ย้อนตำนาน 'นิวซีดาน' แห่งแอนฟิลด์
เมื่อเขาเซ็นสัญญากับ หงส์แดง ใน 4 ปีก่อนหน้านั้น เชราร์ด อุลลิเย่ร์ ได้นิยามเขาว่าเป็น 'นิว ซีเนดีน ซีดาน'
หลังจากที่ได้เห็นฟอร์มการเล่นของเขา สมาชิกของทีมงาน ลิเวอร์พูล เอ็คโค่ ก็เชื่อว่าเจ้านายของทีมในเวลานั้นพูดถูก...
"บรูโน่ มีทักษะที่ยอดเยี่ยม มีวิสัยทัศน์ที่ดี และมีสายตาที่เฉียบคม"
"ผมไม่ได้เปรียบเทียบใครกับ ซีดาน ง่ายๆ นะ และผมเชื่อว่าเขาสามารถกลายเป็นนักเตะคนสำคัญของ ลิเวอร์พูล ได้"
เขามีสัมผัส และสไตล์แบบเดียวกับที่ ซีดาน มี"
"มีความคล้ายคลึงกันมากระหว่างทั้งสองคนนี้เมื่อพวกเขามีบอลอยู่ที่เท้า"
นั่นคือความเห็นของ อุลลิเย่ร์ ในตอนที่เขานำ เชย์รู มายังถิ่นแอนฟิลด์
บรูโน่ เชย์รู ในตอนนั้นเพิ่งจะย้ายมาจาก ลีลล์ ด้วยค่าตัว 4 ล้านปอนด์ และผู้จัดการทีมคนใหม่ของเขาก็พยายามที่จะเปรียบเทียบเขากับ ซีดาน อย่างกล้าหาญในการต้อนรับเขา
อุลลิเย่ร์ พา หงส์แดง จบอันดับ 4, 3 และ 2 ติดต่อกันในลีก แน่นอนว่าเราต้องไม่ลืมการคว้าทริปเปิลแชมป์บอลถ้วยด้วย
เบื้องหน้าในตลาดซื้อขายนักเตะ มันมีเหตุผลที่จะสนับสนุน เชราร์ด เหมือนกัน โดยเฉพาะกลุ่มก้อนนี้
ฌอง-มิเชล แฟร์รี่ นักเตะคนแรกที่ถูกเซ็นสัญญามาในยุคของ อุลลิเย่ร์ อาจเป็นหนึ่งในคนที่ดูผิดแปลกไปหน่อย ขณะที่ อีกอร์ บิสคาน ก็มีดี และแย่อย่างละครึ่ง
อย่างไรก็ตาม อุลลิเย่ร์ ก็เป็นคนที่สายตาไม่ใช่ธรรมดาเหมือนกัน กับการเซ็นสัญญา แกรี่ แม็คอัลลิเตอร์ ที่แม้จะมีระยะเวลาไม่เท่าไหร่
ส่วน ดีทมาร์ ฮามันน์ ที่มีค่าตัวมากกว่ามิดฟิลด์สกอตแลนด์ 8 ล้านปอนด์ ก็เป็นการเซ็นสัญญาที่ได้รับแรงบัลดาลใจเท่าเทียมกัน
มุมมองนั้นได้รับการสนับสนุน เมื่อ ลิเวอร์พูล ต้อนรับ ลาซิโอ ในเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่น เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2002
นี่คือแวบแรกที่แฟนๆ ในบ้านได้เห็น เชย์รู
แน่นอน ทายาทของ ซีดาน ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง
ทั้งแอนฟิลด์ต่างส่งเสียงเฮ และกู่ร้องกับสิ่งที่ดาวเตะวัย 24 ปีในเวลานั้นทำช่วงคืนวันอังคาร ซึ่งฉายแสงได้อย่างมาก
สำหรับแฟน ลิเวอร์พูล ในตอนนั้นมันคือรักแรกพบ รองเท้าสตั๊ดสีขาวของเขาไม่มีข้อสงสัย และเต็มไปด้วยความมั่นใจในทุกการสัมผัส
การควบคุมบอลอันยอดเยี่ยมของเขาน่าประทับใจแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า วิชั่น และเทคนิก การยิงที่ทำให้ผู้รักษาประตูของ ลาซิโอ ต้องบินปัด รวมถึงสิ่งอื่นๆ ก็ดูดีไปหมด
ก่อนพักครึ่ง เพลงเชียร์ 'บรูโน่ บรูโน่' ก็ดั่งสนั่นไปทั่วสนามแล้ว
ความตื่นเต้นยังคงดำเนินต่อไปหลังจากช่วงพักครึ่ง โดยสมาชิกใหม่รายนี้ได้สับขา และชิพบอลในกรอบเขตโทษข้ามคานไปหวุดหวิด
เชย์รู ได้ปล่อยของตลอดระยะเวลา 73 นาทีที่เขาอยู่ในสนาม
แม้สุดท้ายแล้ว หงส์แดง จะแพ้ในเกมอุ่นเครื่องนั้นไป 0-1 ทว่าแฟนๆ ทุกคนก็แทบจะยักไหล่กับผลการแข่งขัน
พวกเขาดูจะพึงพอใจพร้อมกับคิดว่าได้เจอจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่จะทำให้ทีมกลับไปยิ่งใหญ่อีกครั้ง
แฟนบอลคนหนึ่งกล่าวว่า "ลองนึกภาพเขาเล่นอยู่หลัง โอเว่น ทุกสัปดาห์สิ เขาเป็นสิ่งที่เราขาดหายไปนาน"
"ผมรู้ได้เลย"
น่าเศร้าที่ความหวังทั้งหมดนั้นดับวูบลงในเวลาอันรวดเร็ว
เชย์รู ไม่เคยเป็นอย่างที่แฟนบอลคาดหวังได้เลย
ลิเวอร์พูล อาจคว้าแชมป์ลีก คัพ ได้ในฤดูกาลนั้น แต่สำหรับผลงานส่วนตัวของเพลย์เมกเกอร์ชาวฝรั่งเศสแล้ว เขาลงเล่นไป 29 เกม ทำได้ 1 ประตู และความคาดหวังมากมายก็ต้องลงเอยด้วยความผิดหวัง
อุลลิเย่ร์ ยังหนุนหลังเขาอยู่ และยืนกรานว่า "ก็เหมือนกับนักเตะฝรั่งเศสคนอื่นๆ นั่นแหละ เขาอาจต้องการเวลาเพิ่มอีกนิด จำฤดูกาลแรกที่ อาร์เซน่อล ได้ไหม? ทุกคนต่างหัวเราะเยาะ โรแบร์ ปิแรส"
เชย์รู เหมือนจะกลับมาได้ในเดือนมกราคม ปี 2004
เขาทำ 2 ประตูเขี่ย นิวคาสเซิ่ล ตกรอบเอฟเอ คัพ ในเกมเหย้าวันเสาร์ที่น่าจดจำ และเขายังลั่นไกลูกแรกในลีกได้อีกในเกมบุกชนะ เชลซี 1-0 เมื่อเขาป้ายบอลให้ เอมิล เฮสกี้ กระชากขึ้นมาทางกราบขวาแล้วเปิดไปเสาไกล ซึ่ง เชย์รู ก็สอดมาซัดเต็มเท้าซ้ายในเขตโทษตุงตาข่าย
ทว่าเปลวเพลิงก็ลุกโชนเพียงแค่ชั่วครู่
นอกจากลูกยิงใส่ วูล์ฟส์ ในเกมเสมอกัน 1-1 เขาก็สร้างความตื่นเต้นได้อีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือใหม่ไม่ได้เชื่อมั่นอะไรในตัวเขา
เชย์รู ถูกกำจัดอย่างรวดเร็วเมื่อนายใหญ่ชาวสเปนเข้ามา โดยถูกปล่อยยืมให้ มาร์กเซย และก็ต่อด้วย บอร์กโดซ์ ก่อนที่จะย้ายไป แรนส์ อย่างถาวรในปี 2006
สุดท้ายแล้ว เราได้เห็นเกมกับ ลาซิโอ และความเชื่อทั้งหมดก็เกิดขึ้นจากวันนั้น
เวลากว่า 1 ชั่วโมงในเย็นวันนั้น ทำให้ เชย์รู นั้นเหมือนกับ 'นิว ซีดาน' จริงๆ
แต่มันก็เป็นเพียงแค่ราว 1 ชั่วโมงเท่านั้นนั่นแหละ
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT