:::     :::

บาร์เซโลน่าในวันที่ไร้ เมสซี่

วันอาทิตย์ที่ 08 สิงหาคม 2564 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
1,410
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การอำลาของ เมสซี่ ไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่ตัวเขาเท่านั้น แต่มันยังกระเพื่อมมาถึงคนรอบข้าง และอนาคตของ บาร์ซ่า ที่มาถึงทางแยกด้วย โดยแยกหนึ่งเป็นด้านบวก และอีกแยกก็ด้านลบ

    ในทีแรกกลุ่ม WhatsApp และโซเชียลมีเดียของนักเตะ บาร์เซโลน่า นั้นเงียบราวกับป่าช้า แต่หลังความตกใจเริ่มหายไป การกล่าวคำอำลาอย่างสุดซึ้งก็เริ่มขึ้น

    การ์เลส ปูโยล ตำนานอดีตกัปตันทีมเป็นคนแรกที่ขอบคุณ ลีโอเนล เมสซี่ สำหรับทุกสิ่งที่เขามอบให้สโมสร จากนั้นบรรดาผู้เล่นในชุดปัจจุบันก็เริ่มโพสต์กันตามมา

    "ฉันโชคดีพอที่จะเห็นประตูแรกของนายในปี 2005 กับ อัลบาเซเต้ ที่คัมป์ นู และฉันก็ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเราจะสนิทกันมากจนสามารถเข้าใจกันได้เพียงแค่มองตา" จอร์ดี้ อัลบา เขียน

    "ขอบคุณอย่างสุดซึ้ง ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาทั้งหมดที่คุณช่วยผม และแฟนๆ บาร์ซ่า ทุกคนสำหรับความสุขทั้งหมดที่คุณมอบให้เรา ทุกประตูที่คุณทำได้" เซร์จี้ โรเบร์โต้ เพิ่มเติม

    ย้อนกลับไป มีเพียงไม่กี่คนหรอกที่จะเชื่อว่าช่วงเวลาของ เมสซี่ กับ บาร์เซโลน่า จะจบลงแบบนี้หยุดไว้ที่ 21 ปี

    ตอนนี้สโมสรต้องมองไปข้างหน้า และทำมันให้ได้อย่างรวดเร็ว

    บาร์เซโลน่า จะรับมืออย่างไรกับการไม่มี เมสซี่ มันเป็นคำถามที่หาคำตอบยากเหลือเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทีมต้องพึ่งพาเขาแทบจะคนเดียว นับตั้งแต่ที่ เนย์มาร์ จากไป

    ตอนนี้ ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติอาร์เจนตินากำลังจะย้ายไปเล่นกับเพื่อนเก่าของเขาในกรุงปารีสแล้ว นั่นทำให้ บาร์ซ่า จะต้องใช้ชีวิตโดยปราศจากตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะได้อยู่กับทีมต่อไปอีก 2 ปี

    เชื่อได้เลยว่าจากนี้ไป ทุกครั้งที่ บาร์เซโลน่า ต้องเจอปัญหาในการทำประตูจะต้องมีคนโยงชื่อของ เมสซี่ เข้ามาเกี่ยวอยู่เรื่อยๆ แน่

    มันไม่ยากหรอกที่จะมองว่าตอนนี้อนาคตของ บาร์ซ่า ทั้งระยะสั้น และระยะยาวนั้นมีอยู่สองทาง หนึ่งคือทางบวก และอีกหนึ่งคือทางลบ

    มีความสงสัยมานานแล้วว่าการมีอยู่ของ เมสซี่ นั้นจำกัดประโยชน์สูงสุดจากเพื่อนร่วมทีมของเขา บางคนก็ประหม่าที่จะต้องเล่นเคียงข้างตำนานผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งหนึ่งในนั้นเหมือนจะเป็น อ็องตวน กรีซมันน์ ที่ต้องดิ้นรนหนักในการเล่นเคียงข้าง เมสซี่ หรืออาจจะ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ก็ด้วย นักเตะทั้งสามรายมักจะต้องการเล่นในพื้นที่คล้ายๆ กัน

    ในทำนองเดียวกัน การที่ เมสซี่ ไม่ใช่ประเภทวิ่งไล่เพรสซิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพก็หมายความว่า บาร์เซโลน่า ไม่สามารถที่จะปรับเปลี่ยนระบบการเล่นอะไรได้

    ระบบนี้เหมาะกับ เมสซี่ มาอย่างยาวนานที่ บาร์เซโลน่า กับการที่เขาจะเป็นตัวฟรีอยู่ตรงไหนก็ได้ของสนาม และลงต่ำมาเล่นกับบอล แต่หากไม่มีเขาแล้วมันก็หมายความว่า โรนัลด์ คูมัน เทรนเนอร์ของทีมจะมีอิสระที่จะวางแท็คติกตามใจชอบ และไม่มีนักเตะคนไหนที่จะมีเพาเวอร์มากเกินกว่าการปรับแผนของเขา

    "ไม่มีนักเตะคนใดยิ่งใหญ่กว่าสโมสร" นี่คือสิ่งที่ โจน ลาปอร์ต้า ประธานสโมสรคนปัจจุบันเคยกล่าวเอาไว้ แต่มันชัดเจนว่าตลอดทศวรรษที่ผ่านมา เมสซี่ คืนคนที่ถูกยกเว้น

    ตอน เมมฟิส เดอปาย ถูกเซ็นสัญญาเข้ามาใหม่ มีความกังวลเกี่ยวกับสไตล์การเล่นของเขาที่น่าจะไม่เข้ากับ เมสซี่ แต่พอถึงตรงนี้ กองหน้าชาวดัตช์จะได้มีอิสระในการเป็นผู้นำสร้างสรรค์เกมรุกให้ทีม ในขณะที่ กรีซมันน์ ก็สามารถเล่นในบทบาทกองหน้าตัวต่ำแบบที่เขาต้องการมานานได้

    นอกจากนี้ การจากไปของ เมสซี่ ยังถือเป็นข่าวดีของพวกกองหน้า และเพลย์เมกเกอร์ดาวรุ่ง บาร์ซ่า อย่าง อเล็กซ์ โกยาโด้, ยูซุฟ เดมีร์ และ รีกี ปุช ที่อาจมีโอกาสมากขึ้นด้วย ขณะที่ อันซู ฟาตี ก็จะรีเทิร์นกลับมาจากอาการบาดเจ็บ ส่วน เซร์คิโอ อเกวโร่ ก็จะเพิ่มจำนวนประตูได้หากเขาฟิต และอีกหนึ่งก็คือ อุสมาน เดมเบเล่ ที่จะกลับมาจากอาการบาดเจ็บในช่วงหน้าหนาว

    บาร์ซ่า ต้องการการเปลี่ยนแปลงมานานแล้ว และมันเป็นเรื่องยากที่จะทำได้หาก เมสซี่ ยังคงเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลในทีมด้วยวัย 34 ปีอยู่

    แผงกองกลางของทีมก็ยังถือว่าเป็นอนาคตได้อีกไกล อาทิ เฟรงกี้ เดอ ย็อง, เปดรี้ ในขณะที่มีดาวรุ่งอย่าง ฆาบี และ นิโก้ กอนซาเลซ กำลังพัฒนาฝีเท้าอยู่

    ที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างก็คือ บาร์ซ่า จะมีฐานโครงสร้างใหม่ที่น่าตื่นเต้น ไม่ต้องถูกใส่กุญแจมือกับรายจ่ายมหาศาลให้ เมสซี่ อีกต่อไป แม้ก่อนหน้านี้เขาจะเสนอตัวยอมลดค่าแรงมากถึง 50% แล้วก็ตาม นั่นเป็นสิ่งต่างๆ ที่เป็นแง่ดีสำหรับ บาร์ซ่า กับการไม่มี เมสซี่ อีกต่อไปแล้ว

    แต่มันก็อาจเปลี่ยนไปในอีกทางหนึ่งได้เช่นกัน มีความเป็นไปได้ที่สโมสรจะระเบิดตัวเองตาย โดย ลาปอร์ต้า ยังต้องลดค่าใช้จ่าย ซึ่งจะเห็นได้จากความพยายามเขี่ยทั้ง ซามูแอล อูมติตี้ และ มิราเล็ม เปียนิช ทิ้ง ซึ่งหากว่าทำไม่ได้ พวกเขาก็จะกลายเป็นส่วนเกินในทีม คูมัน ไปซะอีก

    ที่น่ากลัวเลยก็คือแฟนบอลที่อาจต่อต้านพวกนักเตะที่ไม่ยอมลดค่าจ้าง โดยมองว่าพวกนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลที่ เมสซี่ ต้องจากไป

    การสูญเสีย เมสซี่ ก็เหมือนระเบิดลูกใหญ่ที่ร่วงหล่นใส่นักเตะในทีม, สโมสร จนไปถึงกองเชียร์ และมันคงเป็นเรื่องง่ายที่ บาร์ซ่า อาจจมดิ่งไปกับภาวะห่อเหี่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพวกเขาต้องไปเจอกับพวกยักษ์ใหญ่นอกสเปน

    ทุกคนต่างก็รู้ว่าทุกวันนี้ บาร์ซ่า นั้นไม่ใช่ทีมกลุ่มยักษ์ใหญ่ที่สุดของยุโรปเหมือนเดิมอีกแล้ว และมันอาจยิ่งทำให้พวกเขาลอยห่างออกไปอีกเรื่อยๆ

    ภาวะการเงินของทีมก็อาจจะเจอสถานการณ์ที่ย่ำแย่ขึ้นไปอีก โดยข้อตกลงของสปอนเซอร์ก็มีแนวโน้มว่าจะมีมูลค่าลดลงในอนาคต เนื่องจากแบรนด์ต่างๆ ทราบดีว่าชื่อของพวกเขาจะไม่ปรากฎบนหน้าอก หรือแขนเสื้อของ เมสซี่ อีกแล้ว

    นักเตะในระดับที่เรียกว่าดาราอย่าง บุสเก็ตส์ และ เคราร์ด ปีเก้ ก็อยู่ในสัญญาปีสุดท้ายแล้ว พวกมาใหม่อย่าง เอริก การ์เซีย หรือ เอแมร์ซอน ส่วนใหญ่ยังไม่ผ่านการพิสูจน์ตัวเองในระดับแชมเปี้ยนส์ลีก เลย และ คูมัน จำเป็นต้องสร้างแผนใหม่ที่ไม่ได้มีนักเตะที่ดีที่สุดในโลกอยู่ในทีมของเขา

    "ในทางจิตวิทยา เรารู้ว่าเมื่อเขา (เมสซี่) อยู่ที่นั่น เราจะแข็งแกร่งขึ้น แต่เราไม่สามารถปล่อยให้การขาดหายไปของเขาส่งผลกระทบต่อเราได้" ปีเก้ เคยกล่าวไว้ เมื่อปี 2018 ในช่วงที่ เมสซี่ ไม่อยู่ในทีมราวหนึ่งเดือนเนื่องจากแขนหัก

    ตอนนี้เขาจาก บาร์ซ่า ไปตลอดกาลในฐานะนักเตะแล้ว สิ่งที่ ปีเก้ พูดนั้นเป็นความคิดเดียวที่ บาร์ซ่า จะต้องทำให้ได้เพื่อเอาชีวิตของพวกเขาเองให้รอดยามไร้ เมสซี่

    พาสต้า


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})