เกิดอะไรขึ้นกับ แรชฟอร์ด
ไม่น่าแปลกใจเลยที่มีรายงานเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด กำลังพิจารณาอนาคตของเขาในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อย่างจริงจัง
รังนิก ชัดเจนว่าเขาไม่ได้ตะบี้ตะบันที่จะหนุนหลังกองหน้าทีมชาติอังกฤษนับตั้งแต่ที่เขามายังถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเดือนพฤศจิกายน และดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองมาถึงจุดต่ำสุดในเกมแมนเชสเตอร์ดาร์บี้ เมื่อ แรชฟอร์ด ถูกทิ้งให้อยู่บนม้านั่งสำรองทั้งที่นักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ เอดินสัน คาวานี่ ได้รับบาดเจ็บลงสนามไม่ได้
แม้ แรชฟอร์ด จะได้กลับมาเป็นตัวจริงในนัดถัดมากับ สเปอร์ส แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน โดยสัมผัสบอลเพียง 30 ครั้ง ก่อนจะโดนเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 67 แบบที่ไม่มีโอกาสยิงแม้แต่ครั้งเดียว ไม่มีการเลี้ยงบอลผ่าน หรือไม่มีการจ่ายบอลสำคัญเลย
แรชฟอร์ด อยู่ในฟอร์มที่ย่ำแย่มาเกือบปีแล้ว จุดขายต่างๆ ของเขาที่เป็นเครื่องหมายการค้า การเคลื่อนที่อันเด็ดขาด และสัญชาตญาณในแดนสาม สิ่งเหล่านี้หายไปพร้อมกับความมั่นใจที่ตกต่ำลง
ตอนนี้เขาดูเป็นผู้เล่นไม่ได้มีทีเด็ดอะไรเลย เล่นบอลก็ธรรมดามาก หรือบางทีก็พยายามมากเกินไปที่จะโชว์อะไรบางอย่างให้ผู้จัดการทีมของเขาได้เห็น
ความสับสนเกี่ยวกับบทบาทจาก รังนิก ก็เป็นอีกสิ่งที่ไม่ได้ช่วยอะไร แรชฟอร์ด เลย มันแสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นใจของเขาที่มีต่อตัว แรชฟอร์ด ซึ่งยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยในห้องแต่งตัวที่ซับซ้อนอยู่แล้วมากขึ้นไปอีก
มีรายงานจากบางสื่ออ้างถึงแหล่งข่าวใกล้ชิดของ แรชฟอร์ด ว่ากองหน้ารายนี้ต้องการความชัดเจนเรื่องอนาคตของสโมสรมากขึ้น การเรียกร้องเรื่องนั้นบางทีอาจเป็นคำเตือนกลายๆ ว่า รังนิก ไม่ควรจะเป็นคนที่รับผิดชอบทีมต่อไปในฤดูกาลหน้า
ไม่ว่ารายงานเหล่านี้จะหมายถึงอะไร มันก็พอมีเหตุผลอยู่บ้างที่เราจะเห็นใจ แรชฟอร์ด ที่ต้องพลาดช่วง 2 เดือนแรกของซีซั่นเนื่องจากบาดเจ็บ และต้องมาดิ้นรนต่อเพื่อทำความเข้าใจกับวิธีการของ รังนิก เช่นเดียวกับอีกหลายคนที่ต้องเข้าๆ ออกๆ ทีมนับตั้งแต่นั้น
เหตุผลหลักที่ทำให้ แรชฟอร์ด ตกต่ำแบบหาทางกลับไม่เจอก็คือเรื่องของสมาธิ ความชัดเจน และความเชี่ยวชาญจากโค้ช
สิ่งนี้เริ่มต้นด้วยความจริงที่ว่า แรชฟอร์ด ยังไม่มีตำแหน่งของตัวเองแบบจริงๆ จังๆ เลยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2022 เขาเล่นมาแล้วถึง 6 ตำแหน่งที่แตกต่างกัน และอีก 4 ระบบที่แตกต่างกัน
แรชฟอร์ด กลายเป็นผู้เล่นสารพัดประโยชน์ที่ทำได้ทุกอย่าง แต่กลับไม่ได้รับการฝึกสอนจากโค้ชแบบลงรายละเอียดจริงๆ จังๆ ถึงตำแหน่งที่ดีที่สุดของเขาเลย
เรารู้อยู่แล้วว่ามีการโค้ชเพียงเล็กน้อยในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ตลอด 3 ปีนั้น ตามรายงานฉบับหนึ่งระบุว่าหลังจากที่ แรชฟอร์ด ใช้เวลาตั้งนานโดยไม่รู้ว่าผู้จัดการทีมต้องการอะไรจากเขา เขาจึงไปเผชิญหน้ากับ โซลชา เพื่อพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าว
ก่อนหน้านั้น โชเซ่ มูรินโญ่ และ หลุยส์ ฟาน กัล ก็เคยขอให้ แรชฟอร์ด เล่นในรูปแบบที่แตกต่างมาแล้วเหมือนกัน กลายเป็นว่าสิ่งนั้นได้สร้างปัญหาให้ แรชฟอร์ด มาตลอดจนระเบิดเป็นเสี่ยงๆ อยู่ในเวลานี้
การขาดความชัดเจน หรือเปลี่ยนแท็คติกจากแบบหนึ่งไปอีกรูปแบบหนึ่งอยู่เรื่้อยๆ นั้นหมายถึงนักเตะก็จะต้องเรียนรู้ หรือจัดลำดับความสำคัญใหม่
ผู้เล่นอายุน้อยที่มีพรสวรรค์อย่าง แรชฟอร์ด ส่วนใหญ่จะได้รับความชัดเจนสำหรับทิศทางตั้งแต่วัย 20 ต้นๆ ได้รับการโค้ชอย่างละเอียดเพื่อความเฉียบขาดในเกมของพวกเขา และได้รับคำแนะนำที่มั่นคงในการหล่อหลอมแง่มุมเหล่านั้นอย่างเป็นธรรมชาติ
แทนที่ตอนนี้ แรชฟอร์ด จะเป็นสัญลักษณ์ของทุกสิ่งทุกอย่างที่สโมสร เขากลับยังล่องลอยไม่เป็นโล้เป็นพาย
ตอนนี้ รังนิก มีทั้ง เจดอน ซานโช่ และ แอนโธนี่ เอลังก้า ที่ทำได้ดีกว่า แรชฟอร์ด ในพื้นที่แดนสาม ขณะที่ โรนัลโด้ ก็ทำให้ แรชฟอร์ด ไม่สามารถสอดแทรกในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าได้อีก
อันที่จริง เมื่อมองไปยังตัวเลขพื้นฐานของเขาแล้วก็ไม่เลวร้ายเลย ตามรายงานจาก FBRef โดย แรชฟอร์ด ทำได้ 0.58 ประตู และแอสซิสต์ต่อ 90 นาที
ผลงานของเขาตั้งแต่สถิติเกมรับไปจนถึงการสร้างสรรค์เกม แรชฟอร์ด มีค่าเฉลี่ยที่ลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เว้นเพียงอย่างเดียวคือการผ่านบอลที่ลดจาก 91.7 หลาเหลือเพียง 65.4 หลาต่อ 90 นาที และการส่งบอลสำเร็จก็ลดลงจาก 75.6% เป็น 68.2%
จากจุดนี้ เราเหมือนได้เห็นความลังเลใจเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการผ่านบอลของเขานั้นสั้นลง ความแม่นยำก็น้อยลง ส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากโอกาสสัมผัสเกมที่น้อยลง
การพยายามดึงสิ่งที่ดีที่สุดออกมาจาก แรชฟอร์ด อาจเป็นเหตุผลที่ ยูไนเต็ด จะต้องจ้าง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ซึ่งเป็นแฟนตัวยงของดาวเตะรายนี้มานานแล้ว
วิธีการโค้ชของ โปเช็ตติโน่ ประกอบกับแนวทางการเล่นเกมรุกรวดเร็ว และประวัติความแน่นแฟ้นกับผู้เล่นอาจทำให้เขาคือคนที่เหมาะสมกับ แรชฟอร์ด
แรชฟอร์ด ต้องการโค้ชที่เชื่อมั่นในตัวเขา คนที่รู้ว่าต้องการอะไรจากผู้เล่น และทำให้เขาเล่นได้อย่างสม่ำเสมอในตำแหน่งเดียว
แต่ก่อนที่จะหวังพึ่งใคร แรชฟอร์ด เองนั่นแหละคือคนที่ต้องเริ่มกลับมาหาตัวตนของตัวเองให้ได้ก่อน
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT