แอนโธนี่ เอลังก้า แสงสว่างเดียวของ ผีแดง ในซีซั่นนี้
เช้าตรู่เวลาตี 4 ของวันที่ 22 พฤศจิกายน แอนโธนี่ เอลังก้า มาถึงที่จอดรถสนามซ้อมของ แมนฯ ยูไนเต็ด
ภาพดังกล่าวอาจสร้างความประหลาดใจให้กับรปภ. ที่แคร์ริงตัน หากดาวรุ่งรายนี้ไม่ได้ทำแบบเดียวกันเมื่อย้อนกลับไป 3 สัปดาห์ก่อนหน้า
คุณจะเห็นว่า เอลังก้า พิถีพิถันในการเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันมากแค่ไหน และด้วยเที่ยวบินช่วงเช้าที่ต้องไปยังสเปน และอิตาลี เพื่อเล่นรายการยูฟ่า ยูธ ลีก กับ บียาร์เรอัล และ อตาลันต้า ตามลำดับ เขากระตือรือร้นที่จะฟิตร่างกายตลอด 1 ชั่วโมงครึ่งในโรงยิมก่อนออกเดินทาง
เขาเดินทางจากบ้านที่อยู่ร่วมกับครอบครัวในไฮด์ มายังแคร์ริงตันช่วงเช้าตรู่เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองจะอยู่ในสภาพที่ฟิตมากที่สุดเพื่อช่วยทีมเยาวชน
มันเป็นทัศนคติที่ทำให้เราได้เห็น เอลังก้า เปลี่ยนจากการเล่นในเวทียูฟ่า ยูธ ลีก ไปสู่การทำประตูในเกมแชมเปี้ยนส์ลีก รอบน็อคเอาต์ เพียงเวลาแค่ 3 เดือน ในขณะที่ปีกรายนี้คือหนึ่งในแสงสว่างไม่กี่อย่างของ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลที่ยากลำบาก
ประตูตีเสมอของ เอลังก้า ในเกมกับ แอต. มาดริด ที่ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ ในเกมนัดแรกของรอบ 16 ทีมสุดท้าย ได้ตอบแทนความมุ่งมั่น และตั้งใจอย่างหนักของไอ้หนูรายนี้
ความคิดที่ยอดเยี่ยมของ เอลังก้า และความเต็มใจที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้กลายเป็นนักเตะอาชีพนั้นมาจากการเฝ้าดูแลของ โจเซฟ พ่อของเขาที่เคยเป็นกองหลัง มัลโม่
เส้นทางลูกหนังของ เอลังก้า เริ่มต้นที่อะคาเดมี่ของ เอล์ฟส์บอร์ก และจากนั้นก็ มัลโม่ โดยเขาเล่นที่นั่นจนอายุ 11 ปี กระทั่งพ่อ และ ดาเนียลล่า แม่ของเขาตัดสินใจโยกย้ายครอบครัวไปยังอังกฤษ
หลังจากมาอยู่ในเมืองผู้ดีแล้ว เอลังก้า ก็ร่วมทีม แฮทเทอร์สลี่ย์ เอฟซี ในเทมไซด์ และเขาก็สร้างความประทับใจให้โค้ชได้ภายในเวลาแค่ 10 นาทีของการซ้อมครั้งแรก หลังจากผ่านไปหนึ่งซีซั่นเต็มๆ เขาก็ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทีม โดยทำไป 17 ประตู และ 27 แอสซิสต์ จากการลงเล่นแค่ 14 นัด
ด้วยตัวเลขเหล่านั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ ยูไนเต็ด จะรีบดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อคว้าตัว เอลังก้า เข้ามายังอะคาเดมี่เมื่อเขาอายุได้ 12 ปี และเขาก็สร้างความประทับใจให้กับโค้ชทุกคนที่เคยทำงานด้วยนับแต่นั้นเป็นต้นมา
เขาชอบที่จะดูวิดีโอของผู้เล่นที่เก่งที่สุดในโลกอยู่เป็นประจำ และมองหาวิธีที่จะทำให้ได้แบบพวกเขา โดยเฉพาะกับไอดอลอย่าง เธียร์รี่ อองรี
นีล วู้ด, นีล ไรอัน และ โคลิน ลิตเติ้ล ต่างก็มีส่วนสำคัญในการพัฒนาตัวเขา
ปีกรายนี้ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทีมเยาวชน จิมมี่ เมอร์ฟี่ ในปี 2020 แต่ด้วยอาการบาดเจ็บไหล่ในช่วงต้นปี 2021 ทำให้การพัฒนาของเขาต้องหยุดชะงักไปสักพัก
กระนั้น เอลังก้า ก็กลับมาใช้เวลาอยู่ในโรงยิมเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อสามารถกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง เขาทำมันแบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนที่จะเริ่มต้นฤดูกาลปัจจุบัน
เขาได้ประเดิมทีมชุดใหญ่โดย โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ในเดือนพฤษภาคม ปี 2021 หลังนายใหญ่นอร์เวย์ได้รับคำแนะนำจาก คีแรน แม็คเคนน่า อดีตโค้ช และหลังจากลิ้มรสประสบการณ์ในเกมระดับอาชีพแล้ว เอลังก้า ก็ใช้เวลาช่วงซัมเมอร์เพื่อพัฒนา และปรับปรุงตัวเอง
ดาวเตะวัย 19 ปี ทำงานกับโค้ชส่วนตัว โดยเน้นไปที่การเร่งสปีด และการกระโดดให้สูงขึ้น ในขณะที่เจ้าตัวตั้งเป้าจะพัฒนาเรื่องลูกโหม่ง จัสติน ค็อกเรน หัวหน้าฝ่ายพัฒนา และฝึกสอนของ ผีแดง ก็ได้ใช้เวลาทำงานกับ เอลังก้า เพื่อเพิ่มจุดแข็งต่างๆ ในส่วนอื่นด้วย
"ไม่ใช่แค่ผมเท่านั้น (ที่ช่วยพัฒนา) ผมคิดว่ายังมีเหล่าทีมงานที่ทำงานกับเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมาด้วย" ค็อกเรน กล่าว
"เขาเป็นเด็กดี เขามีพรสวรรค์ ความสามารถ และคาแรคเตอร์ที่เหมาะสม ผมเห็นความตรงไปตรงมาของเขา คุณก็เห็นแล้วว่าเขากำลังทำอะไรในทีมชุดใหญ่ และเขาก็เคยทำแบบนั้นมาก่อนแล้วในทีมเยาวชน ในการซ้อมผมเห็นถึงศักยภาพนั้น และนี่้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เราทุกคนหวังว่าเขาจะยังคงสร้างความประทับใจได้ต่อไป"
สิ่งเหล่านั้นดึงดูดสายตาของเหล่าโค้ชทีมชุดใหญ่ในช่วงปรีซีซั่นที่อุ่นเครื่องกับ ควีนส์ปาร์ค เมื่อ เอลังก้า ลุกจากม้านั่งสำรองลงมาทำประตูได้ มีทีมงานคนหนึ่งที่ทำนายหลังเกมที่ลอฟตัส โร้ด ว่าเขาจะทะลุขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ในซีซั่นนี้
แน่นอนว่าเขาคิดไม่ผิด
อย่างไรก็ตาม คนที่ให้โอกาสอย่างแท้จริงกับ เอลังก้า ก็คือ ราล์ฟ รังนิก
โอกาสของเขายังค่อนข้างจำกัดในยุคของ โซลชา โดยส่วนใหญ่ก็เล่นในทีมยู-23 เป็นหลักตลอดช่วงครึ่งแรกของซีซั่น นั่นทำให้ เอลังก้า พยายามมองหาโอกาสย้ายทีมในรูปแบบการยืมตัวช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา และเขาก็ได้รับความสนใจจากบางทีมในพรีเมียร์ลีก และอีกมายมากในแชมเปี้ยนชิพ แต่ รังนิก เป็นคนโน้มน้าวให้เขาอยู่ต่อ
"เขาลงเล่นในเกมกับ (คริสตัล) พาเลซ และอีกสัปดาห์หลังจากนั้นผมก็บอกกับเขาว่า 'ฟังนะ ฉันต้องการให้นายอยู่ต่อ ฉันต้องการดูว่านายทำยังไงบ้างในการซ้อม และในเกมจนกระทั่งตลาดปิด" รังนิก กล่าว
"ตอนนี้เขาได้แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เป็นไปได้ในโลกฟุตบอลด้วยความคิด และแนวทางที่ถูกต้องที่ได้ลงสนาม นี่คือสิ่งที่เขาทำ และสิ่งที่เขาทำเสมอในการซ้อมทุกๆ ครั้ง"
บรูโน่ แฟร์นันด์ส ถูกพูดถึงว่าเป็นคนสำคัญที่คอยหนุนหลัง เอลังก้า นับตั้งแต่ที่เขาทะลุขึ้นทีมชุดใหญ่ ส่วน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็ให้คำแนะนำกับดาวรุ่งรายนี้ถึงเรื่องเทคนิกการยิง และสภาพจิตใจอีกด้วย
ด้วยความคิดเหล่านั้นที่เขาทำก่อนหน้าในทุกๆ เกม รวมกับความสามารถของเขาคือสิ่งที่ทำให้ เอลังก้า ไปได้สวยในฤดูกาลนี้
กับการจบฤดูกาลแบบมือเปล่าเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน การแจ้งเกิดขึ้นมาของ เอลังก้า จึงแทบเป็นเรื่องดีๆ เพียงหนึ่งเดียวของสโมสรในซีซั่นนี้เลยก็ว่าได้
แน่นอนว่า เอลังก้า เองก็คงจะไม่หยุดเข้ายิมในช่วงเช้าตรู่หรอก
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT