วิถีคืนบัลลังก์ของ มิลาน

เมื่อมีคนบอกว่าคุณจะได้เรียนรู้จากความพ่ายแพ้มากกว่าชัยชนะ เรื่องนั้น สเตฟาโน่ ปิโอลี่ คือตัวอย่างที่ชัดเจน

เทรนเนอร์ เอซี มิลาน กล่าวว่าแชมป์สคูเด็ตโต้ 2022 เริ่มขึ้นจากเกมที่พ่าย อตาลันต้า อย่างน่าขายหน้า 0-5 ในเดือนธันวามคม ปี 2019

"มันเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่แย่ที่สุดในอาชีพของผม แต่ก็เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่มีค่ามากที่สุดเช่นกัน" ปิโอลี่ กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

"นั่นคือตอนที่เราตระหนักถึงสิ่งจำเป็นในการพัฒนาทีมนี้"

และนั่นก็คือสิ่งที่เขาทำร่วมกับ เปาโล มัลดินี่ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิก, เปาโล สคาโรนี่ ประธานสโมสร, อีวาน กาซิดิส ซีอีโอ และเจ้าของสโมสรอย่าง เอลเลียตต์ เมเนจเมนท์ คอร์ปอเรชั่น

ในช่วงเวลา 3 ปี พวกเขาได้นำพาสโมสรที่ใกล้พังยับเยินในยุคของ หลี่ หยงหง ให้กลายเป็นแชมป์เซเรีย อา ครั้งแรกในรอบ 11 ปี

และพวกเขาก็ทำได้โดยไม่ต้องใช้เงินมหาศาลในการเซ็นสัญญากับพวกแข้งระดับซูเปอร์สตาร์

อีกอร์ ทูดอร์ เทรนเนอร์ เวโรน่า ได้กล่าวผ่านสื่อเมื่อต้นเดือนนี้ว่า "ตามหน้ากระดาษ มิลาน เป็นทีมที่ดีที่สุดอันดับ 3 หรือ 4 ในลีกเท่านั้น"

"นั่นแสดงว่าสโมสร และเฮดโค้ชทำได้ดีมาก"

อันที่จริงในแง่ของการสรรหา มัลดินี่ ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในบทบาทของเขา

ย้อนกลับไปในเดือนตุลาคม ปี 2019 มัลดินี่ อยู่ภายใต้ความกดดันสุดๆ เมื่อทั้งเขา และ ซโวนิเมียร์ โบบัน ได้เลือก มาร์โก จามเปาโล เข้ามาเป็นเฮดโค้ชเพื่อแก้ไขในสิ่งต่างๆ ระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองต่างต้องยอมรับว่าพวกเขาคิดผิดกับสิ่งนั้น เมื่อ จามเปาโล ได้คุมทีมเพียงแค่ 7 นัด และอยู่ในตำแหน่งแค่ 4 เดือน

มิลาน ต้องการคนที่มีคาแรคเตอร์ที่น่าเชื่อถือเพื่อประคองเรือให้ไปถึงฝั่ง และบางทีสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือคนที่เต็มใจจะยอมรับบทบาทหัวหน้าโค้ชชั่วคราว

ปิโอลี่ นำทีมเดินหน้าต่อไปได้ แม้ตอนนั้นจะยังมีโอกาสสูงที่เขาจะถูกคนอื่นมาแทนที่ตำแหน่งของตัวเองเมื่อจบซีซั่น

อันที่จริง มิลาน ได้วางแผนให้ ราล์ฟ รังนิก เข้ามาปฏิวัติส่วนต่างๆ ของทีมตั้งแต่บนลงล่าง

กาซิดิส ไม่เพียงแค่เต็มใจที่จะมอบความไว้วางใจให้ รังนิก รับผิดชอบทีมชุดใหญ่เท่านั้น แต่เขายังพร้อมมอบกุญแจทั้งหมดของทีมให้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ทั้ง โบบัน และ มัลดินี่ ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนั้น จึงก่อให้เกิดสงครามย่อยๆ ภายในถิ่นซาน ซิโร่ ซึ่งแน่นอนว่า โบบัน ที่เป็นประเภทยอมหักไม่ยอมงอจึงเลือกโบมือลาไปเลย ขณะที่ มัลดินี่ เองก็เกือบจะจากไปเหมือนกัน ทว่ายังดีที่เคลียร์กันได้

สุดท้ายสโมสรก็เลือกมอบความไว้วางใจด้วยการต่อสัญญาใหม่ ปิโอลี่ และพับแผนที่ต้องการตัว รังนิก ทิ้งลงถังขยะไป

จากนั้น สิ่งน่าทึ่งก็เกิดขึ้น มิลาน พัฒนาขึ้นภายใต้การคุมทัพของ ปิโอลี่ อย่างรวดเร็ว

เป็นที่ชัดเจนว่าความคิดของ มัลดินี่ นั้นถูกต้อง

ปิโอลี่ ได้รับการยกย่องว่าเป็นในคนที่ดีสำหรับการทำงาน แต่เขาก็ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในนักแท็คติกระดับชั้นนำในอิตาลี

อย่างไรก็ตาม ปิโอลี่ ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงการทำงานอย่างสมบูรณ์แบบต่อสโมสรในยามวิกฤต

"สเตฟาโน่ สงบนิ่งอยู่เสมอ เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยม ไม่ใช่แค่โค้ชที่ยอดเยี่ยม แต่ยังเป็นแบบอย่างให้กับเราทุกคนด้วย" กาซิดิส กล่าว

มันไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์เลยที่ ปิโอลี่ และคนที่มีชื่อเสียงล้นพ้นอย่าง มัลดินี่ ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงการทำงานคู่กันอย่างสมบูรณ์แบบ

ดังที่อดีตมิดฟิลด์ และเทรนเนอร์ของพวกเขาอย่าง คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ ระบุไว้ในการให้สัมภาษณ์กับ คอร์ริเอเล่ เดลโล่ สปอร์ต ว่า "การมีอยู่ของ เปาโล ทำให้ทีมมีความคิดแห่งผู้ชนะ และสะท้อนถึงดีเอ็นเอของ มิลาน"

"ผมรู้จัก มัลดินี่ ดี และผมรู้ว่าเขามีความสมดุลอยู่เสมอ ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เขารู้วิธีที่จะช่วยเหลือผู้เล่น และการแข่งขัน ต้องขอบคุณเขาที่ทำให้ มิลาน ก้าวต่อไปได้"

"ผมมองเห็นสปิริตเชิงบวกที่สโมสร ซึ่งมาจากการทำงานหนักของโค้ช และแนวทางของเขา ปิโอลี่ ให้ความสงบแก่ทีม และผลการแข่งขันก็บอกได้เป็นอย่างดี"

พวกเขาทำมันได้แล้ว มิลาน คว้าแชมป์ด้วยคะแนน 86 แต้ม ซึ่งสูงที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์สโมสรในยุคที่ 1 ชัยชนะคิดเป็น 3 คะแนน

สกาย สปอร์ต อิตาเลีย ยังได้เปิดเผยอีกด้วยค่าเฉลี่ยคะแนนในยุคของ ปิโอลี่ (1.96) นั้นดีกว่าคะแนนเฉลี่ยของตำนานโค้ช มิลาน อย่าง อาร์ริโก้ ซาคคี่ (1.95), เนเรโอ ร็อคโก้ (1.95) และ คาร์โล อันเชล็อตติ โดยมีเพียง ฟาบิโอ คาร์เปลโล่ (2.02) ที่มีอัตราดังกล่าวดีกว่าในประวัติศาสตร์สโมสร

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาอันน่าทึ่งนี้ไม่เพียงแต่พิสูจน์ให้เห็นถึงทักษะการบริหารคนของ ปิโอลี่ และความเฉียบแหลมทางแท็คติกที่ก่อนหน้านี้ถูกประเมินว่าต่ำเกินไป รวมถึงการทำงานในตลาดนักเตะของ มัลดินี่ ด้วย

มีการย้ายทีมที่น่าผิดหวังอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้ว ประวัติการทำงานของอดีตกองหลังรายนี้น่าทึ่งมาก

ซิมอน เคียร์ เข้ามาแบบยืมตัสในทีแรก ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นการเซ็นสัญญาครั้งสำคัญ ช่วยเปลี่ยนแนวรับ มิลาน ให้เป็นหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในอิตาลี

แม้ว่ากัปตันทีมชาติเดนมาร์กจะเจ็บหนักในช่วงต้นปี แต่การเซ็นสัญญาที่น่าประทับใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ปิแอร์ กาลูลู ที่มาจาก ลียง ในราคา 480,000 ยูโร ทั้งที่ไม่เคยเล่นในลีกสูงสุดสักนาทีก่อนมายังซาน ซิโร่

แน่นอนว่าการมี ฟาคาโย่ โทโมรี่ อยู่เคียงข้างช่วย กาลูลู ได้อย่างไม่ต้องสงสัย

เชลซี กำลังมองหากองเชียร์ระดับท็อปคลาสในยุโรป โดยที่ อันเดรียส คริสเตนเซ่น และ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ กำลังจะออกจากถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ในซัมเมอร์นี้ แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่พวกเขาจะเจอคนที่ดีกว่า โทโมรี่ และแน่นอนว่าไม่ใช่ราคา 28 ล้านยูโร ที่ มิลาน จ่ายเพื่อซื้อเขามาแน่

มูลค่าของกองหลังทีมชาติอังกฤษนั้นพุ่งขึ้นเป็น 2 เท่าจากตัวเลขนั้น แต่ใครจะรู้ว่าราคาของ ไมค์ เมนญ็อง ในตอนนี้เท่าไหร่แล้ว?

การเสีย จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ออกไปแบบไร้ค่าตัวในซัมเมอร์ที่แล้วอาจเหมือนสร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้ มิลาน

แต่หลังจากที่สโมสรตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ตอบรับข้อเรียกร้องอันบ้าคลั่งของผู้รักษาประตู และ มิโน่ ไรโอล่า อดีตเอเยนต์ของเขา มัลดินี่ ก็เดินหน้าทำงานเพื่อหาตัวแทนของเขาได้ตั้งแต่ก่อนที่ ดอนนารุมม่า จะจากไป

เมนญ็อง ถูกซื้อมาในราคาต่ำกว่า 15 ล้านยูโร แต่ก็กลายเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในเซเรีย อา ฤดูกาลนี้

ซานโดร โตนาลี่ ไม่ได้สร้างอิทธิพลในทันทีที่ มิลาน แต่หลังจากฤดูกาลแรกที่ยากลำบากในถิ่นซาน ซิโร่ อดีตดาวเตะ เบรสชา ก็พัฒนาจนกลายเป็นมิดฟิลด์ที่ยอดเยี่ยม

การเปรียบเทียบเขากับ อันเดรีย ปีร์โล่ กลายเป็นความเข้าใจผิดครั้งใหญ่ แต่ โตนาลี่ เชื่อว่าเขามีความคล้ายคลึงกับ เจนนาโร่ กัตตูโซ่ มากกว่า ดังที่ ปิโอลี่ เคยกล่าวว่าดาวเตะวัย 22 ปี คล้ายกับ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ คนใหม่มากกว่า

นอกจากนี้ มิลาน ยังรู้สึกว่าพวกเขากำลังมี 'นิว เธียร์รี่ อองรี' อยู่ในมือด้วย

มีความคล้ายกันอย่างมากกับ อองรี และ ราฟาเอล เลเอา ด้วยความฝีเท้าที่รวดเร็ว และการจบสกอร์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้

แน่นอนว่า เลเอา ยังต้องทำอะไรอีกมากก่อนที่เขาจะก้าวไปเทียบกับ อองรี ที่เราได้เห็นใน อาร์เซน่อล แต่ด้วยคุณภาพที่ชัดเจนนั้นทำให้เขาถูกเสนอชื่อให้เป็นเอ็มวีพีของเซเรีย อา หลังวันสุดท้ายของฤดูกาล

ตอนนี้เราได้เห็นแล้วว่าทำไมเขาถึงถูกมองว่าเป็นพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งเหลือเชื่อยิ่งกว่าเดิมที่ มิลาน เซ็นสัญญาเขาด้วยค่าตัวเพียง 23 ล้านยูโร

เราต้องจำไว้ว่าสโมสรชั้นนำหลายแห่งต่างต้องการตัวอดีตดาวเตะ ลีลล์ แต่ มัลดินี่ สร้างความแตกต่าง โดยโทรหา เลเอา เพื่อโน้มน้าวใจดาวเตะโปรตุเกสให้ย้ายมายังถิ่นซาน ซิโร่

นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยโดยตรงกับ มัลดินี่ ที่โน้มน้าวให้ เตโอ แอร์กน็องเดซ มายัง รอสโซเนรี่

แต่ทำไม เรอัล มาดริด และ ซีเนดีน ซีดาน เทรนเนอร์ในตอนนั้นจึงตกลงยอมปล่อยแบ็กซ้ายออกจากถิ่นเบร์นาเบว ในราคาเพียง 20 ล้านยูโร ซึ่งนั่นยังเป็นปริศนา

ทั้งหมดที่เรารู้แน่นอนคือ มัลดินี่ และ มิลาน ต่างจับตาการต่อรองในตลาด โดยเฉพาะอยางยิ่งเมื่อพูดถึงผู้เล่นอายุน้อย

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเซ็นสัญญา ซลาตัน อิบราฮิโมวิช วัย 38 ปี แบบไม่มีค่าตัวในเดือนมกราคม ปี 2020 ถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดของ ปีศาจแดงดำ

ซูเปอร์สตาร์ชาวสวีเดนรายนี้ให้ทั้งประสบการณ์ และความมั่นใจกับกลุ่มผู้เล่นอายุน้อยที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญในการพัฒนาทีม เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่แบร์กาโม่

อิบราฮิโมวิช มีชื่อเสียงเรื่องความเย่อหยิ่ง และเล่นตามบุคลิกของตัวเอง แต่เขากลับคลิกกับ ปิโอลี่ ซึ่งกลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับการเป็นผู้ช่วยโค้ช

แม้จะไม่ค่อยได้ลงสนามเนื่องจากอาการบาดเจ็บ แต่ อิบราฮิโมวิช ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงสถานะที่สูงตระหง่านในห้องแต่งตัว

พวกเขาได้ทำบางสิ่งที่ไม่ธรรมดา บางสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อพิจารณาจากความระส่ำระสายของสโมสรเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

มิลาน ยังคงอยู่ในสถานะที่การเงินไม่มั่นคงมาจากึความเลวร้ายในยุคของ หยงหง พวกเขายังไม่ได้กลับมาอยู่บนถนนที่ราบเรียบทางการเงินแบบเดียวกับคู่แข่งในอิตาลี หรือในยุโรป

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ ทูดอร์ ยังพูดถูกตามที่เขาบอกไว้ว่า มิลาน ไม่ได้มีผู้เล่นที่ดีที่สุดในเซเรีย อา แต่พวกเขาก็มีทีมสปิริตที่ดีที่สุด และโค้ชที่ดีที่สุด

นี่คือเรื่องที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ มิลาน ในฤดูกาลนี้ซึ่งไม่มีใครโต้แย้งได้

พาสต้า