:::     :::

เกิดอะไรขึ้นกับ 'ไอ้ปืนโต'

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม 2564 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
1,644
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เดอะ กันเนอร์ส จมบ๊วยของตารางพรีเมียร์ลีก และแพ้ตลอด 3 เกมแรกในลีกโดยทำประตูไม่ได้เลย

    3 เกม แพ้ 3 เสีย 9 ประตู ยิงไม่ได้ นี่มันไม่ใช่ อาร์เซน่อล ที่เรารู้จักเลย...

    นี่ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 134 ปี ที่พวกเขาต้องพุ่งชนความพ่ายแพ้ 3 เกมแรกในลีกแบบยิงใครไม่ได้สักลูก

    มันไม่ใช่จุดบอดอะไรนะ แต่นี่มันคือวิกฤตแล้ว

    โอเค การออกสตาร์ทซีซั่นนี้ของ ปืนใหญ่ เป็นงานยาก เมื่อพวกเขาต้องไปเยือนน้องใหม่อย่าง เบรนท์ฟอร์ด ตามมาด้วยเกมกับ เชลซี และ แมนฯ ซิตี้

    แต่คงไม่มีใครคิดหรอกทั้งว่าสิ่งต่างๆ จะเลวร้ายได้ขนาดนี้หลังจากผ่านมา 3 เกม ตอนนี้ ปืนใหญ่ กำลังมุ่งหน้าสู่ช่วงเบรกทีมชาติด้วยการรั้งบ๊วยในตารางคะแนน

    คำว่า 'Trust the process' หรือเชื่อมั่นในแนวทาง เราได้ยินมันจาก มิเกล อาร์เตต้า มาอย่างต่อเนื่อง แต่แนวทางนั้นคืออะไรล่ะ

    ???

    ตอนนี้ ความสับสนวุ่นวายที่เราเห็นในสนามแทบทุกสัปดาห์ทำให้เกิดคำถามที่แทบจะหาคำตอบไม่ได้

    "ผมไม่คิดว่าวันนี้จะเป็นวันที่ต้องพูดถึงแนวทางใดๆ" อาร์เตต้า กล่าวเมื่อถูกกดดันหลังแพ้ แมนฯ ซิตี้ 0-5 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

    "เราต้องคุยกันเรื่องผลการแข่งขัน สิ่งที่เกิดขึ้นในสนาม ก็แค่นั้นแหละ"

    "ผมพูดเสมอว่าผมจะเป็นคนรับผิดชอบ ผมคิดว่าผมต้องวิจารณ์ตัวเองมากขึ้น และตำหนิตัวเองทุกครั้ง แต่ก็ตอนที่เราแพ้เท่านั้น"

    "ผมยืนอยู่ที่นี่ในวันนี้ ผมทำสิ่งเดียวกัน ผมตั้งคำถามกับตัวเอง ผมต้องพยายามปรับปรุง และเปลี่ยนแปลง"

    อาร์เตต้า กำลังเข้าใกล้โอกาสสุดท้ายของเขาที่ อาร์เซน่อล แล้ว

    ลองคิดดูสิ ถ้าตอนนี้เขาคุม เชลซี อยู่ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะยังมีงานทำตามปกติ นั่นก็เพราะผลสะสมจากฤดูกาลที่แล้วต่อยอดมาถึงผลงานในช่วงออกสตาร์ทซีซั่นใหม่นี้

    ใช่ อาร์เซน่อล เพิ่งจะเล่นไปแค่ 3 เกม และทีมของพวกเขาก็ต้องเจอปัญหาตั้งแต่สัปดาห์แรกทั้งเรื่องของอาการบาดเจ็บ และการระบาดของเชื้อโควิด-19 ภายในทีม

    แต่มันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัวสำหรับสิ่งที่เราเห็นที่เอติฮัด สเตเดี้ยม หรอกนะ ปืนใหญ่ ดูห่วยแตกทุกสัดส่วนไม่ว่าจะหลัง กลาง หน้า

    โอเค พวกเขาอาจต้องเล่นถึง 55 นาทีกับนักเตะเพียง 10 คน หลังการโดนไล่ออกของ กรานิต ชาคา แต่การเสียคนๆ เดียวไม่ควรส่งผลให้ทีมต้องยกธงขาวเบอร์นั้น ดูอย่าง เชลซี ที่เจอ ลิเวอร์พูล สิ เหลือ 10 ตัวทั้งครึ่งหลัง แต่กลับได้รับคำชมอย่างมากเมื่อจบเกม

    ปืนใหญ่ ได้ครองบอลเพียง 19 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะครึ่งหลังนี่คือ 9 เปอร์เซ็นต์ แทบไม่อยากจะเชื่อสายตา! และพวกเขาก็ยิงไม่เข้ากรอบเลยสักครั้ง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อนฤดูกาล 2003-04 ที่อ็อปต้าเริ่มมีการบันทึกสถิติ

    นี่คือการมอบตัวแบบไม่มีหือมีอืออะไรเลย และความรับผิดชอบจะอยู่ที่ใครได้เล่านอกจากผู้จัดการทีม

    "เกมแบบนี้คุณต้องเล่นกับทุกอย่าง เล่นด้วยความเสี่ยง เรายังทำได้ไม่ดีพอก็แค่นั้นเอง" ปิแอร์ เอเมอริก-โอบาเมย็อง กล่าวหลังเกม

    "เราต้องคุยกันเอง มันสำคัญเพราะเราคือ อาร์เซน่อล และเราต้องมีความภาคภูมิใจ เราต้องคุยกัน พูดความจริง พูดกันตรงๆ"

    ถึงตรงนี้ อาร์เซน่อล จะต้องเผชิญหน้ากับ 4 เกมสำคัญหลังพ้นช่วงเบรกทีมชาติ

    พวกเขาจะเริ่มต้นด้วยเกมพบ นอริช ทีมรองบ๊วยที่มีดีกว่าพวกเขาแค่ 1 ประตูที่ทำได้ จากนั้นก็จะเดินทางไปเยือน เบิร์นลี่ย์ ก่อนจะเปิดบ้านต้อนรับ สปอร์ส ในเกมนอร์ทลอนดอนดาร์บี้ และก็ไปเจอ ไบรท์ตัน ที่เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม

    เกมเหล่านั้นไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับความผิดพลาดให้ อาร์เตต้า อีกแล้ว แม้ เดอะ กันเนอร์ส จะไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีม แต่พวกเขาก็คงจะหมดความอดทนแน่หากเกมพวกนั้นไม่ได้มีผลการแข่งขัน และฟอร์มการเล่นที่ดีขึ้น

    "หวังว่าเราจะได้ผู้เล่นบางคนกลับมา" อาร์เตต้า กล่าว

    "เราเสียนักเตะหลายคนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หวังว่าบางคนจะกลับมาอยู่ในสภาพที่ดี"

    "ตอนนี้เป็นเวลาที่จะไตร่ตรอง มองเข้าไปในกระจก และพยายามเปลี่ยนจังหวะในทันที เพราะเราต้องได้ผลการแข่งขัน"

    การกลับมาของ โธมัส ปาร์เตย์ น่าจะทำให้ อาร์เซน่อล แข็งแกร่งขึ้น โดยมิดฟิลด์รายนี้จะกลับมาซ้อมในสัปดาห์หน้า หลังจากได้รับบาดเจ็บข้อเท้าในช่วงปรีซีซั่น

    นอกจากนี้ เบน ไวท์ และ กาเบรียล มากัลเญส ก็น่าจะพร้อมกลับมาเป็นตัวเลือกได้อีกครั้ง และทั้งคู่ก็น่าจะฟื้นฟูเกมรับที่ดูโกลาหลในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ได้ไม่มากก็น้อย

    ความจริงที่ว่า เซอัด โคลาซินัช คือคนที่ อาร์เซน่อล พยายามขายทิ้งมาตลอดซัมเมอร์ แต่ดันมาเป็นตัวจริงในเกมกับ แมนฯ ซิตี้ แค่นี้ก็สรุปได้แล้วว่ามันเป็นสิ่งเลวร้ายมากแค่ไหน ในขณะที่เรายังได้เห็นถึงการตัดสินใจที่แปลกๆ อีกหลายอย่างจากสโมสร

    อาร์เซน่อล ใช้เงินไปกว่า 130 ล้านปอนด์ ในการเซ็นสัญญาแข้งใหม่ในซัมเมอร์นี้ ซึ่งมากที่สุดในลีกเมืองผู้ดี แต่กลับมีเพียงคนเดียวเท่านั้นคือ มาร์ติน โอเดการ์ด ที่ได้ลงเล่นในเกมที่เอติฮัด สเตเดี้ยม

    อารอน แรมส์เดล, อัลเบิร์ต แซมบี้ โลคองก้า และ นูโน่ ตาวาเรส ล้วนเป็นตัวสำรองที่ไม่ได้ลงเล่นทั้งหมด ขณะที่ ไวท์ ก็เล่นไม่ได้เนื่องจากติดเชื้อโควิด-19

    ด้วยความที่ อาร์เซน่อล ต้องการปรับปรุงสถานะตัวเองที่จบอันดับ 8 มา 2 ฤดูกาลติด คุณต้องตั้งคำถามแล้วล่ะว่าทำไมเงินจำนวนมากจึงถูกใช้ไปกับนักเตะที่ไม่พร้อมจะสร้างผลกระทบในทันที

    แฟนบอลเองก็คงไม่เข้าใจเหมือนกันว่า วิลเลี่ยม ซาลีบา กองหลังดาวรุ่งฝีเท้าดีทำไมถึงถูกปล่อยยืมอีกครั้ง ขณะที่ตัวที่ไม่ได้ดีไปกว่ากันอย่าง ปาโบล มารี, คาลั่ม แชมเบอร์ส, ร็อบ โฮลดิ้ง และ โคลาซินัช ยังได้อยู่กับทีมต่อ

    มีการตัดสินใจที่ผิดเพี้ยนมากมายที่ อาร์เซน่อล ไม่เว้นแม้แต่สถานการณ์ชวนขันของ ชาคา ซึ่งดูเหมือนว่าจะออกจากสโมสรในซัมเมอร์นี้

    ความจริงตอนนี้เขาควรจะเป็นนักเตะของ โรม่า ไปแล้วหาก หมาป่าเหลืองแดง สามารถบรรลุข้อตกลงกับ ปืนใหญ่ ในเรื่องของค่าตัวได้ ชาคา แฮปปี้ที่จะย้ายทีม ส่วน อาร์เตต้า ก็เต็มใจที่จะปล่อยเขาออกไป

    ไม่เพียงแค่ดาวเตะทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์จะยังอยู่กับทีมเท่านั้น แต่เขายังได้รับการขยายสัญญาใหม่อย่างน่าเซอร์ไพรส์อีกด้วย

    ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ อาร์เตต้า ตบไหล่ ชาคา ในตอนที่เขาเดินออกจากสนามเมื่อวันเสาร์จากการโดนใบแดงในพรีเมียร์ลีก ครั้งที่ 4 นับตั้งแต่ออกสตาร์ทซีซั่น 2016-17 มีความหมายว่ายังไง ก็มีเพียงเขาเท่านั้นแหละที่รู้

    นี่คือเคสล่าสุดที่ ชาคา ทำให้ทีมต้องเสียเปรียบ บางคนอาจโต้เถียงว่า เฮ้ย จริงๆ จังหวะนั้นก็ไม่น่ารุนแรงถึงขนาดเป็นใบแดงนะ แต่ความจริงก็คือเขาตัดสินใจเข้าปะทะด้วยความประมาทอย่างไม่จำเป็นทั้งที่มีเพื่อนร่วมทีมยืนอยู่รายล้อม

    อาร์เตต้า มีโอกาสทองในซัมเมอร์นี้ที่จะเขี่ย ชาคา ทิ้งไป และจัดหาใครสักคนมาจับคู่กับ ปาร์เตย์ ในแผงมิดฟิลด์

    แต่ตอนนี้ดาวเตะวัย 28 ปี กลับผูกติดกับทีมด้วยสัญญาใหม่ และจากนี้ไป อาร์เซน่อล ก็จะประสบปัญหาเดิมๆ ในพื้นที่นั้น

    แม้จะกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาอันมากมายก่ายกองนั้น แต่ อาร์เตต้า ก็ยังเชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถหาจุดเปลี่ยนได้

    "ผมจะไม่นั่งอยู่เฉยๆ ที่นี่" เขากล่าวหลังจากความอับอายครั้งล่าสุดในวันเสาร์

    ผู้จัดการทีมของ อาร์เซน่อล ไม่เพียงแค่ต้องการชัยชนะเพื่อลดความกดดัน แต่เขาก็ต้องการฟอร์มที่ดีจากทีมด้วย

    ทีมของเขามีโอกาสยิงตรงกรอบเพียง 7 ครั้งเท่านั้นจาก 3 เกมแรก ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ไม่ว่านักเตะจะหายหน้าไปกี่คนก็ตาม

    การยกธงขาวแบบหมดสภาพกับ ซิตี้ จำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    หากยังทำมันไม่ได้ในระยะเวลาอันสั้น เวลาของ อาร์เตต้า เองนั่นแหละที่จะหมดลงอย่างรวดเร็วแทน

    พาสต้า


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})