'เอล กลาซิโก้' เปิดแผล ราชัน

"ลีโอเนล เมสซี่ อยู่ไหน?" บรรดาแฟนบอล เรอัล มาดริด พากันตะโกนนอกซานติอาโก เบร์นาเบว ก่อนเกม เอล กลาซิโก้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความคาดหวังอันเต็มเปี่ยม

พวกเขาเพิ่งได้ความมั่นใจจากการคัมแบ็กเอาชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ด้วยสกอร์รวม 3-2 ในแชมเปี้ยนส์ลีก โดยต่างก็เยาะเย้ยคู่แค้นตลอดกาลของพวกเขาสำหรับการสูญเสียผู้เล่นที่ดีที่สุดอย่าง เมสซี่ ด้วยการกระทำของตัวเอง

แต่กลายเป็นว่าในเกมนั้น คาริม เบนเซม่า ดันมีอาการบาดเจ็บทำให้ไม่สามารถลงสนามได้ โดย คาร์โล อันเชล็อตติ ต้องส่ง ลูก้า โมดริช ไปเล่นในตำแหน่งฟอลส์ไนน์ ขนาบข้างด้วย วินิซิอุส จูเนียร์ และ โรดรีโก้ โกเอส เล่นริมเส้น

ตรงนั้นมันไม่เหมาะกับ โมดริช เลย และทีมเจ้าบ้านก็โดน บาร์เซโลน่า ฉีกแผนขาดออกเป็นเสี่ยงๆ

ในขณะที่ยักษ์กาตาลันกำลังแข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อยๆ เรอัล มาดริด กลับค่อยๆ แย่ลง ซึ่งแผลเหล่านั้นมันถูกปิดไว้ด้วยความสามารถจากแข้งพรสวรรค์สูงบางคน

พวกเขาอาจคว้าแชมป์ลา ลีกา ได้ก็จริง เนื่องจากตอนนี้ก็นำหน้า เซบีย่า รองจ่าฝูงถึง 9 แต้ม โดยเหลือการแข่งขันอีกเพียง 9 เกมเท่านั้น แต่กับเกมเมื่อวันอาทิตย์มันไม่ใช่สัญญาณเตือนที่ดีสำหรับ มาดริด เลย

ชัยชนะ 4-0 ของ บาร์ซ่า ในศึก กลาซิโก้ มันก็คล้ายกับฟอร์มของ เปแอสเช ที่พบ มาดริด ในช่วง 1 ชั่วโมงแรกนั่นแหละ แต่นัดนี้พวกเขาไม่มี เบนเซม่า มากอบกู้สถานการณ์ในช่วง 30 นาทีสุดท้าย

แฮตทริกของหัวหอกทีมชาติฝรั่งเศสกับจ่าฝูงลีก เอิง มันเริ่มต้นจากการโคตรพลาดของ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตู และจากนั้นมันก็ทำให้ทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ใจเสียไปเลย

มันเหมือนกับแฟน มาดริด ถูกผ้าปิดตาไว้ฉาบด้วยชัยชนะอันสวยงาม

อันที่จริง เมื่อย้อนกลับไปในฤดูกาลที่แล้ว ความพ่ายแพ้ต่อ เชลซี ในรอบตัดเชือก บ่งบอกว่า ราชันชุดขาว ต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่สิ่งนั้นก็ถูกลืมไปภายใต้การออกสตาร์ทที่ดีภายใต้การคุมทัพของ อันเชล็อตติ

ขณะที่แฟน มาดริด เดินออกจากสนามไปอย่างเศร้าหมอง อันเชล็อตติ กล่าวด้วยความรับผิดชอบว่า "ผมเสียใจมาก และก็เศร้ามาก"

บาร์เซโลน่า สูญเสียไอคอล และผู้เล่นที่ดีที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยมีมาอย่าง เมสซี่ แต่การสร้างทีมใหม่ของ ชาบี เอร์นานเดซ นั้นเต็มไปด้วยประสิทธิภาพแบบทั่วถึงในขณะที่เงินทุนที่สามารถจับจ่ายก็ลดลงไปมากเมื่อเทียบกับยุคก่อนหน้าเขา

ทีมของ ชาบี ยึดหลักการเล่นที่ชัดเจน และเป็นระบบที่ไม่ต้องการดาวเด่นดวงเดียวเพื่อแบกรับภาระอันหนักอึ้ง

ในทางตรงกันข้าม เรอัล มาดริด ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากการเล่นของตัวเองเลย แต่มันมาจากความผิดพลาดของคู่แข่ง นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมกับ เปแอสเช แต่พวกเขาไม่ได้สิ่งนั้นในเกมกับ บาร์เซโลน่า

เมื่อหนึ่งในเสาหลักอย่าง เบนเซม่า หายไป โมดริช ก็ไม่ได้อยู่ในฟอร์มของตัวเอง เช่นเดียวกับ ดาวิด อลาบา มันก็เป็นอย่างที่เห็นในเกมกลาซิโก้

"เราต้องคุยกันเรื่องแท็คติกเป็นการภายใน" ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตู ราชันชุดขาว กล่าวหลังเกมอย่างตรงไปตรงมา

"มันไม่ได้ผลเลยกับสิ่งที่เราทำตั้งแต่เริ่มเกม หรือในครึ่งหลัง พวกเขามีโอกาส บางทีผลการแข่งขันอาจจะเลวร้ายยิ่งกว่านี้"

คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ กองหน้า เปแอสเช ที่คาดว่าจะย้ายมาในช่วงซัมเมอร์นี้อาจเป็นเพียงก้าวแรกที่จะสร้าง มาดริด ยุคใหม่ให้แข็งแกร่ง และไว้วางใจได้

กองกลางอย่าง เฟเด วัลเวร์เด้ และ เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า จำเป็นต้องได้รับโอกาสมากกว่านี้ เนื่องจาก โมดริช ที่อายุปาเข้าไป 36 ปีแล้วยังไงก็เล่นได้อีกไม่นาน

เบนเซม่า ที่วัย 34 ปี อาจยังอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด แต่คงไม่น่าแปลกใจหรอกหากสิ่งดังกล่าวจะเปลี่ยนไปในอนาคตอันใกล้นี้ด้วยอายุของเขา

ดานี่ การ์บาฆาล แบ็กขวาวัย 30 ปี กลายเป็นปัญหาใหญ่ของสโมสร ในขณะที่ ลูกัส บาซเกซ ซึ่งเคยเป็นปีกมาก่อนก็ไม่ใช่ตัวเลือกแรกที่เหมาะสมอะไร ดังนั้นการขาย อาชราฟ ฮาคิมี่ ให้กับ อินเตอร์ มิลาน เมื่อปี 2020 ดูจะเป็นความผิดพลาดร้ายแรง และ มาดริด จะต้องแก้ไขพื้นที่ดังกล่าวในช่วงซัมเมอร์นี้

บางที การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดของพวกเขาต้องทำอาจอยู่ที่ตำแหน่งเทรนเนอร์

อันเชล็อตติ ถือเป็นตัวเลือกที่น่าเซอร์ไพรส์ หลังฤดูกาลที่ไม่ได้เป็นดังหวังกับ เอฟเวอร์ตัน และแม้ มาดริด ของเขาในตอนนี้จะเป็นจ่าฝูงของลีกอยู่ แต่มันก็เริ่มมีข้อสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาเป็นคนที่ง่ายสำหรับการหันไปหาของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ แต่ตอนนี้ บาร์ซ่า ที่มี ชาบี เข้ามาเปลี่ยนสภาพกลายเป็นฉลามอีกครั้ง หลังยุคที่น่าผิดหวังของ กีเก้ เซเตียน และ โรนัลด์ คูมัน

มาดริด ต้องการโค้ชที่จะไปสู้กับ ชาบี ได้อย่างสมน้ำสมเนื้ออย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ในปี 2011 หรือก็ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่สู้กับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน

อันเชล็อตติ อาจมีประสบการณ์ และความสำเร็จมากมาย แต่ที่ มาดริด เขาแทบไม่ค่อยได้แสดงฝีมือทางด้านแท็คติกมากนัก โดยส่วนใหญ่ก็จะเลือกใช้ระบบ 4-3-3 กระทั่งมาเปลี่ยนในเกมกับ บาร์ซ่า เพราะปัญหาสภาพทีม และมันก็ไม่ได้ผลอะไรเลย

ถึงแม้ มาดริด จะคว้าแชมป์ลา ลีกา ได้ตามที่หวังไว้ แต่บางทีพวกเขากำลังเดินไปในทิศทางที่ผิด

พาสต้า