การปวดหัวที่ คล็อปป์ เต็มใจ
มันเป็นเวลานานแล้วที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ได้พบว่าตัวเองอยู่ในตำแหน่งนี้
คุณก็รู้ว่าต้องมีคนที่ปวดหัว โดยข้อกังวลที่ใหญ่ที่สุดก็คือผู้เล่นระดับท็อปคนไหนบ้างที่ควรจะต้องนั่งสำรอง และใครบ้างที่จะหลุดทีม
มันเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่งที่กุนซือ ลิเวอร์พูล มีทีมให้เลือกใช้งานแบบเต็มสูบเหมือนไพ่ที่เต็มสำรับ
คล็อปป์ ยิ้มกว้างปากแทบจะถึงหูในเกมกับ เบิร์นลี่ย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะเรียกมันว่า "ช่วงบ่ายที่สมบูรณ์แบบ" และคงไม่ได้พูดถึงแค่เรื่องของสภาพอากาศอย่างแน่นอน "เราทำเสื้อของเราให้สกปรก" เขากล่าวเสริม "ผมพอใจเป็นอย่างมาก"
คล็อปป์ กล่าวว่านี่คือทีมที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอมาในฐานะกุนซือ และมันน่าทึ่งมากที่จะได้เห็นว่าเขาจะจัดการทีมอย่างไรในอีกไม่กี่สัปดาห์ และอีกหลายเดือนข้างหน้า โดย ลิเวอร์พูล มีเป้าหมายใหญ่เต็ม 4 รายการ และผู้เล่นซีเนียร์อย่างน้อย 24 คนจะต้องแย่งชิงตำแหน่งกัน แน่นอนว่าการตัดสินใจที่ยากลำบากรออยู่
ตัวอย่างก็เช่นในเกมกับ เบิร์นลี่ย์ มีความผิดหวังจาก โจ โกเมซ และ เคอร์ติส โจนส์ ซึ่งทั้งคู่ไม่มีชื่ออยู่ในทีม 20 คน ทั้งที่ต่างก็ฟิต และพร้อมถูกใช้งาน เช่นเดียวกับ ทาคูมิ มินามิโนะ และ ดิว็อก โอริกี้ ซึ่งถูกทิ้งไว้ที่บ้าน
ทั้ง 4 คนต่างก็มีส่วนในการสนับสนุน หงส์แดง ในฤดูกาลนี้ โดย โกเมซ เคยสวมปลอกแขนกัปตันทีมในเกมคาราบาว คัพ ขณะที่ โจนส์ ก็เป็นตัวจริง 5 มาตลอด 5 นัดหลังสุดก่อนสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วน โอริกี้ และ มินามิโนะ ทำรวมกัน 12 ประตูระหว่างพวกเขา
แต่นั่นคือจุดแข็งในมือของ คล็อปป์ ในตอนนี้ โดยที่ผู้เล่นดีกรีดังหลายคนกำลังจะพลาดโอกาส ขณะที่คนอื่นๆ ก็ต้องชินกับการเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการโรเตชั่น
"ผมจำสถานการณ์แบบนี้ในช่วงก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย" คล็อปป์ ยอมรับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "เราไม่เคยมีทุกคนพร้อมใช้งานแบบนี้"
ไม่ว่าความสมบูรณ์นั้นจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนมันก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ ลิเวอร์พูล เองก็รู้ดีกว่าใครว่าอาการบาดเจ็บนั้นสามารถกลืนกินทีมได้เร็วแค่ไหน และด้วยโปรแกรมมากมายที่กำลังจะมาถึง มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่อาจจะเกิดการกระแทก, รอยฟกช้ำ, การตึงของกล้ามเนื้อจนนำไปสู่อาการบาดเจ็บ
ในตอนนี้ พวกเขาสามารถเพลิดเพลินไปกับความแข็งแกร่งของทีม และรู้สึกปลอดภัย โดยมีผู้เล่นระดับท็อปมากหน้าหลายตาที่จะคอยมาเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่างๆ
เราได้เห็นแล้วในช่วง 10 วันที่ผ่านมา ในความแตกต่างที่ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ และ หลุยส์ ดิอาซ ทำได้ในเกมกับ คาร์ดิฟฟ์ หรือบางทีอาจจะนับอิมแพ็คท์ของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในช่วง 30 นาทีสุดท้ายในเกมกับ เลสเตอร์
ในเกมกับ เบิร์นลี่ย์ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ลุกจากม้านั่งสำรองเพื่อเพิ่มการคอนโทรลในเกมได้อีกเล็กน้อย และทำให้เกมมีคุณภาพมากขึ้น หลังจากที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน หลุดฟอร์มจนประสบปัญหามาตลอดหนึ่งชั่วโมงแรก
ดีโอโก้ โชต้า และ เจมส์ มิลเนอร์ เป็นอีก 2 ตัวสำรองของ คล็อปป์ ที่เทิร์ฟ มัวร์ ซึ่งหมายความว่าทั้ง ดิอาซ และ เอลเลียตต์ ไม่ได้ลงเล่น เช่นเดียวกับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, คอสตาส ซิมิกาส และ อิบราฮิมา โกนาเต้ ทั้งที่สโมสรนี้เคยถูกวิจารณ์บ่อยครั้งว่าขาดความลึกของขุมกำลังสำรอง นี่คือการแสดงความแข็งแกร่งได้อย่างน่าประทับใจ
งานของ คล็อปป์ จะง่ายขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยในคืนวันพุธ โดยทั้ง โจนส์ และ โกเมซ น่าจะกลับมามีชื่ออยู่ในทีมสำหรับเกมเยือน อินเตอร์ มิลาน โดยกฎของแชมเปี้ยนส์ลีก นั้นแตกต่างจากพรีเมียร์ลีก โดยอนุญาตให้ทีมใส่ชื่อตัวสำรองได้ถึง 12 คน และเปลี่ยนตัวได้อีก 5 ครั้ง
หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล ก็จะเผชิญหน้ากับ นอริช และ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในลีก ก่อนที่จะเล่นเกมคาราบาว คัพ นัดชิงกับ เชลซี ที่เวมบลีย์ ในช่วงปลายเดือนนี้
การตัดสินใจครั้งใหญ่กำลังจะมาถึง หลายคนคงลุ้นกันแบบหัวใจเต้นรัวอย่างแน่นอนว่าอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าใครบ้างจะอยู่บนม้านั่งสำรอง และใครบ้างที่ต้องหลุดไปอยู่บนอัฒจันทร์เลย นี่คือการต่อสู้ที่กำลังร้อนแรงในถิ่นแอนฟิลด์
ทว่าแม้จะต้องปวดหัวจนแทบระเบิด แต่เชื่อได้เลยว่า คล็อปป์ นั้นเต็มใจเหลือเกิน
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT