นให้โค้ชคนอื่นที่ไม่ใช่ นาเกลส์มันน์
"ลักษณะหนึ่งที่ทำให้ ยูเลี่ยน พิเศษมากก็คือการที่เขาทำให้นักเตะทุกคนเก่งขึ้น" ฟานเนนสตีล กล่าว
"โค้ชหลายคนสามารถพัฒนาพวกแข้งเยาวชนมากพรสวรรค์ได้ แต่การปรับปรุงผู้เล่นที่มีประสบการณ์แล้วนั้นเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก"
เควิน คัมเพิ่ล เป็นคนหนึ่งที่พัฒนาแบบก้าวกระโดดภายใต้การทำงานกับ นาเกลส์มันน์ โดยได้เป็นตัวจริงเกมแชมเปี้ยนส์ลีก รอบตัดเชือกให้ ไลป์ซิก ในเกมพบ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ในปี 2020
"ผมไม่เคยเห็นโค้ชที่มีส่วนร่วมกับฟุตบอล และมีความเชี่ยวชาญมากขนาดนั้นในวัยเท่านี้ มันไม่น่าเชื่อ และผมคิดว่ามันไม่เหมือนใครในโลกฟุตบอลตอนนี้" คัมเพิ่ล กล่าว
"คุณจะคิดตลอดว่าเขาอยู่ที่นั่นมาเป็น 20 ปีแล้ว เขารู้วิธีเตรียมทีมอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับการแข่งขัน ไลป์ซิก จะไม่ใช่ก้าวสุดท้ายของเขาอย่างแน่นอน เขายังมีเส้นทางอาชีพที่ยอดเยี่ยมรออยู่ข้างหน้า"
นาเกลส์มันน์ ในวัยเพียง 33 ปี ก้าวไปอีกขั้นได้จริงๆ เมื่อเขาเซ็นสัญญา 5 ปี กับ บาเยิร์น ด้วยความเชื่อของ เสือใต้ ที่ว่าเขาสามารถเป็น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คนใหม่แห่งแคว้นบาวาเรีย
"ผมจะเรียกตัวเองว่าเป็นผู้จัดการทีมที่ดี" นาเกลส์มันน์ กล่าวผ่าน ดาโซน และ โกล
"สำหรับผมการเป็นโค้ชชั้นยอดมีความหมายมากกว่าแค่การสอนฟุตบอล"
"นั่นรวมถึงการเอาใจใส่ มันหมายความว่าคุณต้องสามารถพูดคุยกับกลุ่มทีมได้ สามารถจัดการกับสื่อได้ คุณต้องสามารถทำทุกอย่างได้ ผมจะไม่อธิบายว่าตัวเองตาบอดกับเรื่องนั้น แต่โค้ชชั้นยอดต้องมีแชมป์"
"และผมยังไม่มีเลย!"
ถ้วยแชมป์เหล่านั้นจะเกิดขึ้นที่ บาเยิร์น โดย ฟานเนนสตีล เชื่อว่า นาเกลส์มันน์ เก่งกว่า กวาร์ดิโอล่า เลยทีเดียว
"บังเอิญว่านี่ไม่ใช่พรสวรรค์ แต่เป็นของขวัญ ผมได้พบกับโค้ชมามากมาย แต่ ยูเลี่ยน มีคุณสมบัตินี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเอกลักษ์เฉพาะตัว"
เป๊ป พา เสือใต้ คว้าแชมป์ลีกได้ 3 สมัย และเดเอฟเบ โพคาล อีก 2 สมัย แต่ก็ยังไปไม่ถึงแชมเปี้ยนส์ลีก
นาเกลส์มันน์ หวังว่าเขาจะทำได้ดีกว่านั้น ทุกอย่างจะเป็นไปได้ไหม เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ได้
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT