:::     :::

เมื่อ 'โรนัลโด้' กลายเป็นดาวซัลโวโลก

วันศุกร์ที่ 03 กันยายน 2564 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
2,038
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ซูเปอร์สตาร์โปรตุเกสทำประตูที่ 111 ในเสื้อทีมชาติ ทำให้เขาแซงหน้ากลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดระดับทีมชาติของโลกไปแล้ว และยังไม่หยุดเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน

    ย้อนกลับไปในปี 2005 แทบไม่มีใครคิดหรอกว่าอีก 16 ปี ถัดมา คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะกลายเป็นดาวซัลโวผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ระดับทีมชาติ

    เขาสร้างสิ่งนี้มาด้วยตัวเอง

    ดาวเตะวัย 20 ปี ในเวลานั้นค้าแข้งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฤดูกาลที่สอง โดยใช้เวลาช่วงซัมเมอร์ที่สหรัฐอเมริกา ในขณะที่เขาหายหน้าไปจากอาการบาดเจ็บข้อเท้า

    ตอนเขาอยู่ที่นั่น เขาได้พบกับ อาเบล ซาเวียร์ อดีตแบ็กขวา ลิเวอร์พูล และ เอฟเวอร์ตัน และเขาก็ได้บอกถึงความปรารถนาของตัวเองกับอดีตเพื่อนร่วมทีมชาติโปรตุเกส

    "ผมไปที่โรงแรม และคุยกับเขา เขามองมาที่ผมแล้วพูดว่า 'อาเบล สักวันผมจะเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลก' ในปี 2005!" ซาเวียร์ กล่าว

    "วิธีที่้เขาแสดงออก วิธีที่เขาพูดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้รับบาดเจ็บมันทำให้เห็นถึงความคิดของเขาในตอนนั้น นักเตะบางคนอาจรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อพวกเขาได้รับบาดเจ็บ แต่เขาได้แสดงออกว่าเขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะทำแบบนั้นให้ได้"

    ไม่ใช่ความผิดเลยใช่ไหมล่ะ ที่ โรนัลโด้ จะคิดแบบนั้น

    ย้อนกลับไปตอนที่เขายังเป็นเด็กดาวรุ่งที่ สปอร์ติ้ง ลิสบอน เขาได้รับฉายาว่า 'Noodle' หรือ 'ไอ้ก๋วยเตี๋ยว' จากบรรดาเพื่อนร่วมทีม เนื่องจากรูปร่างที่ผอมบาง ซึ่งเขาก็ไม่ชอบมันเลย เขาเริ่มออกกำลังหายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ และเขาก็ยังทำมันแบบไม่หยุด เมื่อเซ็นสัญญาย้ายมายัง แมนฯ ยูไนเต็ด ครั้งแรกในปี 2003

    เขาทำงานอย่างใกล้ชิดกับ มิค เคล็กก์ อดีตโค้ชด้านความแข็งแกร่ง และความฟิตของ ยูไนเต็ด เขาขอให้โค้ชช่วยให้เขากลายเป็นนักเตะที่ดีที่สุด

    สตาร์โปรตุเกสจะซ้อมด้วยการใส่น้ำหนักที่ข้อเท้าเพื่อพัฒนาการเล่นของเขา และจะซ้อมคนเดียวในสนามหลังเนินเขาเพื่อฝึกเทคนิคให้สมบูรณ์แบบ โดยปราศจากแรงกดดันจากการถูกคนรอบข้างตัดสินว่าผิดหรือถูก

    "เขาจะไม่มีความสุขเลยเมื่อเขาทำอะไรพลาดไป มันแสดงให้เห็นถึงคาแร็คเตอร์ของเขา เขาจะไม่ยอมให้ตัวเองพลาดแม้แต่ครั้งเดียว นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก" คอสตินญ่า อดีตกองกลางทีมชาติโปรตุเกสกล่าว

    "บางคนเห็นเขาอารมณ์เสียในสนามเพราะการจ่ายบอลไม่ดี หรือบางทีก็ยิงไม่ดี และผู้คนก็เข้าใจเขาผิด คาแร็คเตอร์ของเขาเป็นแบบนี้ ผมยังถาม (โชเซ่) มูรินโญ่ หลังการซ้อมเลยว่าเกิดอะไรขึ้น? เขาตอบกลับมาว่า 'ปล่อยมันไปเหอะ เดี๋ยวมันก็พร้อม"

    เปลวเพลิงในตัว โรนัลโด้ ยังคงร้อนแรงต่อยอดไปเรื่อยๆ โดยมี นานี่ เพื่อนร่วมชาติ และ อันแดร์ซอน ย้ายมาเป็นเพื่อนร่วมทีมของ โรนัลโด้ ในปี 2007

    นานี่ ที่ค้าแข้งกับ ออร์แลนโด ซิตี้ ในปัจจุบันเล่าถึงความสนุก และเกมการเล่นที่ทั้งสามมีที่บ้านในเชสเชียร์ของ โรนัลโด้ ขณะที่พวกเขากำลังลงหลักปักฐานในอังกฤษ

    "มันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมสำหรับเรา นักเตะอายุน้อยสามคนที่ชอบแข่งขันในทุกๆ วัน" นานี่ กล่าว

    "เรามีสนามเทนนิส ปิงปอง สระว่ายน้ำ เรามีทุกอย่าง ดังนั้นเราจึงมีการแข่งขันทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งที่บ้าน และนั่นทำให้เราดีขึ้นในทุกๆ วัน มันเพอร์เฟ็กท์"

    "บางทีเราก็แข่งกันว่าใครจะเป็นคนถูกในแต่ละสถานการณ์ มีคนพูดอะไรบางอย่าง และเราจะเถียงว่าอันไหนจริง และใครพูดถูก"

    ด้าน นูโน่ โกเมส อดีตเพื่อนร่วมทีมชาติโปรตุเกสก็อธิบายถึง โรนัลโด้ ว่า "ความแข็งแกร่งทางใจ และความเป็นมืออาชีพของเขาคือสิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่นๆ"

    "เมื่อมองย้อนกลับไป คุณกำลังพูดถึงผู้เล่นที่้แข็งแกร่ง และมีสมาธิ มันเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนสิ่งนั้น" ซาเวียร์ กล่าวเสริม

    "เขาได้รับแรงหนุนจากการเล่นให้ทีมชั้นนำของโลก ด้วยโค้ชที่ดี สภาพแวดล้อมที่ดี แต่สำหรับผม สิ่งสำคัญที่สุดก็คือจิตใจของเขา"

    การซ้อมพิเศษ การอุทิศตัวเพื่องาน การควบคุมอาหาร เทคนิคการซ้อม และเหนือสิ่งอื่นใดก็คือความมุ่งมั่นที่ทำให้เขากลายเป็นสัตว์ร้ายที่ครองตำแหน่งระดับท็อปของโลกฟุตบอลมานานกว่าทศวรรษครึ่ง

    นอกจากนี้ ความปรารถนาที่จะเป็นผู้ชนะ และเหนือกว่าใครๆ ก็ปลูกฝังในตัวเขามาตั้งแต่อายุยังน้อย นานี่ เล่าถึงตอนอยู่ในแคมป์เยาวชนเดียวกัน โรนัลโด้ ไปนั่งร้องไห้อยู่ข้างสนามเพราะเขาไม่ได้ฟรีคิกจากการถูกทำฟาวล์

    "สิ่งหนึ่งที่ผมไม่มีวันลืมก็คือเรากำลังเล่นทัวร์นาเมนต์กันอยู่ และเขาถูกทำฟาวล์ แต่ไม่ได้ฟาวล์ และอีกทีมก็ทำประตูได้ เขาไปที่ม้านั่งสำรอง และก็ร้องไห้" นานี่ กล่าว

    "โค้ชเข้าไปหาเขาแล้วพูดว่า 'มาเหอะ นายอย่าทำแบบนั้นเลย นายต้องพยายามต่อไป เดี๋ยวสิ่งต่างๆ จะเกิดขึ้นเอง' จากนั้นเขาก็กลับมาในสนาม และเขาก็โกรธมาก มีบอลครอสบอลมา เขาจับบอลสองจังหวะ และตอกส้นเข้าประตู"

    "มีเพียงเขาเท่านั้นที่ทำได้ ทุกคนแบบว่า 'ว้าว' และผมก็แปลกใจมากกับท่าทีของเขาในวันนั้น"

    "การได้เห็น คริสเตียโน่ และพฤติกรรมของเขาทำให้ผมรู้ว่าทำไมเขาถึงเก่ง นั่นเป็นเหตุผลที่ทุกคนบอกว่าเขาจะต้องกลายเป็นนักเตะดีที่สุด ผมเริ่มมองเขา และคิดว่าผมต้องปรับปรุงตัวเองบ้าง ตอนนั้นผมก็เก่งนะ แต่ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับเขาเลย"

    ด้านแนวคิดนั้นถือเป็นจุดแข็งของ โรนัลโด้ และแม้เขาจะเพิ่งผลักดันตัวเองไปสู่ทีมชุดใหญ่ เขาก็กลายเป็นที่จับตามอง โดย โกเมส เล่าถึงนักเตะวัย 18 ปี ที่ตอนนั้นถูกเรียกตัวติดทีมชาติโปรตุเกสเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2003

    "เขาแตกต่างจากนักเตะอายุน้อยคนอื่นที่เราเคยเห็นมาในทีมชาติ เขาสร้างความประทับใจให้เราได้เสมอด้วยทักษะของเขา ความปรารถนาของเขาที่ต้องการจะดีขึ้นในทุกๆ วัน ความต้องการที่จะปรับปรุง หรือเรียนรู้" โกเมส กล่าว

    "เขาเป็นนักเตะที่ต้องการเรียนรู้อยู่ตลอด ครั้งแรกที่เขามาอยู่ในกลุ่ม เขาจะชอบพูด และรับฟังพวกซีเนียร์อยู่เสมอ เราใช้เวลาพักหลังการซ้อมมาซ้อมยิงประตูด้วยกัน"

    เขาเริ่มต้นตำนานของการเป็นนักเตะที่ดีที่สุดกับประตูแรกในนามทีมชาติเกมพบ กรีซ ในรอบแบ่งกลุ่ม ยูโร 2004 ซึ่งเป็นลูกโหม่งในนาทีที่ 93 จากแอสซิสต์ของ หลุยส์ ฟิโก้

    ทัวร์นาเมนต์นั้นจบลงด้วยความอกหักของ โรนัลโด้ เพราะ โปรตุเกส แพ้ กรีซ ในรอบชิงชนะเลิศ เขาจบด้วยการทำ 2 ประตู

    "ในยูโร 2004 เราตระหนักว่าเขาจะกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลก" โกเมส กล่าว

    "เขาเป็น และยังคงเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานอยู่เหมือนเดิม วิธีการทำงาน และการเล่นของเขา มันชัดเจนว่าเขาจะเป็นนักเตะชั้นนำ ผมบอกตอนนั้นเลยว่าเขาเป็นคนพิเศษ และเขากำลังจะสร้างประวัติศาสตร์"

    ยิ่งเขาก้าวหน้าในอาชีพเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งได้รับแรงบัลดาลใจจากสถิติต่างๆ มากยิ่งขึ้น เขาไล่ทำลายสถิติของแต่ละคนเป็นว่าเล่น และมันก็ชัดเจนว่าเขาเป็นคนเขียนชื่อตัวเองลงบนหน้าประวัติศาสตร์

    เขาคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก กับ ยูไนเต็ด และ มาดริด แถมยังคว้าแชมป์ลีกอังกฤษ, สเปน และอิตาลี มาแล้วด้วย

    มีประตูในทีมชาติทุกรูปแบบ รวมถึงแฮตทริกในเกมเพลย์ออฟก่อนฟุตบอลโลก 2014 ในการปะทะกับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ของ สวีเดน ซึ่งนั่นช่วยให้เขาก้าวไปถึงรางวัลบัลลงดอร์หนึ่งในห้าสมัยของเขา

    เหนือสิ่งอื่นใด เขานำทีมชาติโปรตุเกสไปถึงถ้วยแชมป์ระดับเมเจอร์ครั้งแรก และครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ เขาเป็นส่วนสำคัญในการคว้าแชมป์ยูโร 2016 โดยทำไป 3 ประตูระหว่างเส้นทางสู่รอบชิงชนะเลิศ และมีบทบาทสำคัญสำหรับการคว้าแชมป์เนชั่นส์ ลีก ในปี 2019

    ทุกวันนี้ เขากลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดในประวัติศาสตร์แชมเปี้ยนส์ลีก ที่จำนวน 134 ประตู และยูโร รอบสุดท้ายอีก 14 ลูก

    แม้ซัมเมอร์ที่ผ่านมา โรนัลโด้ จะต้องอกหักกับการป้องกันแชมป์ยูโร แต่ตอนนี้เขาได้ก้าวผ่านสถิติของ อาลี ดาอี (109) ในการพังประตูระดับทีมชาติมากที่สุดในโลกไปแล้ว ตอนนี้เขาทำไปแล้ว 111 ลูกในสีเสื้อโปรตุเกส และจะยังไม่หยุดเพียงเท่านี้

    "เมื่อคุณมองไปที่ร่างกายของเขา มันไม่เข้ากับอายุเลย" ซาเวียร์ กล่าว

    "เมื่อคุณเห็นฟอร์มของเขา เขายังดูสด และเด็ก ด้วยเหตุนี้เขาอาจจะเล่นต่อไปได้อีกนานเลย"

    พาสต้า


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด