:::     :::

เกิดอะไรขึ้นกับ 'ไอ้แจ็ค'

วันพุธที่ 28 กรกฎาคม 2564 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
14,661
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บนวัย 29 ปี เขากล่าวว่ายังคงกระตือรือร้นในอาชีพค้าแข้งต่อไป หลังผ่านช่วงเวลาที่ บอร์นมัธ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่แวะเวียนมาทักทายแบบไม่หยุดหย่อนจึงเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ถึงอนาคตของเขา

    ทัวร์นาเมนต์ที่ถือว่าประสบความสำเร็จของทีมชาติอังกฤษในยูโร 2020 นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับปี 2016 เมื่อพวกเขามีหนึ่งในผลการแข่งขันที่น่าอายที่สุดด้่วยการแพ้ ไอซ์แลนด์ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

    ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเลยก็คือทางเลือกในแผงมิดฟิลด์ตัวกลางที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต มี

    ในปี 2021 ทัพ สิงโตคำราม มี ดีแคลน ไรซ์ และ เมสัน เมาท์ เป็นตัวกำหนดจังหวะของเกมร่วมกับ แคลวิน ฟิลลิปส์ ซึ่งแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัว

    ย้อนกลับไปในปี 2016 รอย ฮ็อดจ์สัน มีส่วนผสมที่ไม่ลงตัวสักเท่าไหร่กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ เวย์น รูนี่ย์ ที่ต้องมาเล่นผิดตำแหน่ง หรืออีกหลายคนที่ยังไม่ถึงจุดพีค และขาดความฟิตที่ดีในทัวร์นาเมนต์อย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เดเล่ อัลลี่ และ เอริก ดายเออร์

    นอกจากนี้ ฮ็อดจ์สัน ยังมีช้อยส์อย่าง แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ และ แจ็ค วิลเชียร์ ที่ต้องเลือก

    ในทางหนึ่ง ดริงค์วอเตอร์ เพิ่งได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก กับ เลสเตอร์ ด้วยการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจคู่กับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ โดยเขาเป็นคนสร้างจังหวะ และผ่านบอล เคียงข้างกับเรือประจัญบานลำจิ๋วจากฝรั่งเศส

    อีกทางหนึ่ง วิลเชียร์ ลงเล่นฟุตบอลให้ทีมชุดใหญ่รวมแค่ 141 นาทีของฤดูกาล 2015-16 โดยใช้เวลาส่วนใหญ่ในโรงหมอของ อาร์เซน่อล กับการบาดเจ็บกระดูกน่องร้าว

    อย่างไรก็ตาม 'ไอ้แจ็ค' กลับถูกเลือกใช้งาน และก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่จะเล่นเหมือนสนิมเกาะแข้งเกาะขาตลอดหนึ่งชั่วโมงที่อยู่บนฟลอร์หญ้าของเกมเสมอ สโลวาเกีย แบบไร้สกอร์ในรอบแบ่งกลุ่ม ตามด้วยอีก 45 นาทีในฐานะตัวสำรองของครึ่งหลังเกมกับ ไอซ์แลนด์ ซึ่งก็ไม่ได้สร้างจุดเปลี่ยนอะไรได้จนพลพรรค ทรีไลออนส์ ต้องกระเด็นตกรอบไปแบบสุดขายหน้า

    ศรัทธาของ ฮ็อดจ์สัน ต่อ วิลเชียร์ เหมือนคนที่ตามืดบอด แม้เขาจะเคยเป็นคนที่ได้รับการยกย่องว่าจะเป็นอนาคตของแผงมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษด้วยฝีเท้า และความอัจฉริยะทั้งกับ ปืนใหญ่ และทีมชาติ แต่ทุกอย่างก็พังไม่เป็นท่าเพราะอาการบาดเจ็บ

    ยูโร 2016 คือช่วงเวลาที่ความอดทนในตัว วิลเชียร์ ของทั้งแฟนบอล, ผู้จัดการทีม และเกจิทั้งหลายหมดไป โดยเกมสุดท้ายจากการเล่นให้ทีมชาติ 34 นัดของเขาคือฝันร้ายในเมืองนีซ

    กรอกลับมายังปี 2021 ทีมชาติอังกฤษเพิ่งจะลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์เป็นครั้งแรกในรอบ 55 ปี ในขณะที วิลเชียร์ เพิ่งจะถูก บอร์นมัธ จากแชมเปี้ยนชิพ ปล่อยตัวออกมา และด้วยวัย 29 ปี ในตอนนี้ถือเป็นทางแยกที่ใหญ่ที่สุดในอาชีพของเขา

    หากเลือกได้ วิลเชียร์ คงจะหันหลังกลับ และเดินย้อนรอยเส้นทางเพื่อที่จะอยู่กับ อาร์เซน่อล ที่เขาจากมา

    โซเชียลมีเดียของเขาเต็มไปด้วยคอมเมนต์ที่เกี่ยวกับ ปืนใหญ่ รวมถึงปฏิกิริยาโกรธเคืองต่อข่าวล่าสุดที่ สตีฟ โบลด์ ต้องออกตำแหน่งโค้ชหลังอยู่กับทีมมาอย่างยาวนาน และเขาก็ยังเป็นขาประจำใน พอดแคสต์ และ ยูทูป ที่เน้นไปในเรื่องของ อาร์เซน่อล เป็นหลักด้วย

    เขายอมรับในการให้สัมภาษณ์กับเดอะ การ์เดี้ยน เมื่อต้นปีนี้ว่ารู้สึกเสียใจที่เดินออกมาจากถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แม้จะไม่ได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่เลยในช่วงท้ายอาชีพของเขากับสโมสร

    เขาพูดในเดือนมีนาคมว่า "มันหมดไปแล้ว ความรู้สึกที่ว่าผมยังอยู่ที่นั่นได้"

    "ผมตัดสินใจออกมา ไม่ว่าจะถูกหรือผิด ตอนนั้นมันรู้สึกเหมือนว่าถูก และบางทีเมื่อมองย้อนกลับไปมันก็เป็นเรื่องผิดพลาด แต่มันก็เป็นไปแล้ว"

    "ผมจำได้เมื่อตอนที่ผมยังเป็นนักเตะของทีม และผมมีเพื่อน และครอบครัว อาร์เซน่อล มากมายรอบตัวผม และผมจำได้เสมอว่าพวกเขาพูดว่า 'มันยากนะที่จะเป็นแฟน อาร์เซน่อล' ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าพวกเขาหมายถึงอะไร! มันแปลก แต่ผมยังรู้สึกเหมือนนั่นคือส่วนหนึ่งของผม"

    น่าเศร้าสำหรับ วิลเชียร์ นั่นไม่ใช่ทางเลือก เขาคือแข้งฟรีเอเยนต์ ถูกปล่อยตัวจาก บอร์นมัธ หลังเซ็นสัญญาไป 6 เดือน เมื่อเดือนมกราคม เนื่องด้วย สกอตต์ พาร์เกอร์ กุนซือใหม่ของสโมสรตัดสินใจที่จะพาทีมไปยังทิศทางที่แตกต่าง

    แม้ วิลเชียร์ จะไม่ค่อยได้สร้างแรงบัลดาลใจให้ เดอะ เชอร์รี่ส์ ที่ผ่านเข้าไปเล่นในรอบเพลย์ออฟเลื่อนชั้น แต่เขาก็ออกจากถิ่นไวทาลิตี้ สเตเดี้ยม ด้วยความเคารพต่อ บอร์นมัธ เขาลงสนามไป 17 นัด และในเดือนมกราคมเขาก็ทำประตูในการเล่นทีมชุดใหญ่ระดับสโมสรได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2019

    คำถามในตอนนี้ก็คือ วิลเชียร์ จะไปไหนต่อ หลังยอมรับตอนที่เซ็นสัญญากับ บอร์นมัธ ครั้งแรกว่าเขาไม่คิดว่าจะเห็นตัวเองลงเล่นฟุตบอลนอกลีกสูงสุดมาก่อน

    "ผมไม่เคยเล่นในแชมเปี้ยนชิพ หรือพยายามที่จะพาทีมเลื่อนชั้นมาก่อน ถ้าคุณถามผมเมื่อ 10 ปีที่แล้วว่านี่คือสิ่งที่ผมคิดว่าจะได้มีส่วนร่วมหรือไม่ ผมก็คงจะตอบว่าไม่" วิลเชียร์ กล่าวเมื่อเดือนมกราคม

    เขาได้พิสูจน์แล้วว่าเขายังสามารถเล่นในระดับแชมเปี้ยนชิพได้หากเขาฟิต ในขณะที่อาจมีทางเลือกในการย้ายไปเล่นที่ต่างแดน โดยล่าสุด วิลเชียร์ ก็เพิ่งจะถาม คีแรน กิ๊บบ์ส เพื่อนเก่าแบบเอาฮาว่าพวกเขาต้องการมิดฟิลด์คนใหม่ที่ อินเตอร์ ไมอามี หรือไม่

    อย่างไรก็ตาม คำถามก็คือ วิลเชียร์ ต้องการที่จะเล่นต่อไปไหม? ซึ่งคำตอบของเขาเมื่อตอนเข้าร่วมทีม บอร์นมัธ หลังมี 3 เดือนที่ต้องไร้สังกัดหลังถูก เวสต์แฮม ปล่อยตัว ชี้ให้เห็นว่าการแขวนสตั๊ดยังไม่ใช่ทางเลือกของเขา

    "ผมโชคดีพอที่จะได้รับเงินดีๆ ตลอดอาชีพค้าแข้ง แต่การไม่ได้ลงเล่นเป็นเวลา 3 เดือน ทำให้รู้ว่าผมต้องการเล่นฟุตบอลให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" เขากล่าวเมื่อต้นปี

    แต่ด้วยร่างกายที่ไม่น่าไว้ใจ ปัญหาที่ข้อเท้า และโคนขาหนีบเรื้อรัง บวกกับกระดูกน่องที่ร้าว ทำให้เขาพลาดเกมกับสโมสรไปมากถึงจำนวน 214 นัดตลอดอาชีพค้าแข้ง มีแค่ความกระตือรือร้นเท่านั้นแหละที่ยังยึดเหนี่ยวจิตใจเขาให้ก้าวเดินต่อในเส้นทางนี้

    เป็นไปได้ว่าเราอาจเห็น วิลเชียร์ กลับมาลงสนามอีกครั้งในปี 2021-22 เพราะชื่อเสียงของเขายังคงแกร่งพอสำหรับสโมสรไหนสักแห่งที่จะคว้าโอกาสจากเขา แม้มันอาจไม่ได้อยู่ในระดับที่คิดไว้เมื่อ 5 ปีก่อนก็ตาม


    พาสต้า


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด